“ขอโทษนะที่สร้างความลำบากให้เธอ แต่วางใจได้ พี่สัญญาว่าจะไม่ให้เขามาหาเื่เธออีก วันนี้ที่ลากเธอลงมาด้วยก็เพราะอยากจะให้เขาเห็นจะได้ตัดใจ แต่คิดไม่ถึงว่าคนอย่างเขาจะรับมือยากแบบนี้ ต่อไปพี่คงต้องปวดหัวอีกแล้ว” หลังจากที่มองอู๋เทียนเดินจากไป เหยาหลานก็ปล่อยมือจากแขนของเจียงไป๋ และใช้นิ้วมือที่เรียวยาวนั้นนวดคลึงขมับเบาๆ ด้วยท่าทางที่ปวดหัว อาการเมามายที่เห็นเมื่อครู่ ตอนนี้กลับหายไปหมดแล้ว
“พอแล้ว เื่จบแล้ว ผมจะไปกินข้าว … ” เจียงไป๋ยักไหล่อย่างไม่สนใจ แต่ก็ยังรักษาท่าทางที่ควรจะเป็ไว้ น้ำเสียงที่ใช้ก็มีแต่ความห่างเหิน ก่อนที่เขาจะหันหลังเตรียมจากไป เจียงไป๋ไม่ชอบถูกคนอื่นใช้ประโยชน์ และถึงแม้ผู้หญิงคนนี้จะสวยมากก็ตาม แต่เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี
“พี่ … ได้สิ” เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ห่างเหินของเจียงไป๋ เหยาหลานอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดมันออกมา ก่อนจะฝืนยิ้มพลางพยักหน้าและอำลาเจียงไป๋กลับไป ท่าทางที่อยากจะพูดแต่ไม่พูดอย่างนั้นทำให้ความโกรธของเจียงไป๋ลดลงมาบ้างแล้ว
เจียงไป๋เดินออกมาจากหมู่บ้านเพียงลำพัง เขาซื้อไตสองไม้ เนื้อยี่สิบไม้ และเบียร์อีกหนึ่งลังจากร้านอาหารริมถนนที่อยู่แถวนั้น เจียงไป๋เริ่มดื่มกินเพียงลำพัง ขณะที่เขากำลังดื่มอย่างเมามันอยู่นั้นก็มีเสียงเรียกเข้าน่าฟังจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น “เจียงไป๋ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? หายไปไม่บอกไม่กล่าวกันเลย ตอนแรกฉันคิดว่านายอาจจะมีเื่อะไรบางอย่าง แต่ว่าตอนนี้นายสร้างเื่ใหญ่แล้ว!”
คนที่โทรศัพท์มาหาเจียงไป๋ก็คือผู้จัดการของ “สถานบันเทิงต้าชื่อเจี้ย” ที่เมื่อก่อนนั้นเจียงไป๋เคยทำงานอยู่ ผู้จัดการมีชื่อว่าหลี่เฉียง เขาเป็ชายอ้วนอายุสี่สิบปีกว่าคนหนึ่ง ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนก็เป็บุคคลที่เคยอยู่ในวงการมาก่อน ในแถบช่างตงก็มีหน้ามีตาไม่น้อย และยังได้ยินมาอีกว่าเมื่อก่อนเคยติดคุก ต่อมาเถ้าแก่ใหญ่ของต้าชื่อเจี้ยให้ความสำคัญกับเขามาก จึงทำให้เขาได้มาเป็ผู้จัดการของที่นั่น ซึ่งเื่จริงเป็อย่างไรนั้นก็ไม่มีใครรู้ชัดเจน แต่คนส่วนใหญ่ต่างก็พูดกันมาแบบนี้ หลี่เฉียงเป็คนที่วางตัวเป็ ไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหนก็สามารถปรับตัวได้เสมอ เมื่อก่อนตอนที่เจียงไป๋อ่อนแอถูกคนรังแกเขาก็เคยช่วยไว้หลายครั้ง แต่ตอนนี้เมื่อเขาโทรศัพท์มาหากลับทำให้เจียงไป๋รู้สึกคาดไม่ถึง
“เื่อะไร?” เจียงไป๋ไม่ได้ใ แต่ภายในใจก็พยายามคิดทบทวนเื่ต่างๆ ในแถบช่างตงนี้ต้าชื่อเจี้ยถือว่ามีชื่อเสียงไม่น้อย เคยได้ยินมาว่าเถ้าแก่ก็เป็คนใหญ่คนโตเช่นกัน คนอย่างหลิวปินก็เป็แค่อันธพาลปลายแถว ทำไมถึงได้ไปวุ่นวายที่นั่นได้? ถึงกับทำให้หลี่เฉียงต้องโทรศัพท์มาหาเขา?
“่ก่อนหน้านี้นายไปตีหัวใครแตกมาหรือเปล่า? และยังบอกให้เขามาหานายที่ต้าชื่อเจี้ยอีก? ไม่เลวเลยนะ นายเก่งขึ้นแล้ว แต่ก่อนเห็นซื่อๆ ไม่เคยหาเื่ใคร ทำไมพอลงมือถึงได้โหดอย่างนี้? เกือบจะทำให้ไอ้หนูนั่นตายแล้ว! แต่ตอนนี้ก็ดี เขามาหานายถึงที่ ครั้งนี้พี่ชายอย่างฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้ นายมาจัดการเองเถอะ ฉันดูแล้วครั้งนี้นายเลี่ยงไม่ได้แน่ คงจะต้องมีเืตกยางออก นายรีบไปสั่งเสียคนในครอบครัวเถอะ เพราะคนที่อีกฝ่ายหามานั้น … อืม … นายคงจัดการไม่ได้หรอก” เสียงของหลี่เฉียงดังขึ้นอีก ในตอนแรกที่เขาเริ่มพูดก็ดูเหมือนรู้สึกเจ็บใจอยู่บ้าง แต่พอถึงตอนท้ายสุดกลับเปลี่ยนไปอีกแบบ แต่มันทำให้เจียงไป๋เข้าใจถึงเหตุผลในตอนนี้แล้ว
คนที่สามารถทำให้หลี่เฉียงก้มหัวได้ โดยเฉพาะตอนที่ไปหาถึงต้าชื่อเจี้ย และแม้แต่เถ้าแก่ที่มีความสามารถมากมายของต้าชื่อเจี้ยยังต้องยอมก้มหัวให้ แสดงว่าเื่นี้ต้องไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน
“ผมรู้แล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้!” หากอีกฝ่ายคิดที่จะแจ้งความจริงๆ ตอนที่ตำรวจมาหาถึงที่เจียงไป๋ก็คงจะผวาอยู่บ้าง แต่หากจะใช้วิธีการที่ไม่เป็ไปตามระเบียบ หาคนมาจัดการกันเอง เจียงไป๋ก็ไม่กลัว เขาเพิ่งจะได้เป็ปรมาจารย์มวยปาจี๋และยังไม่ได้แสดงฝีมือเลย และนี่ก็ถือเป็โอกาสดีที่จะได้ฝึกปรือฝีมือ
หลังจากดื่มเหล้าและจ่ายเงินแล้ว เจียงไป๋ก็ออกไปเรียกแท็กซี่ ผ่านไปยี่สิบนาทีเขาก็มาถึงประตูทางเข้าของต้าชื่อเจี้ย เวลานี้เที่ยงคืนพอดี ถือว่าเป็่เวลาที่การค้าขายกำลังรุ่งเรือง ต้าชื่อเจี้ยแห่งนี้มีทั้งบาร์ คาราโอเกะ และยังมีเซาน่า เป็กิจการบริการั์ใหญ่ที่รุ่งเรืองมาก ตอนนี้ประตูทางเข้ามีรถจอดเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็คันใหญ่หรือคันเล็ก และในนี้ยังมีรถหรูราคาเป็ล้านจอดอยู่อีกจำนวนหนึ่ง ด้านหน้าประตูทางเข้ามีชายหญิงที่ดื่มจนเมามายนั่งพิงอยู่ริมถนน บางคนกำลังโอบกอดกัน บางคนก็พากันออกไปเป็คู่ๆ
“เสี่ยวไป๋นายมาแล้ว! ฉันจะบอกว่าระวังหน่อยนะ ฉวีเจี๋ยมาแล้ว เขาพาคนมายี่สิบกว่าคนรอนายอยู่ที่ห้องหกหกหก พี่เฉียงก็อยู่ที่นั่นด้วย นายระวังหน่อยล่ะ ฉวีเจี๋ยคนนั้นนายจะยุ่งด้วยไม่ได้ ฉันแนะนำให้นายอย่าเข้าไปเลย นั่งรถกลับบ้านเกิดไปจะดีกว่า เพราะถึงเขาจะโหดแค่ไหนก็คงจะไม่นั่งรถหลายพันลี้เพื่อตามหานายหรอก ใช่ไหม?” เจียงไป๋เพิ่งจะลงจากรถยังไม่ทันได้เข้าประตู ยามที่อยู่หน้าประตูคนหนึ่งก็ดึงเจียงไป๋ไว้เสียก่อน เขาเป็เพื่อนบ้านเดียวกันกับเจียงไป๋ ทั้งสองคนอยู่เมืองเดียวกัน อีกฝ่ายแก่กว่าเขาและปกติก็จะเป็คนดูแลเจียงไป๋ ตอนนี้เมื่อเห็นเจียงไป๋มาแล้ว เขาก็รีบดึงตัวมากระซิบกระซาบ
“ฉวีเจี๋ย?” เมื่อเจียงไป๋ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้ว ฉวีเจี๋ยคนนี้เจียงไป๋ก็รู้จัก เขาเป็อันธพาลที่มีชื่อเสียงในแถบช่างตง เป็พวกเดนตายคนหนึ่ง ปกติจะมีอันธพาลปลายแถวไม่น้อยมั่วสุมอยู่กับเขา หลายปีมานี้ในแถบช่างตงไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขา ได้ยินมาว่าคนคนนี้ต่อยตีเก่งมาก โเี้อำมหิต แต่ก็เป็คนมีสัจจะมีเหตุมีผล ดังนั้นคนคนนี้จะว่าโหดก็โหด แต่ก็มีคนเลื่อมใสเขาไม่น้อย เมื่อก่อนเขาก็เคยมาที่นี่ เจียงไป๋เคยเห็นแวบหนึ่ง และเถ้าแก่ก็ยังออกมาต้อนรับด้วยตัวเองอีกด้วย คิดไม่ถึงว่าหลิวปินจะเชิญเขามาได้ มิน่าล่ะแม้แต่เถ้าแก่ก็ยังไม่กล้าออกหน้าแทน เขาจะยอมล่วงเกินฉวีเจี๋ยเพื่อยามตัวน้อยๆ ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงหรือ? อย่าล้อเล่นน่า เถ้าแก่ก็ไม่ใช่คนโง่! หากเป็ใครก็คงไม่อยากมานอนอยู่ในน้ำขุ่นๆ นี้หรอก
“ลุงเฉา ไม่เป็ไรลุงวางใจเถอะ” เจียงไป๋ตบมือของลุงเฉาเบาๆ ในสายตาที่เป็กังวลของลุงเฉา จากนั้นเจียงไป๋เดินตรงเข้าไปที่ห้องโถงอันหรูหราโอ่อ่านั้น ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของคนกลุ่มหนึ่ง เขาผลักประตูเดินเข้าไปในห้องวีไอพีหกหกหกทันที
พอเข้าประตูมาก็เห็นชายรูปร่างกำยำประมาณยี่สิบสามสิบคนนั่งอยู่ในห้องส่วนตัว ตรงกลางมีชายหนุ่มที่โกนหัว สวมเสื้อเชิ้ตลายดอก กางเกงเดฟขายาว มีรอยสักที่คอมองเห็นเป็รูปกรงเล็บัสีคราม เขานั่งตัวตรงอยู่ตรงกลาง ข้างๆ คือหลี่เฉียงซึ่งเป็คนที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่มาโดยตลอด แต่ตอนนี้เขากำลังถือเหล้าและยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการประจบสอพลอ นอกจากนี้ยังมีสาวสวยที่มีชื่อเสียงของร้านสามสี่คนพิงอยู่ซ้ายขวา คนคนนี้นั่งอยู่ตรงกลาง นั่งไขว้ขาจุดบุหรี่หนึ่งมวน และหรี่ตา นั่นทำให้หลี่เฉียงที่เอาอกเอาใจอยู่ข้างๆ มีสีหน้าอึดอัด คนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาก็คือฉวีเจี๋ย!
“ผมคือเจียงไป๋ คุณมาหาผมหรือ?” เจียงไป๋ก็ไม่ได้รู้สึกเกรงใจ เขาเดินเข้ามาอย่างไม่สนใจไยดี ก่อนจะยกอันธพาลปลายแถวคนหนึ่งที่อยู่ด้านซ้ายของฉวีเจี๋ยขึ้นแล้วโยนลงกับพื้นโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก จากนั้นเขาก็นั่งลงและมองฉวีเจี๋ยที่อยู่ตรงหน้าพลางพูดอย่างเยือกเย็น วันนี้ไม่เหมือนกับวันก่อนแล้ว เขาในตอนนี้ไม่ได้เห็นคนคนนี้อยู่ในสายตาแล้ว
“เจียงไป๋แกทำอะไร! พูดอย่างนี้กับพี่เจี๋ยแกยังอยากจะมีชีวิตอยู่อีกไหม! รีบขอโทษพี่เจี๋ยซะ! พี่เจี๋ยเป็ผู้ใหญ่ใจกว้าง เขา … ” เมื่อเจียงไป๋ทำแบบนี้ อันธพาลกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ก็นั่งไม่ติดแล้ว คนหนุ่มยี่สิบกว่าคนรีบยืนขึ้นอย่างฮึกเหิม เจ็ดแปดคนในนี้หยิบอาวุธออกมา ส่วนที่เหลือในมือแต่ละคนต่างถือขวดเบียร์คนละขวดไว้ เหมือนกับว่าเพียงแค่ฉวีเจี๋ยสั่งการมา พวกเขาก็จะทำให้เจียงไป๋นอนหมอบออกไปทันที หลี่เฉียงที่อยู่ข้างๆ จึงรีบกระแอมออกมาทันที
“ฮ่าๆ … ไอ้หนูนี่ช่างกล้าจริงๆ ! หลายปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดอย่างนี้กับฉัน!” หลี่เฉียงอยากจะช่วยเจียงไป๋ไกล่เกลี่ย แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ ฉวีเจี๋ยก็ปริปากพูดแทรกก่อน เขาลุกขึ้น และมองเจียงไป๋ที่อยู่ตรงหน้าพลางครุ่นคิด
“นั่นเป็เพราะพวกเขากลัว แต่ผมไม่กลัว! คุณมาเพื่อหลิวปินใช่ไหม? ผมไม่คิดว่าการที่ผมสั่งสอนเขาจะมีความผิด ทำไมคุณถึงช่วยออกหน้าแทนเขาล่ะ?” สำหรับทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ เจียงไป๋รู้สึกว่ามันไม่น่าสนใจเท่าไร เขานั่งอยู่ตรงนั้นและยกไวน์ขึ้นมาขวดหนึ่ง เทเองจิบเอง ก่อนจะมองฉวีเจี๋ยที่อยู่ตรงหน้าพลางพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ไม่เลว เื่ราวเป็มาอย่างไร ฉันรู้แล้ว แน่นอนว่าหลิวปินทำไม่ถูก แต่นายก็ลงมือโหดไปหน่อย ไอ้หนูนั่นก็ไม่ใช่คนดีอะไรปกติฉันก็ไม่ได้สนใจเขา แต่พูดตามจริงแล้วเขาก็เป็ลูกพี่ลูกน้อง เป็ลูกชายของป้าฉัน ครั้งนี้ป้าโทรศัพท์มาหาฉันเอง อย่างไรก็ตาม เื่นี้นายก็ต้องมีคำอธิบายให้ฉัน เื่เงินฉันเองก็มีไม่มาก แต่ก็ไม่ได้ขาดแคลน สถานการณ์ของนายฉันก็พอรู้มาบ้าง หาก้าเงินนายคงไม่มีแน่นอน แล้ววันนี้จะเอาอย่างไรดี? จะเหลือมือไว้ข้างหนึ่งหรือจะให้ฉันทำให้หัวของนายแตกดี?” ฉวีเจี๋ยหรี่ตามองเจียงไป๋ที่อยู่ตรงหน้าพลางพูด และเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม น้ำเสียงไม่ได้ดุเดือดมาก แต่กลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้