ฮวาเหยียนฟังคำนั้นของเขาแล้วค่อยๆ สูดลมหายใจเย็นๆ เข้าปอดหนึ่งครั้ง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยไฟแห่งโทสะ ชายหน้ากากทองคนนี้ถึงจะไร้ความสามารถ แต่เขาก็ทำให้ใจนางรู้สึกรังเกียจขึ้นมาได้จริงๆ ทำตัวเหมือนหมาเที่ยวไล่กัดผู้อื่น วันนี้ถ้ารอดไปได้ เห็นทีจะต้องขโมยจนเขาสิ้นเหนือประดาตัวกันสักครา
ชายชุดคลุมสีดำพอได้ฟังคำของชายหน้ากากทอง แม้จะเคารพแต่กลับไม่กล้าขยับตัวลงมือแม้แต่คนเดียว
“ทำไม? ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ? ”
น้ำเสียงของชายคนนั้นแข็งกร้าว ชายเสื้อคลุมสีดำนับร้อย เ้าของร่างกายกำยำเ่าั้ขยับ “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง! ”
เงาผู้คนสีดำทมิฬและสายตานับร้อยนั้นจ้องมองมาที่ฮวาเหยียน จากนั้นก็เข้ามาใกล้นางด้วยใบหน้าเ็าและไร้ความรู้สึก
“หึ เชื่อข้าหรือไม่ เพียงแค่พวกเ้าแตะต้องข้าแม้เพียงปลายเส้นขน จุดจบของพวกเ้าทุกคนย่อมเป็ความตาย พวกเ้าไม่เห็นเ้านายที่ปากกับใจไม่ตรงกันหรือ? ”
ฮวาเหยียนยิ้มชั่วร้ายเหมือนกับจิ้งจอกเก้าหาง
เหล่าคนชุดคลุมสีดำต่างหยุดนิ่งพร้อมกัน
พวกเขาถูกคำขู่ของฮวาเหยียนหยุดเอาไว้
แม้ไม่กล้าขัดคำสั่งของนายท่านแต่ก็พวกเขาก็กลัวตายเช่นกัน
“มู่อันเหยียน เ้านี้ไม่ประมาณตนเอาเสียเลย”
ชายหน้ากากทองโมโหถึงขีดสุด เขายกมือโบกเป็สัญญาณ “ไป”
พวกคนชุดคลุมสีดำรุดหน้าเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน ฮวาเหยียนกลอกตา ชายหน้ากากทองคนนี้จิตใจเหี้ยมโหดเสียจริง หรือว่าวันนี้นางต้องถูกกำจัดจนตายที่นี่? หากตกอยู่ในกำมือของชายหน้ากากทอง หากเป็เช่นนั้น นางยอมตายเสียยังจะดีกว่า ผู้ชายคนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวบรรยายได้แค่สองคำคือ โหด กับเหี้ยม!
ทำเช่นไรดีเล่า
ลมหนาวที่เย็นเยือกแต่ก็ยังเย็นไม่เท่าดวงตาของฮวาเหยียน
ชายหน้ากากทองนั่งอยู่บนม้าราวกับองค์าาที่รอให้ผู้คนสวามิภักดิ์ต่อตนเอง
ดังนั้น...
น่าสนใจ ชายหน้ากากทองผู้นี้คงเริ่มจากความรักใคร่สู่ความเกลียดชัง เมื่อรักมากก็ย่อมเกลียดมาก เขารักสตรีที่ชื่อมู่อันเหยียนนั่น ดังนั้นจึงเกลียดลูกของผู้หญิงคนนี้ที่ไปมีอะไรกับผู้อื่น
ชั่วพริบตาเดียว ฮวาเหยียนได้สร้างละครน้ำเน่าทั้งรักทั้งเกลียดขึ้นมาในสมอง
ในวินาทีถัดมา ฮวาเหยียนพลันเงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่แต่เดิมนั้นดูเ็าพลันเปี่ยมไปด้วยน้ำตา เดิมนางก็เป็ผู้หญิงที่มีเสน่ห์ยิ่งนักอยู่แล้ว มาบัดนี้ทั่วทั้งร่างของนางสั่นเทิ้ม ท่าทีหวาดกลัวสุดขีดแต่กลับไม่ยอมจำนน การคาดคะเนที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ แม้ว่าเขาจะเป็ชายที่ใจแข็งเพียงใด ก็คงต้องใจอ่อนให้กันบ้าง
“ท่าน จะทำแบบนี้จริงๆ หรือเ้าคะ? ”
ทันใดนั้น ฮวาเหยียนก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าโศกและรันทด ท่าทางราวกับถูกคนทำร้ายจิตใจ อารมณ์ของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแต่กลับดูเป็ธรรมชาติยิ่ง ไม่มีอาการเขินอายแต่อย่างใด
อืม ใช่แล้ว
ความปรารถนาในวัยเด็กของฮวาเหยียนคือการเป็นักแสดงผู้มีชื่อเสียง เข้าสู่วงการฮอลลีวูดและรับรางวัลออสการ์
หากแต่ว่าพระเ้าไม่ให้โอกาสนาง นางจึงต้องกลายมาเป็หัวขโมยผู้มีชื่อเสียงแทน
ดังนั้น ในตอนนี้ดราม่าขนานแท้จึงได้เวลาออนแอร์แล้ว
ชายหน้ากากทองถึงกับตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าผู้หญิงที่มีท่าทีแข็งแกร่งมาตลอดจะแสดงท่าทีอ่อนแอและออดอ้อนออกมา แต่เมื่อเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมอก หัวใจของเขาก็กลับมาเ็าขึ้นมาอีกครั้ง “มู่อันเหยียน เ้ารู้ซึ้งถึงความหวาดกลัวแล้วหรือ? ตอนนั้นที่เ้ามั่วโลกีย์กับชายอื่น เ้าน่าจะคิดถึงผลที่ตามมาให้ดีเสียก่อน”
ชายหน้ากากทองส่งเสียงเ็า โทสะแล่นพร่านไปทั่วทั้งร่าง
ฮวาเหยียนจะรู้ได้อย่างไรว่าชายที่เขาพูดถึงคือผู้ใด ทว่าหากยิ่งพูดก็คงจะยิ่งแย่ นางทำตาเบิกโพลงอย่างปวดร้าวและไม่ได้เต็มใจ เป็การแสดงที่สมบูรณ์ยิ่ง “แต่ ข้าถูกบังคับ...”
สิ้นคำพูด ชั่วพริบตา น้ำตาพลันหลั่งไหลพรั่งพรูราวกับสายฝน
“คนที่ข้ารักคือท่าน เป็ท่านมาตลอด แต่เขาบีบบังคับข้า ข้าเองก็ไม่กล้าบอกท่าน หนำซ้ำท่านรู้หรือไม่? เด็กคนนี้เป็ลูกของท่าน เป็ลูกของท่าน ข้ารู้ว่าตัวข้ามีมลทินไม่บริสุทธิ์ ไม่มีหน้าจะอยู่ต่อไป แต่เด็กคนนี้ได้โปรดท่านเมตตาเขาด้วย”
น้ำในตาของฮวาเหยียนค่อยๆ ไหลรินลงมาเป็สายไม่หยุด ตามด้วยคำพูดที่สิ้นหวัง ช่างบีบคั้นหัวใจคน
การแสดงเป็สตรีที่โดนดูถูกเหยียดหยาม แต่กลับต้องแข็งแกร่งยืนหยัดของฮวาเหยียนนั้นเฉียบคมยิ่งนักและมันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกประทับใจเป็อย่างยิ่งเช่นกัน
น้ำตาเอ่อคลอ ฮวาเหยียนมองไปที่ชายหน้ากากทอง กลับเห็นว่าบรรยากาศรอบๆ ตัวเขากลับยิ่งเย็นลง ราวกับที่นางทำไปไม่ทำให้เขารู้สึกอันใดเลยสักนิด ซ้ำยังโกรธยิ่งกว่าเดิม หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเขาขบฟัน “มู่อันเหยียน สมองเ้านี่ถูกลาถีบ [1] ไปแล้วหรือ คำพูดโง่ๆ เช่นนี้ก็ยังพูดออกมาได้ หากไม่ใช่ว่าข้าผู้นี้ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเ้า คงต้องถูกเ้าหลอกเข้าแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าคุณหนูมู่อันเหยียนแท้จริงแล้วจะมีพร์ด้านการแสดง”
หืม?
พอฟังคำของชายหน้ากากทองคำ มู่อันเหยียนก็พลันตกตะลึงมึนงง หา? ชายหน้ากากทองคำไม่เคยแตะมู่อันเหยียนมาก่อน?
โง่!
ถ้าไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวมาก่อนจะมีลูกได้อย่างไร การแสดงผ่านไปแล้ว ก็ต้องโทษตัวเองที่เติมบทเอง!
แม้ฮวาเหยียนจะแสดงบทที่ถูกคนอื่นแฉแต่นางก็ไม่รู้สึกอับอายเลยสักนิด น้ำตายังคงล้นเอ่อทั่วดวงตา นางเช็ดมันทิ้ง ความอ่อนแอโศกเศร้าบนหน้าพลันมลายหายไป น้ำเสียงที่ใช้เ็ายิ่ง นางหันไปพูดกับชายหน้ากากทอง “ไม่ใช่ชายแท้ มิน่าเล่า ถึงถูกนอกใจ”
“เ้าพูดว่ากระไรนะ? ”
และประโยคนี้เองก็เป็ประโยคที่ยั่วโมโหชายหน้ากากทอง
น้ำเสียงเย็นเฉียบเป็ูเาน้ำแข็งสูงสิบลี้ ความโมโหพุ่งสูงสุดขอบฟ้า
ชายหน้ากากทองโยนตัวลงจากหลังม้า เขาสาวเท้าก้าวยาวๆ มาหามู่อันเหยียน ดวงตาเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
“มู่อันเหยียน เ้าช่างรนหาที่ตายเสียจริง”
มือถือธนูทองคำพร้อมด้วยลูกศรขนนกสามดอก เสียงดัง สวบ สวบ สวบ พุ่งตรงไปบีบบังคับฮวาเหยียน แต่ฮวาเหยียนก็พลิกมาด้านข้างและเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด คนทั้งร่างพลันยืนตระหง่านอยู่บนหน้าผาสูงชัน
ทหารทุกนายเงียบสนิทราวกับเสียงจักจั่นในหน้าหนาว ไม่มีผู้ใดกล้าแม้แต่จะหายใจ
เขาโยนธนูทองคำไป สาวเท้าก้าวใหญ่เข้าหาฮวาเหยียน ดุจดังาาพญายมเพรียกหาชีวิต
ชายหน้ากากทองเดินเข้ามาใกล้ช้าๆ ฮวาเหยียนใจเต้นแรง เหล่าชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้า นางล้วนไม่วางไว้อยู่ในสายตา มีเพียงชายหน้ากากทองที่อยู่ข้างหน้าที่คุกคามนางมากที่สุด
ในที่สุด เขาก็มาหยุดยืนนิ่งไม่ขยับอยู่เบื้องหน้าฮวาเหยียน ทันใดนั้นก็ยื่นมือออกมาแล้วกำส่วนที่เป็อันตรายต่อชีวิตของฮวาเหยียนไว้
เมื่อเขาอยู่ในระยะประชิด ฮวาเหยียนถึงมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสายตาคู่นั้นใต้หน้ากากแดงก่ำเพียงใด แววตาฉายแสงเย็นเยือกโหดร้าย “มู่อันเหยียน เปิ่นจวิ๋นให้ท้ายเ้ามากเกินไปแล้ว ความตายคงจะง่ายเกินไปสำหรับเ้า เปิ่นจวิ๋นตัดสินใจแล้วว่าจะจับเ้าส่งให้ค่ายทหาร ให้เป็นางโลมในในนั้น หลังจากนั้นก็โยนร่างสกปรกของเ้าเข้าไปในหลุมศพ ให้สัตว์ป่ารุมกัดกิน”
“เฮงซวย”
ฮวาเหยียนด่าทอด้วยความโมโห
กริชที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าอ้อมมาตลอดก็แทงลงไปตรงหว่างขาของชายหน้ากากทองทันที “ถ้าหากเ้าปรารถนาให้ข้าตาย ข้าคนนี้จะไม่มีวันทำให้เ้าสมปรารถนาชั่วชีวิต”
การโจมตีนั้นรวดเร็วและแม่นยำ
ในวินาทีนั้น ฮวาเหยียนเตรียมตัวมาอย่างดี กริชที่ซ่อนมาตลอด รอเพียงจังหวะโจมตี
“มู่ อัน เหยียน เ้า รน หา ที่ ตาย”
ชายหน้ากากทองถอยหลังมาตามจิตใต้สำนึก หน้าดำเข้มราวกับน้ำหมึกเพราะนั่นเป็จุดสำคัญที่สุดของบุรุษ เขาโบกหลังมืออย่างโเี้ เป้าหมายคือเด็กน้อยในอ้อมอกของฮวาเหยียน หากเขาฟาดมือลงไป เด็กน้อยต้องถูกพรากชีวิตไปแน่
ไร้ซึ่งความลังเล ฮวาเหยียนหันหลังกลับอย่างรวดเร็วและแบกรับแรงตีด้วยชีวิต
จากนั้นร่างกายของนางก็โบยบินออกไปอย่างควบคุมมิได้ ปลิวไปทางหน้าผาลึก
เดิมคิดว่าต้องตกลงไปด้วยความเร็วมหาศาลแต่กลับไม่เป็เช่นนั้น เพราะแขนเสื้อกลับถูกดึงไว้
เสียงเด็กร้องดังขึ้นมา เสียงลมกำลังคำรามแผดก้อง
หมวกงอบของนางร่วงหล่น เส้นผมสยายออกและเต้นระบำอย่างบ้าคลั่ง
ร่างของนางห้อยตกออกมาจากหน้าผา ชายผู้นั้นนั่งอยู่บนหน้าผาและดึงเสื้อของนางเอาไว้ “มู่อันเหยียน เ้าอยากตายขนาดนี้เลยหรือ ไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก”
ฮวาเหยียนเงยหน้าขึ้นมองชายหน้ากากทอง ในสถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าของนางไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิด คิ้วและดวงตาเ็าราวกับมีด มุมปากกลับพกรอยยิ้มชั่วร้าย ชั่ววินาทีถัดมา เห็นเพียงแค่ฮวาเหยียนที่ลอยอยู่กลางอากาศขยับข้อมือ แสงสีทองพุ่งออกจากสร้อยข้อมือของนาง และใช้มือข้างเดียวที่อุ้มเด็กอยู่โอบเด็กไว้ที่หน้าอก
เมื่อหมุนมือ กริชก็แทงไปที่หลังมือของชายหน้ากากทองอย่างโเี้จนทะลุขึ้นไป หยาดโลหิตซ่านกระเซ็น เกิดเป็าแสาหัส
“มู่ อัน เหยียน”
ชายหน้ากากทองกัดฟันพร้อมกับะโเรียกชื่อนางอย่างคับแค้น ภายใต้ความเ็ปเช่นนี้ กลับยังไม่ปล่อยมือ เขายังคงดึงคอเสื้อของมู่อันเหยียนเอาไว้แ่า
ตาของมู่อันเหยียนถูกลมพายุพัดจนลืมตาไม่ได้ ในใจสั่นไหวอย่างรุนแรง ชายคนนี้มีจิตใจที่แน่วแน่ยิ่งนัก แม้หลังมือจะถูกกริชแทงแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย แสดงให้เห็นว่าคนคนนี้มีจิตใจโเี้เพียงใด หากตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเขา ยังจะมีทางรอดอยู่อีกหรือ?
นางลืมตาราวกับเห็นแววตาโหดร้ายเ็าของชายคนนี้ นางกัดฟันแล้วสบถออกไป “คนเฮงซวย ข้าคนนี้ทั้งชีวิตรักมากที่สุดคือทอง แต่จากวันนี้เป็ต้นไป ข้าขอไม่ข้องเกี่ยวกับทุกอย่างที่เป็สีทองทั้งหมด
ข้าผู้นี้ขอสาปแช่งเ้า ชั่วชีวิตนี้ขอให้เ้าโลกของเ้า ไม่ แข็ง ขึ้น มา อีก!”
ลมหนาวพัดโหยหวน หิมะขาวลอยปลิว
ฮวาเหยียนยกกริชขึ้นมาด้วยมือขวาแล้ว พุ่งแทงเข้าแขนเสื้ออย่างว่องไว เสียงแคว่กฉีกขาด ทันใดนั้นแขนเสื้อพลันขาดสะบั้น นางร่วงหล่นลงไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาที่นางเห็นก่อนที่จะตกลงไปคือแววตาไม่อยากจะเชื่อของชายหน้ากากทอง...
เชิงอรรถ
[1] 让驴踢 ถูกลาถีบ เป็คำด่าทอ หมายถึง การทำเื่ที่คนปกติไม่ทำกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้