ฮวาเหยียนกรีดร้องเพราะ้าจะแย่งชิงเอาสมบัติของตนคืนกลับมา แต่วรยุทธ์ของนางไม่อาจเทียบตี้หลิงหานได้จริงๆ หากถูกตรึงไว้กับที่ นางก็คงไม่อาจขยับเขยื้อนได้ แม้แต่จะพูดก็คงจะพูดไม่ได้ด้วยเช่นกัน
ในยามนั้น นางเห็นตี้หลิงหานผู้ขโมยสมบัติของนางไปด้วยใบหน้าที่เ็า ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะพูดว่า "ฮวาเหยียน ที่เ้าป้อนน้ำลายใส่ปากข้า ข้าจะให้เ้าชดใช้คืนเป็สิบเท่า"
ในยามนั้น นางมองเห็นใบหน้าที่เฉยเมยของตี้หลิงหานค่อยๆ บรรจงกดจูบอย่างหนักหน่วงลงบนปากของนาง... ของนาง...
กรี๊ดๆๆๆๆ...
ฮวาเหยียนะโลั่น มือและเท้าของนางสะบัดโบกอย่างบ้าคลั่ง ทว่าตี้หลิงหานที่กำลังจูบนางอยู่นี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ ซ้ำจูบของตี้หลิงหานกลับรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนไปที่ใบหน้าของนาง...
“ตี้หลิงหาน ไอ้เ้าบ้า”
ในที่สุดฮวาเหยียนร้องด่าออกมาเสียงดัง พอนางลืมตาขึ้นก็รู้สึกว่ามีเงาดำพาดทับอยู่ข้างหน้านาง อีกทั้งเงานั้นยังพยายามใช้กำลังปิดปากของนางด้วย
ยังไม่ทันมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคืออะไร นางก็คว้ามันเอาไว้ทันที ดวงตาของนางจ้องเขม็ง ปรากฏว่าเป็เสี่ยวไป๋นี่เองที่จ้องมองนางด้วยดวงตากลมโต นางยกมือขึ้นลูบหน้าของตัวเองที่เต็มไปด้วยน้ำลาย ปรากฏว่าเ้าตัวเล็กนี่เองที่ไม่รู้ว่าเข้ามาในห้องของนางได้อย่างไร
เฮ้อ…
ฮวาเหยียนกุมศีรษะของตนเอง เหตุใดนางถึงฝันได้น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ที่จริงนางฝันถึงตี้หลิงหาน ไอ้ผู้ชายเวรนั่น คนที่ขโมยสมบัติของนางไป และ...
“เสี่ยวไป๋ เหตุใดเ้าถึงไม่ไปหาหยวนเป่าเล่า เหตุใดถึงวิ่งมาหาข้าที่นี่? แถมยังเลียหน้าข้าจนหน้าเปียกน้ำลายไปหมด เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตุ๋นเ้าให้ดู! ”
ฮวาเหยียนเอ่ย
ยามนี้นางปวดหัวเหลือเกิน ซ้ำยังรู้สึกโชคร้ายยิ่งนักเพราะฝันถึงตี้หลิงหาน บุรุษผู้นั้น ทั้งยังฝันว่าเขาจูบนางอีก มันช่างน่าจับฆ่าเสียจริง และสาเหตุที่ทำให้นางฝันถึงเื่พวกนี้ก็เป็เพราะเ้าบ้าเสี่ยวไป๋นี่
“บรู๊ว...”
เสี่ยวไป๋กระดิกหางพร้อมกับจ้องมองนางด้วยดวงตาสีเขียวมรกตคู่หนึ่ง มันะโไปมาบนเตียง
“เ้าหิวหรือ? ”
ฮวาเหยียนถาม
“บรู๊ว...”
หางของเสี่ยวไป๋กระดิกอย่างมีความสุขมากขึ้นทันที
ฮวาเหยียนเหลือบมองด้วยสายตารังเกียจ “เสี่ยวไป๋ เ้าต้องจำเอาไว้ เ้าเป็หมาป่า มิใช่สุนัข อย่ากระดิกหาง เสียหน้าข้าหมด เ้าต้องแข็งแกร่ง เ้าต้องสง่างาม ต้องเป็ใหญ่ เป็ใหญ่เข้าใจหรือไม่? "
ฮวาเหยียนสั่งสอนมัน
เสี่ยวไป๋ผุดลุกขึ้นทันที มันแยกเขี้ยวแล้วทำท่าทางดุร้าย
"ถูกต้อง ไม่เลวเลย"
ฮวาเหยียนยิ้มและชมเชย แม้ว่าฝันร้ายจะทำให้นางอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่เป็เพราะการแสดงออกของเสี่ยวไป๋จึงทำให้ความรู้สึกเ่าั้ผ่อนคลายลงบ้าง
“รออีกครู่หนึ่ง เดี๋ยวสาวงามเช่นช้าจะพาเ้าไปกินของอร่อย”
ฮวาเหยียนใช้แรงลูบหัวของเสี่ยวไป๋ ขนบนตัวของเสี่ยวไป๋นุ่มมากและให้ความรู้สึกที่ดียิ่งนัก
พ่อแม่ของหมาป่าตัวน้อยนี้ตายไปหมดแล้ว เหลือมันแค่ตัวเดียว นางพบมันก่อนจะมอบมันให้กับหยวนเป่า จนถึงตอนนี้ นางยังจำท่าทางที่มีความสุขของหยวนเป่าในครานั้นได้อยู่เลย เด็กน้อยคนนั้นะโโลดเต้นไปมากับเ้าหมาป่าตัวน้อยในอ้อมแขนของนาง ด้วยความที่หยวนเป่าโตเร็วมาก เขาจึงไม่ค่อยเหมือนเด็กทั่วไปนัก แต่ในเวลานั้นเขากลับแสดงให้เห็นว่าเขามีความสุขมากเพียงใด
หลังจากนั้นหยวนเป่าก็ดูแลหมาป่าตัวน้อยตัวนี้เป็อย่างดี เขาอาบน้ำและทำอาหารให้มันด้วยตัวเอง ตอนกลางคืนก็นอนกอดมันไว้ในอ้อมแขน จุ๊ๆ ... นางที่แม่ของเขาก็ยังอิจฉาอยู่นิดหน่อย แต่โชคดีที่หยวนเป่าตัวน้อยยังคงเห็นนางเป็ที่หนึ่งเสมอ
ว่ากันว่าหมาป่าเป็สัตว์ดุร้าย แต่ที่จริงแล้วสัตว์ให้ความสำคัญกับอารมณ์มากกว่าคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสัตว์อย่างหมาป่า พวกมันซื่อสัตย์และมีคู่ชีวิตเพียงตัวเดียวตลอดทั้งชีวิตของมัน
เสี่ยวไป๋ฉลาดยิ่งนัก มันเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ นางและหยวนเป่าสามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเสี่ยวไป๋้าอะไร อีกทั้งสัตว์ตัวน้อยยังสามารถเข้าใจคำพูดของหยวนเป่ากับนางราวกับว่าในตัวมันมีคนอยู่ในร่างกาย
...
“เ้ารอข้าประเดี๋ยว ข้าขอตัวไปเก็บของก่อน”
ฮวาเหยียนยืดเอวพลางขยับกล้ามเนื้อและกระดูกเล็กน้อย ก่อนที่นางจะลุกจากเตียงและมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าสว่างแล้ว แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาทางหน้าต่าง ห้องถูกย้อมไปด้วยแสงแดด นับเป็วันใหม่อีกวัน
ฮวาเหยียนมองไปที่ห้องที่แปลกตา ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยบทกวี นางถอนหายใจก่อนจะมองย้อนกลับไป ที่นี่ไม่ใช่ศตวรรษที่ยี่สิบสี่ที่นางอาศัยอยู่มานานกว่าสิบปีหรือที่ด้านล่างของหุบเขาที่นางอาศัยอยู่มาสี่ปี แต่เป็จวนตระกูลมู่
นางเป็คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ มีท่านพ่อที่น่ารักที่คอยเอาอกเอาใจและมีพี่ชายที่รักและทะนุถนอมนาง
“คุณหนูใหญ่ ท่านตื่นหรือยังเ้าคะ? ”
ในยามนั้นพลันบังเกิดเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็เสียงของสาวใช้ที่ดังมาจากข้างนอก
"ตื่นแล้ว เข้ามาเถิด"
ฮวาเหยียนเปิดปากกล่าว เสี่ยวหงและเสี่ยวลวี่ผลักประตู ก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน สาวใช้ทั้งสองคนนี้รู้กฎกติกาดี พวกนางก้มหน้ามองต่ำ ไม่ลอบมองไปรอบๆ จากนั้นพวกนางก็ยกเอาถังไม้ที่ฮวาเหยียนใช้อาบเมื่อคืนออกไปก่อน จากนั้นก็นำอ่างทองแดงเข้ามา สุดท้ายก็นำผ้าเช็ดตัวไปให้ฮวาเหยียนเพื่อเช็ดทำความสะอาดมือของเธอ
ฮวาเหยียนไม่มีอะไรทำ นางจึงคุยกับเด็กรับใช้สองคนและได้รู้ว่าเด็กรับใช้สองคนนี้อยู่ในจวนมาสามปีแล้ว รวมถึงคอยทำงานอยู่ที่จวนด้านหน้ามาตลอด
สามปี นั่นคือ่เวลาหลังจากที่เกิดเื่กับมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ สาวใช้ทั้งสองถึงได้รับคัดตัวเข้ามาในจวน
สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวลวี่เป็คนขยัน นางไม่ค่อยพูดแต่เชี่ยวชาญการทำงาน ถึงกระนั้นก็ค่อนข้างน่าเบื่อ ในขณะที่หญิงสาวที่ชื่อเสี่ยวหงนั้นพูดเก่งและเข้าสังคมมากกว่า คำถามส่วนใหญ่ที่ฮวาเหยียนถาม ส่วนมากคนที่ตอบก็คือเสี่ยวหงนั่นเอง
ฮวาเหยียนยังทำความเข้าใจจากคำพูดของสาวใช้ทั้งสองคนว่าเมื่อสี่ปีที่แล้ว หลังจากที่เกิดเื่กับมู่อันเหยียน สาวใช้ที่รับใช้นางทั้งหมดถูกส่งตัวออกไป และตอนนี้ก็มีบางส่วนที่ถูกซื้อตัวกลับเข้าจวนมาในภายหลัง ดังนั้นหาก้าหาความจริงเมื่อสี่ปีที่แล้วและหาเบาะแสเกี่ยวกับบิดาของหยวนเป่า ประการแรกควรหาอดีตสาวใช้ประจำตัวของมู่อันเหยียนให้ได้เสียก่อน
“พี่หญิง ตื่นแล้วหรือเ้าคะ? ”
เมื่อฮวาเหยียนทำความสะอาดร่างกายเสร็จแล้ว เสียงอ่อนโยนก็ดังขึ้นมาจากลานเรือน เ้าของเสียงนั้นคือมู่ชิงอวิ้นนั่นเอง
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองมาหาเ้าค่ะ นี่เป็ครั้งที่สามที่นางมาใน่เช้านี้”
เสี่ยวหงพูดอย่างเร่งรีบ
ฮวาเหยียนขมวดคิ้ว น้องหญิงมาหาตนถึงสามครั้งใน่เช้า น้องหญิงมีเื่อะไรหรือ?
“ให้น้องรองเข้ามาเถิด”
ฮวาเหยียนกล่าว
ในยามนั้นเสี่ยวลวี่ขมวดคิ้วแน่น แม้ว่าสตรีคนนี้จะไม่ค่อยพูด ดูซื่อๆ เล็กน้อย แต่ฝีมือของนางนับว่าไม่เลวเลย
ในขณะที่มู่ชิงอวิ้นถูกเชิญให้เข้ามาในเรือน ฮวาเหยียนก็เดินออกจากห้องด้านในเช่นกัน วันนี้นางสวมเสื้อชั้นนอกและกระโปรงลายดอกไห่ถัง ท่อนบนเป็เสื้อสีอ่อนพร้อมเข็มขัดสีเดียวกันรอบเอว หูสองข้างประดับไข่มุกเม็ดเล็ก สง่างามและละเอียดอ่อน
มู่ชิงอวิ้นจ้องมองดวงหน้าฮวาเหยียนที่กำลังเดินออกมา ผิวผุดผาดขาวราวกับหิมะ คิ้วเรียวโดดเด่น นางแต่งกายหรูหราจนไม่อาจละสายตาจากความงามของนางได้
รูม่านตาของนางหดแคบลง หญิงสาวรู้สึกว่าอึดอัดที่หน้าอก นางหายใจเข้าลึกและหลับตาลงเงียบๆ เพียงเพราะรู้สึกว่าความงามของพี่หญิงที่อยู่ตรงหน้าช่างน่าตื่นตะลึงเสียจริง
“น้องหญิงชิงอวิ้น รีบมาที่นี่แต่เช้า มีเื่อะไรเกิดขึ้นหรือ? ”
ฮวาเหยียนเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเปล่งเสียงถามออกมา
คิดถึงเื่ที่มู่ชิงอวิ้นมาหานางถึงสามครั้งในยามเช้า หญิงสาวเกรงว่าน้องหญิงน่าจะมีธุระที่้าจะเอ่ยกับตน
มู่ชิงอวิ้นเปิดปากของนาง แต่ในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากพูด พลันปรากฏร่างสีขาวขึ้นจากห้องด้านหลัง ก่อนที่มู่ชิงอวิ้นจะเห็นว่ามันคืออะไร เงาร่างนั้นก็ล้มลงข้างเท้าของนาง
มู่ชิงอวิ้นใจนตัวโยน เมื่อนางก้มศีรษะลงพลันเห็นสัตว์สีขาวตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งพันรอบเท้าของนาง ความขยะแขยงฉายผ่านแววผ่านดวงตา หญิงสาวยกเท้าขึ้นเตะมันออกไปทันที
แรงเตะนี้มีพลังมากจนทำให้เสี่ยวไป๋ลอยออกไป จนกระแทกเข้ากับขาเก้าอี้
การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเร็วมากจนฮวาเหยียนตั้งตัวไม่ทัน อาจกล่าวได้ว่านางไม่คิดว่าน้องหญิงที่แสนอ่อนโยนและบอบบางเช่นนี้จะเตะเสี่ยวไป๋ได้
"เ้าทำอะไรน่ะ? "
ใบหน้าของฮวาเหยียนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางรีบก้มลงไปกอดเสี่ยวไป๋ทันที
เสี่ยวไป๋เจ็บจากการถูกเตะ มันแยกเขี้ยวและจ้องไปที่มู่ชิงอวิ้นด้วยท่าทางดุร้าย
ฮวาเหยียนกอดเสี่ยวไป๋แล้วลูบขนมันเพื่อปลอบประโลม สุดท้ายก็ทำให้มันอารมณ์เย็นลงได้สำเร็จ
ทางด้านมู่ชิงอวิ้นที่เตะเสี่ยวไป๋ออกไปก็ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่นี้นางทำเกินไปจริงๆ เมื่อเห็นฮวาเหยียนขมวดคิ้วจ้องมองมาที่นาง ดวงตาของหญิงสาวกลายเป็สีแดงทันที นางดูเศร้าโศกและน่าสงสารยิ่ง “พี่หญิง ข้าขอโทษจริงๆ เ้าค่ะ ข้าไม่รู้ว่ามันเป็สัตว์เลี้ยงของท่าน... เมื่อครู่นี้ข้าใกลัวเหลือเกิน เพราะข้ากลัวหมาั้แ่เด็ก ดังนั้นปฏิกิริยาตอบสนองของข้าที่มีต่อมันจึงค่อนข้างรุนแรง ขอท่านได้โปรดอย่าโกรธข้าเลยเ้าค่ะ"
มู่ชิงอวิ้นเอ่ยขอโทษด้วยเสียงเบา
ฮวาเหยียนมองไปทางมู่ชิงอวิ้นพร้อมกับหรี่สายตาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนาง น้ำตาของน้องหญิงเอ่อคลอเต็มดวงตาจนดูน่าสมเพชเล็กน้อย ทั้งยังแดงก่ำยิ่งนัก ท่าทางเศร้าโศกเหลือเกิน
แต่ท่าทางการแสดงของนางทำให้ฮวาเหยียนรู้สึก...
จอมปลอม
ใช่เลย มันดูปลอมเหลือเกิน
นางเกิดและเติบโตท่ามกลางเล่ห์กลอุบาย ยังมีสิ่งน่าสนใจใดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีก? หากไม่มีความสามารถในการพินิจพิเคราะห์เื่ราวแล้ว หากตายไปแล้วก็คงจะยังมิทันรู้ตัว
คราแรกที่นางเห็นมู่ชิงอวิ้น นางสังเกตเห็นว่าน้องหญิงคนนี้บอบบางอ่อนแอ โปรดปรานการร้องไห้ ขี้ขลาดใจฝ่อ ดูพึ่งพานางเหลือเกิน แม้ว่านางจะลังเลที่จะต้องสานสัมพันธ์กับสตรีที่มีบุคลิกแบบนี้ แต่พี่ใหญ่กล่าวเอาไว้ว่า ครอบครัวของเรามีพี่น้องไม่มากนัก มู่อันเหยียนเติบโตมากับนางและความสัมพันธ์ที่ดีกับนาง นางจึงคิดที่จะเพาะปลูกความสัมพันธ์เอาไว้ แต่เพียงข้ามผ่านมาได้แค่คืนเดียว นางก็พบว่าเื่นี้ไม่ถูกต้อง
ความรู้สึกไม่ถูกต้องนี้ล้วนมาจากความรู้สึกของนาง
เด็กสาวนิสัยดีที่อ่อนแอและขี้กลัว เมื่อพบเจอสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ไม่ชอบ สามัญสำนึกจะสั่งให้นางจะเตะมันจนลอยขึ้นฟ้าไปแบบนั้นหรือ?
เมื่อครู่นี้ฮวาเหยียนไม่ได้มองผิดแน่ ในยามที่เสี่ยวไป๋วิ่งเข้าไปหามู่ชิงอวิ้นนั้น การกระทำของมันคือการต้อนรับที่น่ายินดี แต่นางไม่พูดอะไรเลยสักคำ กลับเตะเสี่ยวไป๋จนลอยละลิ่ว และความแข็งแกร่งนั้นก็ไม่เบาเลยสักนิด
นี่คือปฏิกิริยาการตอบสนองด้วยสัญชาตญาณ
เมื่อมองดูยามนี้ที่นางสำนึกผิด ท่าทางระมัดระวังและเสียใจนั้นทำให้ฮวาเหยียนรู้สึกว่านางกำลังสวมหน้ากาก
การแสดงออกของฮวาเหยียนยังคงนิ่งเฉย เนื่องจากนางเองก็รู้สึกใเล็กน้อยกับการค้นพบนี้ของตน
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ใบหน้านั้นกลับไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใด หญิงสาวเอ่ยออกมาเพียง “น้องหญิงรอง หมาป่าน้อยตัวนี้มีนามว่าเสี่ยวไป๋ มันเป็สัตว์เลี้ยงของหยวนเป่า เมื่อครู่นี้ที่ทำให้เ้าใ ข้าต้องขอโทษด้วย”
“มิเป็ไรเ้าค่ะ พี่หญิง เป็ความผิดของข้าเอง เมื่อครู่ข้าใยิ่งนัก ไม่รู้ว่าเตะเสี่ยวไป๋าเ็หรือเปล่า? ”
มู่ชิงอวิ้นกัดริมฝีปากของนาง เปิดปากกล่าวด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน
"ไม่เป็ไร เ้าตัวเล็กนี้เนื้อแน่น มันแข็งแกร่งยิ่งนัก เ้าไม่ได้รับาเ็ใช่หรือไม่?"
ฮวาเหยียนถาม
มู่ชิงอวิ้นก็โบกมือเช่นกัน นางมองดูสีหน้าฮวาเหยียนอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าพี่หญิงไม่ได้โกรธนางจริงๆ แล้วนางจึงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ข้าไม่เป็ไร ข้าแค่ใกลัว แล้วก็... พี่หญิง ถ้าข้าได้ยินไม่ผิด ท่านบอกว่านี่คือหมาป่าหรือ? เป็หมาป่าประเภทที่กินเนื้อคนหรือเปล่าเ้าคะ? ”
การแสดงออกว่าหวาดกลัวฉายชัดบนใบหน้าของมู่ชิงอวิ้น
ฮวาเหยียนยิ้ม “ไม่เป็ไร เสี่ยวไป๋ไม่กินคน มันยังเด็กนัก แต่มันเข้าใจภาษามนุษย์ ดังนั้นย่อมจะไม่ทำร้ายผู้คนง่ายๆ แน่นอน ”
“อย่างนั้นหรือ มันทำให้ข้าใ พี่หญิง ข้าขอลองลูบมันหน่อยได้หรือไม่เ้าคะ? ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้