มู่เฉิงอินค่อยๆ เอ่ยปาก แววตาของนางอ่อนโยนเป็อย่างยิ่ง
กลิ่นหอมของชาฟุ้งกระจาย สตรีที่อยู่ตรงหน้าช่างอ่อนหวานมีเสน่ห์ แววตาเปี่ยมล้นด้วยความอ่อนโยนนับพัน เขาปรารถนาจะเอื้อนเอ่ยวาจาแต่ยังมิกล้า คำที่้ากล่าวล้วนติดอยู่กลางอกของมู่เสวียนเย่
ไม่ต้องมีผู้ใดชี้แนะ ราวกับเป็สัญชาตญาณ เขาจับจ้องริมฝีปากแดงของสตรีตรงหน้า พลางก้มศีรษะลงช้าๆ...
ดวงตาของพวกเขาสบกัน ลมหายใจสอดประสาน ทั้งสองเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้น ในสมองของมู่เฉิงอินพลันบังเกิดแสงสว่างวาบสายหนึ่ง นางนึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ จึงเงยหน้าขึ้นมองมู่เสวียนเย่ “คุณชายมู่ เมื่อครู่ท่านกล่าวว่าได้รับกุญแจทองอันใดจากข้าหรือเ้าคะ?”
พวกเขาเกือบจะจุมพิตกันแล้ว แต่คำพูดของมู่เฉิงอินประโยคนี้ ทำลายบรรยากาศที่คลุมเครือจนหมดสิ้นในทันที
มู่เสวียนเย่กระแอมไอเสียงเบา ขัดเขินน้อยๆ ด้วยรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนเองช่างบุ่มบ่ามอยู่บ้าง เขาหลุบตาลง มิอาจตอบสนองต่อคำพูดของมู่เฉิงอิน เพียงรู้สึกว่าการที่สตรีตรงหน้าเรียกเขาว่าคุณชาย ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองฝีมือตกนิดหน่อย
เขาเม้มริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไร
มู่เฉิงอินเห็นว่ามู่เสวียนเย่มิยอมเปิดปากตอบ นางยิ่งเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้เพราะนางตื่นเต้นและเป็สุขมากเกินไป หัวสมองจึงคิดตามไม่ทัน ยามนี้นางสงบลงบ้างแล้ว เมื่อนึกคำพูดของมู่เสวียนเย่ขึ้นมาได้จึงส่งเสียงถามออกไป
ใช่แล้ว คุณชายมู่กล่าวถึงกุญแจทองอันใดกัน?
“นั่นคือ…”
ขณะที่มู่เสวียนเย่กำลังจะอ้าปาก ด้านนอกห้องก็เกิดเสียงดังวุ่นวายขึ้นมา
“องค์หญิง ท่านเข้าไปไม่ได้นะเ้าคะ”
“ไสหัวไป”
ปัง
จากนั้นประตูห้องก็พลันถูกเตะเปิดออกอย่างรุนแรงหยาบคาย และคนที่ยืนอยู่ตรงประตูก็คือองค์หญิงฉู่รั่วหลาน เมื่อมองดูจึงเห็นว่าสาวใช้เช่นหลิงหลงถูกผลักจนล้มลงกองกับพื้น มิอาจลุกขึ้นได้อยู่นาน
“หลิงหลง”
มู่เฉิงอินร้องขึ้นอย่างเป็กังวล นางรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว หลิงหลงกระวีกระวาดกุมเอวที่เ็ปของตนเองพยุงตัวลุกขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะวิ่งเข้ามาในห้อง “คุณหนู ข้าน้อยมิอาจห้ามพวกนางได้เ้าค่ะ”
“เ้าหลบไปก่อน”
ใบหน้าของมู่เฉิงอินมืดครึ้มลงทันที นางมองฉู่รั่วหลานซึ่งยืนอยู่ที่ประตู ดวงตาของนางสั่นไหว เวลานี้นางจึงสังเกตเห็นสตรีอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน นั่นก็คือจวิ้นจู่ฉู่หลิวซวง
ใบหน้าของฉู่รั่วหลานในยามนี้น่าเกลียดเป็อย่างยิ่ง นางยืนอยู่ที่ประตู เบิกตาเขม็งจ้องมู่เฉิงอิน จากนั้นก็มองมู่เสวียนเย่ “เหตุใดพวกเ้าสองคนจึงมาอยู่ที่นี่?”
นางกัดฟัน สายตาที่ตกกระทบบนร่างของมู่เฉิงอินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ฉู่หลิวซวงที่ยืนอยู่หน้าประตูมิได้กล่าวอันใด นางมิได้ก้าวเข้ามา เพียงใช้สองมือกอดอกด้วยใบหน้าเฉยชา ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น
ฉู่รั่วหลานคงพบหลิงหลงที่ยืนเฝ้าหน้าประตู และคาดเดาได้ว่ามู่เฉิงอินน่าจะอยู่ในห้อง จึง้าเข้ามาสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายสักครา ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าในห้องยังมีมู่เสวียนเย่อยู่ด้วย ทั้งร่างของนางจึงสูญเสียการควบคุม
เมื่อเห็นฉู่รั่วหลานปรากฏตัว ใบหน้าของมู่เสวียนเย่พลันเ็า แต่เขายังต้องรักษามารยาทต่อเชื้อพระวงศ์ จึงเปิดปากกล่าวว่า “ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”
ฉู่รั่วหลานสาวเท้าไปข้างหน้าก้าวใหญ่ นางละสายตาจากใบหน้าของมู่เสวียนเย่และมองไปที่มู่เฉิงอินโดยไม่ปิดบังความริษยาเลยสักนิด “องค์หญิงเช่นข้าถามพวกเ้า ว่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่?”
สีหน้าของมู่เฉิงอินเ็าไร้ความรู้สึก
เมื่ออยู่ต่อหน้าฮวาเหยียน นางแสดงความรู้สึกอย่างจริงใจ เป็ท่าทีแบบหนึ่ง เมื่ออยู่กับมู่เสวียนเย่ นางอ่อนโยน มีเสน่ห์ และน่ารัก นี่ก็เป็อีกรูปลักษณ์หนึ่งเช่นกัน ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับฉู่รั่วหลานหรือคนที่ไม่คุ้นเคย นางย่อมเ็าดั่งน้ำแข็ง ยิ่งเป็สตรีที่มีท่าทีเช่นนี้ด้วยแล้ว
มู่เสวียนเย่ยังคงไว้หน้าฉู่รั่วหลาน แม้ว่าสีหน้าของเขาจะดูไม่ดีเลยสักนิด แต่ท้ายที่สุดเขายังภักดีต่อฮ่องเต้ จึงกล่าวทักทายอีกฝ่ายเพื่อเป็การไว้หน้านาง
ทว่ามู่เฉิงอินเพียงทำความเคารพส่งๆ แต่เดิมหน้ากากก็ถูกทำลายไปแล้ว นางจึงคร้านจะเสแสร้งแกล้งทำอีก
ยิ่งเมื่อเห็นท่าทีของฉู่รั่วหลานในตอนนี้ สีหน้าของนางก็ยิ่งเย็นะเื นางเปิดปากกล่าวอย่างเ็า “ทูลองค์หญิง หม่อมฉันกับคุณชายมู่เพียงนัดหมายกันเท่านั้น แต่มิทราบว่าองค์หญิงทรงทำร้ายสาวใช้และบุกรุกห้องที่หม่อมฉันจองเอาไว้ด้วยประสงค์ใดเพคะ?”
ฉู่รั่วหลานได้ฟังคำที่มู่เฉิงอินเอ่ย จิตใจของนางพลันพังทลายลงทันที ประกายโทสะพุ่งพรวดในดวงตา นางยกฝ่ามือขึ้นพุ่งตรงไปที่หน้าของมู่เฉิงอิน “มู่เฉิงอิน นังสตรีต่ำช้า ไม่รู้จักละอายเสียบ้าง”
“คุณหนู ระวังเ้าค่ะ”
หลิงหลงใเป็อย่างยิ่ง ร้องะโเสียงดังออกมาทันทีด้วยใบหน้าขาวซีด
มู่เฉิงอินเองก็คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ ฉู่รั่วหลานจะลงมือโดยตรง ดวงตาทั้งคู่ของนางเบิกกว้างและยกมือขวางโดยสัญชาตญาณ ทว่าใน่เวลาวิกฤตินั้น นางก็ถูกดึงจนทั้งร่างตกอยู่ในอ้อมแขนแสนอบอุ่น
“มิต้องกลัว”
เสียงของมู่เสวียนเย่ที่ดังอยู่ข้างหูปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยน
จากนั้นมู่เสวียนเย่ก็ลงมือทันที เขาคว้าจับข้อมือของฉู่รั่วหลานพลางว่า “องค์หญิง โปรดให้เกียรติตนเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เขาโอบกอดมู่เฉิงอิน มืออีกข้างใช้ขัดขวางฝ่ามือของฉู่รั่วหลาน ผลักนางออกไป
ใบหน้าของมู่เสวียนเย่เ็า ทั้งน้ำเสียงเย็นะเืหาใดเปรียบ คิ้วของเขาขมวดแน่น มองไปที่ฉู่รั่วหลานด้วยแววตาที่ไม่ปกปิดความไม่พอใจเลยสักนิด
ฉู่รั่วหลานมองมือของตนด้วยความมึนงง เมื่อครู่ที่ถูกมู่เสวียนเย่ผลักออก ทำต้นแขนนางทั้งแสบทั้งร้อน
ขุ่นเคือง โมโห เ็ป อิจฉา อารมณ์มากมายถาโถมจนแน่นอยู่เต็มอกของนาง
นางยกมือขึ้นชี้มู่เสวียนเย่ ใช้ดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งจ้องเขม็งไปที่เขา “มู่เสวียนเย่ เป็เพราะนาง เ้าถึงตีข้าหรือ? เ้าตีข้าหรือ?”
ฉู่รั่วหลานถามย้ำซ้ำๆ นางชอบมู่เสวียนเย่ ชอบมาเนิ่นนานนัก ั้แ่แรกพบผู้บัญชาการมู่ผู้นี้ หัวใจของนางก็ตกอยู่ที่เขาแล้ว ตอนอยู่ในวังนางก็พยายามหาโอกาสให้ได้เจอเขา ทั้งเคยสารภาพรักกับเขาหลายครั้ง ทว่ากลับถูกมู่เสวียนเย่ปิดกั้นไม่ตอบรับทุกคราไป
นางรอได้ ไล่ตามได้ แต่นางไม่อนุญาตให้ข้างกายของมู่เสวียนเย่มีสตรีอื่นเป็อันขาด!
ทว่ามู่เสวียนเย่กลับเจรจางานแต่งกับมู่เฉิงอินจริงๆ
นางมิอาจทนรับได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางทราบว่าตระกูลมู่ปฏิเสธราชโองการอภิเษกสมรส หัวใจของนางก็จมลงสู่ก้นบึ้ง
ภายใต้จิตใจที่วิตกกังวลอย่างมิอาจสงบลงได้ นางจึงเชิญลูกพี่ลูกน้องของนางมาที่โรงน้ำชาซินเยว่เพื่อดื่มชา และขอให้หลิวซวงผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องช่วยนางคิดหาวิธี กลับนึกไม่ถึงว่าจะได้พบกับมู่เฉิงอินที่นี่ อีกทั้งสตรีผู้นี้ยังนัดหมายมู่เสวียนเย่เอาไว้อีกด้วย
นางจะไม่เกลียดได้หรือ? ไม่โกรธได้หรือ?
“องค์หญิง โปรดเคารพตนเองด้วย เฉิงอินเป็คู่หมั้นของกระหม่อม และกระหม่อมมีหน้าที่ต้องปกป้องนางพ่ะย่ะค่ะ”
มู่เสวียนเย่กล่าวอย่างเ็า
มู่เฉิงอินตกอยู่ในภวังค์ นางเงยหน้าขึ้นมองมู่เสวียนเย่ ใบหน้าที่งดงามหล่อเหลา นิ่งเงียบเ็า ทว่าเวลานี้ความเป็บุรุษของเขากำลังปกป้องนาง ราวกับแม้ฟ้าจะถล่มก็มิเกรงกลัว
อบอุ่นยิ่งนัก จิตใจสงบเหลือเกิน
นางมิได้ปิดบังอารมณ์สั่นไหวบนใบหน้าของตนเลยสักนิด
หลิงหลงที่อยู่ด้านข้างอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ คู่หมั้น? ความสัมพันธ์ก้าวะโจากแค่เจรจาแต่งงานเป็คู่หมั้นแล้วหรือ? เื่นี้เกิดขึ้นั้แ่เมื่อใด? ์ ่เวลาที่นางยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู เกิดเื่อันใดขึ้นระหว่างคุณหนูกับคุณชายมู่กัน?
สาวใช้หลิงหลงสติหลุดไปเป็ที่เรียบร้อยแล้ว นางมองคุณหนูของตนเอง จากนั้นก็มองไปที่บุตรคนโตของตระกูลมู่ ทว่าใน่เวลานี้ไม่อาจมีผู้ใดอธิบายเื่ราวให้นางฟังได้
เมื่อฉู่รั่วหลานได้ยินคำพูดของมู่เสวียนเย่ ทั่วทั้งร่างนางก็พลันะเิขึ้นมา
แววตาของนางเปี่ยมด้วยความเกลียดชังและความโกรธ แววตารื้นน้ำจ้องมองไปที่มู่เสวียนเย่ ความไม่ยอมใจปรากฏอยู่เต็มดวงตา “คู่หมั้น? นางเป็คู่หมั้นของเ้าหรือ? แล้วข้าเล่า? เ้าเห็นข้าเป็สิ่งใด? มู่เสวียนเย่ เ้าก็รู้ว่าข้าชอบเ้า! รู้ว่าข้าทำเพื่อเ้าได้ทุกอย่าง แต่เหตุใดเ้าจึงไปกับสตรีอื่นเล่า?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้