มันเป็การแทงที่เร็วราวกับสายฟ้าฟาด มีเสียงดังสนั่นคล้ายฟ้าร้อง
พลังความโกรธไหลล้น ด้วยพลังนักรบระดับหนึ่งดาวของเ้าเงาดำ มันจึงมั่นใจว่าเพียงดาบเดียวก็สามารถแทงทะลุชุดอัศวินเกราะหนักและส่ง ‘มนุษย์เหล็ก’ ที่หยิ่งผยองนั่นไปลงนรกได้
ส่วนฝ่ายตรงข้าม
‘มนุษย์เหล็ก’ ที่แข็งแกร่งราวกับวัวกระทิง ยังคงวิ่งเข้าใส่เหมือนกับคนโง่ ดูจากท่าทีแล้วน่าจะอาศัยหมวกเหล็กของตัวเองปะทะกับปลายดาบ ซึ่งนี่มันเหมือนกับการวิ่งไปตายชัดๆ
เ้าเงาดำแสยะยิ้มที่น่ากลัวออกมา
“ตายซะ เ้าสารเลวหน้าโง่!”
ทว่า
ประกายแสงความมืดปรากฏขึ้นมาวูบหนึ่ง
เปรี้ยง!
ประกายไฟกระจายไปทั่ว
รอยยิ้มของเ้าเงาดำแข็งค้าง
ราวกับเป็เวทมนตร์ ขวานสีดำที่ ‘มนุษย์เหล็ก’ ลากตามหลังมา จู่ๆ ก็มาปรากฏอยู่ข้างหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนปลายของดาบที่อยู่ในมือเ้าเงาดำก็ปะทะเข้ากับขวานเหล็กอันใหญ่โตเสียงดังลั่น
“ปะ...เป็ไปได้อย่างไร?”
ในดวงตาของเ้าเงาดำเต็มไปด้วยความใ
“นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะใช้ขวานปัดปลายดาบของข้าที่ความเร็วสูงขนาดนี้ได้ นี่มันเป็ทักษะระดับเทพนี่...บ้าเอ๊ย บัดซบที่สุด! ชายผู้นี้กำลังแต่งเป็หมูเพื่อหลอกกินเสือ...แย่แล้ว! มันเป็ยอดฝีมือ”
กว่าเ้าเงาดำรู้สึกเสียใจก็สายเกินไปแล้ว
แต่มันยังไม่ทันได้มีเวลาตอบสนอง ดาบเรเปียร์ในมือก็ไม่อาจทนต่อแรงกระแทกมหาศาลได้ มันหักออกเป็ชิ้นๆ ในทันทีพร้อมกับเสียงร้องครวญคราง พลังอันน่าเกรงขามะเืไปถึงขากรรไกรของมัน เืปะทุขึ้นอย่างเฉียบพลันจนเส้นเืตลอดทั้งแขนะเิ ผิวด้านนอกฉาบไปด้วยเื...
เสียงปะทะดังกึกก้องไปทั่วสนามรบ
ฉากนี้ ทำให้าที่ดุเดือดยังต้องชะงักไป่ขณะ
ทหารทั้งสองฝ่ายที่เห็นเหตุการณ์ต่างอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “เทพา ชายคนนี้ช่างมีพลังน่าเกรงกลัวอะไรขนาดนี้ ถึงสามารถหักดาบสองมือเล่มนี้ได้”
อย่างไรก็ตาม เื่นี้ทำให้คนที่อยู่ด้านหลังตกตะลึงตาค้าง
ขวานสีดำในมือของ ‘อสูรเหล็ก’ กลายเป็วงแสงสีดำที่หมุนเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากที่เห็น ‘อสูรเหล็ก’ ใช้ขวานอันน่าอัศจรรย์นี้ทำลายดาบที่อยู่ในมือของเ้าเงาดำแล้ว จะไม่ชิงความได้เปรียบได้อย่างไร จึงลงมือในทันทีราวกับสายฟ้าสาด เพื่อผ่าครึ่งเ้าเงาดำนั่น
“ข่มเหงกันเกินไปแล้ว!”
เ้าเงาดำโกรธจัด
แต่เพราะอาวุธคู่มือของมันถูกทำลาย จึงตกเป็ฝ่ายเสียเปรียบ
เ้าเงาดำออกแรงที่เท้าเพียงเล็กน้อย ร่างของมันก็เหมือนกับนกที่โผบิน้าที่จะะโขึ้นไปบนฟ้าให้เร็วที่สุด เพื่อหลบการโจมตีที่รุนแรงของขวานกระหายเืด้ามนี้
แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่มันะโขึ้นไปนั้น วงแสงสีดำกลายเป็แปลกมากยิ่งขึ้น เส้นทางที่วิ่งไปขัดแย้งกับหลักฟิสิกส์โดยสิ้นเชิง มันไม่ได้พุ่งไปตามแนวนอนอย่างที่คิด แต่กลับพุ่งขึ้น้าแทน
เ้าเงาดำที่ลอยอยู่ในอากาศไม่สามารถหลบเลี่ยงได้
แคว่ก!
เสียงเหมือนกับกระดาษบางๆ แผ่นหนึ่งถูกฉีกขาด
เหมือนกับเต้าหู้ที่ถูกหั่นครึ่ง ขวานสีดำได้ผ่าเ้าเงาดำจากหว่างขาไปจนถึงศีรษะ อาจเพราะขวานนั่นเร็วเกินไป ตอนที่เ้าเงาดำร่วงลงบนพื้น จึงดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร่างกายของมันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง...
หลังจากชะงักไปเล็กน้อย
เ้าเงาดำก็มีท่าทีสับสนและยื่นมือออกไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง
ถึงจะเป็การขยับเพียงแค่นิดเดียว แต่ก็เหมือนกวักมือเรียกมัจจุราชเข้ามาแล้ว
ทันใดนั้นเอง
รอยผ่าสีเืจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนตัวของมัน
เ้าเงาดำมองไปยังร่างของตัวเองอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
ยังไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้อง เืสดๆ ก็พุ่งทะลักออกมาเสียงดังแคว่ก ร่างของมันก็พลันแยกออกจากกันเป็สองส่วนอย่างสมบูรณ์ั้แ่หัวจรดเท้า...วินาทีถัดมาเครื่องในสีแดงสดกับมันสมองร้อนๆ ก็กระจายไปทั่วบริเวณ
เห็นได้ชัดว่าเ้าเงาดำคนนี้ตายจนไม่อาจตายได้มากกว่านี้อีกแล้ว
สังหารในชั่วพริบตา!
สังหารนักรบระดับหนึ่งดาวในชั่วพริบตา!
ทหารทั้งสองฝ่ายในสนามรบถึงกับตาค้าง
เหม่อมองไปยังดวงตาของซุนเฟย เหมือนกับกำลังจ้องว่าเป็ัในคราบมนุษย์หรือเปล่า
แม้แต่เสียงฆ่าฟันในสนามรบก็เบาลง แถมยังชะงักไปหนึ่งหรือสองวินาทีอีกด้วย เหล่าทหารเหมือนจะลืมเลือนว่ากำลังทำอะไรอยู่ หลังจากเผลอจ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทางตกตะลึง ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าพวกมันกำลังต่อสู้อย่างเอาเป็เอาตาย เสียงรบราฆ่าฟันจึงดังขึ้นอีกครั้ง
“วะฮะฮ่า ฮ่าๆๆ ไม่คาดคิดเลยว่าจะใช้ขวานกำจัด ‘ลิงขโมยลูกท้อ’ ตัวนี้ได้ดั่งใจ ดีจริงๆ ฮี่ๆ...ฮ่าๆๆๆ!”
ลงมือสำเร็จได้ในคราวเดียว ‘มนุษย์เหล็กที่ดูประหลาด’ ผู้นั้นก็หัวเราะอย่างสะใจเหมือนคนบ้าบอ
……
เมืองแซมบอร์ด
บนพื้นดินขนาดใหญ่ตรงชายฝั่งแม่น้ำห่างออกไปห้าร้อยเมตร มีกระโจมสีดำหลายร้อยหลังตั้งกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณด้วยรูปแบบที่ดูแปลกๆ เพื่อปิดกั้นทางออกเดียวของเมืองแซมบอร์ดที่จะไปขอความช่วยเหลือจากภายนอก
นี่คือฐานที่มั่นของพวกทหารเกราะดำ
ผู้คนในเมืองแซมบอร์ดไม่รู้เลยว่าข้าศึกที่สวมเกราะดำพวกนี้มาจากไหน เช้าวันหนึ่งก่อนหน้านี้สามวันเมื่อหมอกเริ่มจางลง อังเดร ทหารเฝ้าประตูเมืองแซมบอร์ดโชคดีที่เห็นกองกำลังของศัตรูที่เข้ามาประชิดล่วงหน้าจึงทำการปิดประตูเมืองเอาไว้ได้ทันเวลา ปักหลักรักษาที่มั่นอย่างเหนียวแน่นแย่งชิงโอกาสของพวกมัน
ทหารเกราะดำพวกนี้มีจำนวนมากกว่าสองพันคน
เมื่อจู่โจมไม่ประสบผล พวกมันก็ตั้งค่ายอยู่ที่ริมแม่น้ำจูลี่และทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับส่งหน่วยสอดแนมออกไปเป็จำนวนมากเพื่อปิดกั้นการสื่อสารของเมืองแซมบอร์ดกับโลกภายนอก...สถานการณ์นี้เกิดขึ้นั้แ่สามวันที่แล้ว
และวันนี้ก็เป็วันที่สี่
“เมืองเล็กๆ นี่มีลักษณะภูมิประเทศที่ยากต่อการตีเมือง ถ้าไม่ใช่เพราะแม่น้ำกับกำแพงเมือง บางทีข้าอาจจะยึดเมืองเล็กๆ นี้ให้ท่านพ่อได้สำเร็จไปนานแล้ว และผู้หญิงที่ชื่อว่าแองเจล่าคนนั้น ในเวลานี้คงกลายเป็นกคีรีบูนในกรงของข้า...”
ริมแม่น้ำจูลี่
ร่างหนึ่งในชุดเกราะเบาสีดำกับหน้ากากอัศวินสีเงินซึ่งกำลังขี่ม้าอยู่เอ่ยขึ้น
ขาทั้งสองของเขาขี่อยู่บนม้าสีดำสูงใหญ่ที่แปรงขนเป็ระเบียบเรียบร้อย ครึ่งบนของใบหน้าั้แ่จมูกขึ้นไปถูกสวมด้วยหน้ากากสีเงินที่แกะสลักเป็รูปปีศาจ เกาะแน่นบนใบหน้า ส่วนม้าสีดำที่อยู่ใต้หว่างขาก็สวมเกราะที่ดูชั่วร้ายเช่นกัน มีเพียงสี่ขากับหางของมันที่เผยออกมา กับรัศมีที่ดูแปลกและลึกลับเหมือนเป็สนามพลังปรากฎขึ้นเหนือตัวของเขาลางๆ
ข้างหลังเขา อัศวินสิบเก้าคนกำลังยืนอยู่อย่างสงบ
พวกเขาล้วนเป็อัศวินเกราะดำที่สวมหน้ากากปีศาจอันชั่วร้ายแบบเดียวกัน แต่เป็สีดำแทน ทั้งหมดยืนอยู่สถานที่เดียวกัน กระทั่งม้าที่ขี่ยังสวมเกราะหนามสีดำแบบเดียวกัน ไม่ขยับหรือส่งเสียงใดๆ เลย ราวกับเป็อัศวินแห่งความตายที่ผุดออกมาจากนรก
“ข้าน้อยไม่คิดเลยว่าหนึ่งในอาณาจักรเล็กๆ ระดับหกของราชอาณาจักรนี้จะมีภูมิประเทศที่ยากลำบากกับกำแพงที่แข็งแกร่ง อีกทั้งแม้แต่นักรบระดับสามดาวก็ยังมี...”
อัศวินเกราะดำคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังใกล้ๆ กับอัศวินหน้ากากเงินกล่าวขึ้นมาแล้วแสยะยิ้ม พูดว่า “แต่นายท่านไม่ต้องเป็ห่วง พวกมันได้ใช้กำลังพลทั้งหมดแล้ว เหล่ายอดฝีมือก็ถูกพวกเราพัวพันไว้ตามแผน เต็มที่ไม่เกินยี่สิบนาที ประตูก็จะเปิดออก เมืองนี้จะตกอยู่ในกำมือของพวกเราอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
“อืม...หลังจากเมืองถูกตีแตกก็จะเป็คืนนองเื ให้พวกทหารได้สนุกกัน ยกเว้นหญิงสาวที่ชื่อแองเจล่า ที่เหลือไม่ต้องละเว้น...” อัศวินหน้ากากเงินพูดเสียงเบา ดูเหมือนว่าคำสั่งที่โหดร้ายเช่นนี้จะเป็เื่เล็กน้อยสำหรับเขา “จำไว้ ห้ามจุดไฟเผา พวกเรา้าอาณาจักรนี้!”
“ขอรับ นายท่าน!”
อัศวินเกราะดำทั้งสิบเก้าคนตอบรับเป็เสียงเดียว เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
อัศวินเกราะดำคนที่เอ่ยปากก่อนหน้านี้เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามไปว่า “นายท่าน แล้วาาของฝ่ายตรงข้าม...”
“ปะาได้เลย! ส่วนพวกผู้หญิงที่อยู่ในปราสาท ให้ส่งไปซ่องของพวกทหาร สามวันหลังจากนั้นจับไปแขวนคอทั้งหมด!”
“ขอรับ!” เหล่าอัศวินเกราะดำตื่นเต้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะชื่นชอบคำสั่งนี้
“หมายเลขยี่สิบน่าจะทำงานสำเร็จแล้ว พวกเ้าเริ่มเตรียมตัวได้...” อัศวินหน้ากากเงินโบกมือไปข้างหลัง “รอจนกระทั่งประตูเมืองถูกทำลาย พวกเ้าก็เข้าไปจัดการพวกยอดฝีมือของฝ่ายนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็ไปได้ ข้า้าเก็บกวาดสนามรบในเวลาสั้นที่สุด และนั่งลงบนบัลลังก์ของาา...”
ตูม!
อัศวินหน้ากากเงินยังไม่ทันพูดจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงปะทะกันดังขึ้นบนกำแพงเมือง
มันเหมือนกับในท้องฟ้ามีเสียงฟ้าร้องคำราม
อัศวินหน้ากากเงินกับเหล่าอัศวินเกราะดำล้วนเป็ยอดฝีมือ พอเหลือบไปมอง ก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนกำแพงได้อย่างรวดเร็ว
ชายคนที่อยู่ด้านหลังของอัศวินหน้ากากเงินตกตะลึงจนร้องเสียงหลง “โอ้พระเ้า นั่นมัน...หมายเลขยี่สิบ...หมายเลขยี่สิบถูกแยกร่างทั้งเป็? บัดซบ เ้านั่นเป็สัตว์ประหลาดในร่างมนุษย์หรืออย่างไร?”
พวกอัศวินเกราะดำที่เหลือก็หันไปมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก
พวกเขาล้วนเป็นักรบดาวที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ เป็ธรรมดาที่จะมองเห็น 'อสูรเหล็ก' ที่อยู่บนกำแพงคนนั้นกำลังใช้ขวานแยกร่าง 'หมายเลขยี่สิบ' มันเป็แค่การใช้พละกำลังราวสัตว์ป่าเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีข้อโต้แย้งเลยสักนิด...และนั่นเป็เื่ที่น่าหวั่นเกรง พวกเขาต่างก็รู้ว่าหมายเลขยี่สิบมีความแข็งแกร่งของนักรบหนึ่งดาว
“นายท่าน ได้โปรดอนุญาตให้ข้าไปตัดหัวไอ้สารเลวนั่นเพื่อแก้แค้นแทนหมายเลขยี่สิบด้วย!”
อัศวินดำบางคนถึงกับหมดความอดทน
ถึงแม้พวกมันยี่สิบคนจะไร้ชื่อไร้นาม ได้แต่เรียกขานตัวเองตามจำนวนั้แ่หนึ่งถึงยี่สิบ ทว่าในสี่ห้าปีที่ผ่านมานี้ภายใต้คำสั่งของอัศวินหน้ากากเงิน พวกมันฝ่าน้ำลุยไฟมาด้วยกันไม่รู้กี่ครั้งกี่หนจนเหมือนเป็พี่น้องท้องเดียวกัน ไม่คาดคิดเลยว่าหมายเลขยี่สิบที่ดูเหมือนจะเข้ายึดเมืองได้ไม่ยาก กลับถูกขวานผ่าครึ่งจนตายคาที่...
ความโกรธเกรี้ยวในครั้งนี้กระตุ้นให้พวกเขาอยากที่จะล้างแค้น
“เป็พละกำลังตามธรรมชาติ?”
อัศวินหน้ากากเงินยิ้มอย่างลึกลับที่สื่อความหมายเป็นัยๆ เขาโบกมือไปด้านหลังพลางกล่าวว่า "น่าสนใจแฮะ ชายคนนี้ทำให้ข้าสนใจมาก...ถ่ายทอดคำสั่งไปยังแรนดุ๊ก หยุดการโจมตีปราสาท ให้ทหารทุกคนถอยกลับมา!"
“นายท่าน เื่นี้...”
“ไม่มีขอรับ นายท่าน!”
"จากรายงานของหน่วยข่าวกรอง ‘เหยี่ยว’ แจ้งมาว่าาาของอาณาจักรระดับหกแห่งนี้เป็แค่ไอ้ปัญญาอ่อนคนหนึ่ง ดังนั้น ฮ่าๆ เปลี่ยนคำสั่งไปว่า ให้ล้อมปราสาทไว้ ยังไม่ต้องโจมตี จากนั้นส่งทูตไป หากยอมจำนน าากับพวกขุนนางชั้นผู้ใหญ่จะรอดพ้นจากความตาย คนที่เหลือยกเว้นแองเจล่ากับมนุษย์เหล็กที่แปลกประหลาดนั่นจะไม่ถูกจับเป็เชลย!"
น้ำเสียงของอัศวินหน้ากากเงินเย็นเยียบ แสยะยิ้มที่มุมปาก แสดงให้เห็นถึงความเ้าเล่ห์เพทุบาย
“ตามที่นายท่านปรารถนา!”
อัศวินเกราะดำควบม้าไปในทันที และเริ่มปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับมา
……
“สองสามคนที่อยู่ตรงนั้น มายกนักรบคนนี้ลงไปรักษาด้านล่าง เร็วเข้า!”
ขวานสีดำของซุนเฟยราวกับเคียวแห่งความตาย ยังคงคร่าชีวิตของทหารเกราะดำที่อยู่รอบข้างอย่างต่อเนื่อง ทุกที่ที่เขาย่างกรายไปไม่มีข้าศึกคนใดมีชีวิตรอด ทันใดนั้นเขาก็มองไปด้านหลังและร้องะโขึ้น เรียกให้ทหารที่อยู่ไม่ไกลจากชายผมขาวที่ชื่อว่าเพียร์ซซึ่งอาการสาหัสลงจากกำแพงไปทำการช่วยชีวิต
‘มนุษย์เหล็กที่แปลกประหลาด’ คนนี้แน่นอนว่าคือซุนเฟยที่วิ่งเข้ามาได้ทันเวลาพอดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้