เจียงไป๋ไม่ใช่คนที่พอเห็นผู้หญิงแล้วก็ไปไม่เป็ ถึงแม้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะสวยมาก แต่ท่าทางของอีกฝ่ายก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เจียงไป๋เองก็ไม่ได้มีนิสัยชอบเอาอกเอาใจใครด้วย
อย่างเื่ที่ว่าพอเห็นผู้หญิงสวยๆ แล้วต้องเข้าไปเอาอกเอาใจอย่างไม่รักศักดิ์ศรีนั้น เจียงไป๋ทำไม่ได้จริงๆ เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ และหันหลังไปกดลิฟต์เตรียมที่จะออกไปทันที
ท่าทางแบบนี้ทำให้สาวสวยชุดแดงที่อยู่ตรงหน้าตะลึงงัน ต่อมามุมปากของเธอก็เผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
เธอเดินอย่างโซซัดโซเซเข้ามาหาเจียงไป๋ แขนขาวนวลพาดอยู่บนไหล่ของเขา ริมฝีปากที่ร้อนผ่าวขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้น้ำเสียงยั่วยวนกระซิบข้างๆ หูของเจียงไป๋อย่างนุ่มนวลว่า “หนุ่มน้อยเธอย้ายมาอยู่ใหม่หรือ? ฉันชื่อเหยาหลาน เธอล่ะ? เหมือนเธอจะอยู่ที่นี่มาสักพักแล้วใช่ไหม? แต่ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นเธอเลยล่ะ?”
“เจียงไป๋”
เจียงไป๋มองเหยาหลานที่อยู่ตรงหน้าแล้วขมวดคิ้ว มุมปากของเหยาหลานเผยรอยยิ้มที่หวังดีพลางพูดว่า
“ทำงานอะไร?”
“ว่างงาน”
“แล้วตอนนี้เธอจะไปไหน? สนใจไปดื่มที่ห้องพี่สักหน่อยไหม? พี่อยู่ห้องตรงข้ามเธอ ห้องตรงกลางก็ไม่รู้ว่าเป็ใครค่อนข้างลึกลับน่ะ ปกติก็ไม่ค่อยมา ทั้งชั้นสิบเจ็ดก็มีแค่พวกเราสองคนเป็เพื่อนบ้านกัน ต่อไปต้องสนิทกันไว้สักหน่อยแล้วนะ”
เสียงของเหยาหลานดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยั่วยวน
ซึ่งนี่ก็ทำให้เจียงไป๋ไม่ค่อยเข้าใจว่าผู้หญิงที่เจอกันครั้งแรกแบบนี้้าอะไรกันแน่
จะว่าไปแล้ว … ทั้งสองก็ไม่ได้สนิทกัน!
โดยเฉพาะเหยาหลานที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อายุก็ยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปีแล้ว เป็สาวเต็มตัวพอดี ทั้งรูปร่างและหน้าตาก็ล้วนยอดเยี่ยม และก็ไม่น่าจะขาดแคลนผู้ชายสักเท่าไร ซึ่งก็ไม่จำเป็ต้องมายั่วยวนคนที่เพิ่งจะเจอกันเป็ครั้งแรกอย่างเขา
ผู้หญิงคนนี้้าอะไรกันแน่?
“กินข้าว! แต่จะให้ไปดื่มเหล้าที่ห้องคุณ ผมว่าไม่ดีหรอก นี่ก็ดึกมากแล้วมันไม่ค่อยดี” เจียงไป๋ปฏิเสธข้อเสนอที่น่าสนใจของเหยาหลาน
และถึงแม้จะมีอะไรเกิดขึ้นเจียงไป๋ก็เต็มใจ แต่ในเมื่อไม่ชัดเจนอย่างนี้มันก็ไม่น่าจะดี ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกว่าเื่ราวไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น
“ว่างงานหรือ? พี่จะแนะนำงานให้เธอเอาไหม? เงินเดือนก็ไม่ถือว่าสูง แต่มีอนาคตนะ อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ พี่เห็นว่าเธอไม่ออกจากห้องมาหนึ่งเดือนแล้ว หรือว่าเป็คนเก็บตัว? เป็ผู้ชายก็ต้องออกไป ... บ้างไม่ใช่หรือ? แล้วเื่ปากท้องของเธอล่ะ … พี่ก็หิวแล้วเหมือนกัน เลี้ยงข้าวพี่สาวสักมื้อได้ไหม? หรือว่า … จะให้พี่เลี้ยงเธอ?”
การปฏิเสธของเจียงไป๋ไม่ได้ทำให้เหยาหลานคิดจะถอยแม้แต่น้อย เธอขยับร่างอรชรของตนเข้ามาใกล้ๆ เมื่อลิฟต์เปิดออก ก็พุ่งตรงเข้าไปโดยไม่พูดอะไรมาก
เมื่อเข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์ที่สว่างไสวแล้วก็กรีดกรายนิ้วมือหยอกเย้าเจียงไป๋ ดวงตาโตแวววาวดุจดั่งมุก อีกทั้งยังส่งสายตาหยอดใส่อย่างโจ่งแจ้ง
“แม่เ้า!”
ภายในใจของเจียงไป๋เต้นตึกๆ เหมือนกับมีม้านับหมื่นตัวกำลังวิ่งอยู่
ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรกันแน่?
หรือว่าวันนี้เขาจะพบกับผู้หญิงที่ตามเสนอตัวให้ถึงที่?
ดูจากท่าทาง การแต่งกาย กระเป๋าที่สะพายของเธอแล้วก็ล้วนเป็ของแบรนด์เนม แค่นาฬิกาข้อมือคาร์เทียร์รุ่นลิมิเต็ดที่สวมอยู่บนข้อมือเรือนนั้นก็แทบจะมากกว่าทรัพย์สินทั้งหมดทั้งมวลที่คนธรรมทั่วไปจะมีได้แล้ว ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนกับออกมาขายบริการ …
‘หรือว่าเป็ชั้นสูง …’
ตอนที่เจียงไป๋เดินเข้าลิฟต์ ภายในใจอดคิดไม่ได้ จึงลองคำนวณราคาของตามราคาตลาดอยู่ในหัว
ได้ยินมาว่าราคาของแบรนด์เนมอย่างนี้ไม่ธรรมดาเลย แค่ชิ้นเดียวก็หลายหมื่น ตอนนี้เขาก็มีเงินอยู่บ้าง วันนี้ก็ได้มาสองสามหมื่น ส่วนใหญ่ที่เหลือต้องเป็เดือนหน้าจึงจะได้รับ และก็ไม่รู้ว่าจะพอไหม …
ไม่เข้าใจความคิดของเจียงไป๋จริงๆ และเหยาหลานก็มิอาจรู้ได้ เมื่อเข้ามาในลิฟต์แล้วก็ยื่นนิ้วมือเรียวยาวออกไปกดเบาๆ ทั้งสองคนอยู่ในพื้นที่ที่ทั้งเล็กและแคบ แต่กลับไม่พูดอะไรกัน คิดไม่ถึงว่าเหยาหลานจะไม่กำเริบเสิบสานอย่างเมื่อครู่แล้ว มือทั้งสองประสานกันอยู่ที่อก ร่างสูงโปร่งยืนพิงอยู่ในมุมผนัง ดูสวยสุขุมเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก
“ดื่มเหล้าแล้วไม่ควรขับรถ พี่รู้ว่าแถวนี้มีร้านอาหารริมทางอยู่ร้านหนึ่ง เดินไปได้ ใกล้มาก รสชาติก็ไม่เลว ไปกับพี่นะ”
เพิ่งจะเดินออกจากประตูลิฟต์มา เหยาหลานก็กอดแขนขวาของเจียงไป๋อย่างไม่เกรงใจ จนทำให้เขาใ และคิดที่จะแกะออก แต่กลับรู้สึกเสียดาย จึงทำได้แค่มีความสุขกับการกระทำนั้น
ทั้งสองคนเดินออกมาเหมือนกับคู่รัก ทำให้ รปภ.ที่อยู่ด้านล่างถึงกับตะลึงงัน เขามองเหยาหลานกับเจียงไป๋แล้วอ้าปากค้างด้วยความเหลือเชื่อ
จากความใและงุนงงของ รปภ. ก็เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงรู้จักเหยาหลาน เมื่อลองคิดดูก็น่าจะใช่ มีสาวสวยพักอยู่ที่นี่ หากเป็ผู้ชายทำไมจะไม่รู้จักล่ะ?
สำหรับสายตาที่อิจฉา ตกตะลึง งุนงง หากเจียงไป๋จะบอกว่าไม่ภาคภูมิใจก็คงจะโกหก แต่ความรู้สึกที่ดีอย่างนี้ยังไม่ทันไรก็ถูกน้ำเสียงโมโหเสียงหนึ่งขัดขึ้น
“เหยาหลาน! เขาเป็ใคร?”
ชายหนุ่มที่สวมชุดสูทสีดำพอดีตัว อายุประมาณสามสิบปีคนหนึ่ง เดินออกมาจากใต้ร่มไม้ และชี้ไปที่เจียงไป๋พลางถามด้วยความโกรธ
“แฟนฉัน!”
คำพูดแค่ประโยคเดียวทำให้เจียงไป๋อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ ภายในใจก็รู้แล้ว
มิน่าล่ะทำไมเหยาหลานถึงได้กระตือรือร้นแบบนี้ เพิ่งพบกันครั้งแรกก็แสดงออกเช่นนี้แล้ว เมื่อครู่พอเห็นเขาจะลงมาจากอาคาร ก็คงคิดแผนการอยู่ในใจแล้วอย่างแน่นอน
้าจะให้เขามาเป็ไม้กันหมาล่ะสิ!
เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้กับเหยาหลานเป็อะไรกัน เป็แฟน? หรือว่าแค่พวกแมลงวัน?
จะว่าไปแล้วรูปร่างหน้าตาของผู้ชายคนนี้ก็ไม่เลวนัก เขาน่าจะอายุประมาณสามสิบปี การแต่งกายดูดี ผิวพรรณขาวละเอียด เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็มีราคาไม่เบา ดูท่าแล้วก็น่าจะถือได้ว่าเป็บุคคลที่ประสบความสำเร็จ แต่บนใบหน้ากลับมีอาการกลัดกลุ้มอยู่ ทำให้เห็นแล้วรู้สึกไม่ดี หากบอกว่าเหยาหลานไม่ชอบเขา เกรงว่าก็น่าจะพอเป็ไปได้
“แฟนหรือ? เธอมีแฟนั้แ่เมื่อไร! ทำไมฉันถึงไม่รู้! ไอ้หนู นายชื่ออะไร?”
ผู้ชายคนนั้นได้ยินแล้วก็โมโห เขาพูดมาประโยคหนึ่งแล้วก็ชี้หน้าเจียงไป๋ ในน้ำเสียงมีความเย่อหยิ่ง แค่พูดออกมาประโยคเดียวก็รู้ว่าเขาไม่ได้เห็นเจียงไป๋อยู่ในสายตา และยังดูถูกอีกด้วย
อีกมุมหนึ่ง บรรดาชายร่างกายกำยำที่สวมชุดสูทสีดำสี่ห้าคนเดินลงมาจากรถเอ็มพีวีสีเทาคันหนึ่งแล้ววิ่งเรียงกันมา ไม่นานก็มายืนอยู่ด้านหลังของผู้ชายชุดสูทคนนี้แล้ว แต่ละคนต่างมองเขม่นเจียงไป๋ เหมือนกับว่าแค่สั่งการมาสักคำก็จะจัดการเจียงไป๋ทันที
เดิมทีเจียงไป๋อยากจะบอกว่าเขาไม่รู้จักเหยาหลาน แต่เพราะคำพูดที่ได้ยิน ทำให้เจียงไป๋โมโหขึ้นมาทันที
เจียงไป๋ที่เดิมทีชอบใช้ไม้อ่อนไม่ชอบใช้ไม้แข็ง แต่ตอนนี้เขามีร่างกายและความสามารถที่ไม่ต้องกลัวใคร ในฐานะปรมาจารย์มวยปาจี๋คนหนึ่ง มีหรือจะกลัวคนสองสามคนอย่างพวกเขา?
“นายคิดจะทำอะไร? อู๋เทียน ฉันจะบอกให้นายรู้ไว้ จริงๆ แล้วฉันไม่ชอบนาย พวกเราก็ไม่ได้สนิทกัน ฉันจะมีแฟนหรือไม่เกี่ยวอะไรกับนายด้วย ช่วยพาคนของนายออกไป! ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก”
ยังไม่ทันให้เจียงไป๋ได้แสดงฝีมือ เหยาหลานก็เปิดปากพูดก่อนแล้ว
ดูเหมือนว่าการที่ชายกำยำสองสามคนนี้ปรากฏตัวอย่างกะทันหันก็เหนือการคาดคิดของเหยาหลาน เธอดึงเจียงไป๋ให้มาอยู่ที่ด้านหลังของตน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้เขาได้รับาเ็ใดๆ จากการกระทำของเธอ
“เหยาหลาน!”
เมื่ออู๋เทียนได้ยินคำพูดนี้ก็อดที่จะะโไม่ได้ บนใบหน้าที่หล่อเหลามีอาการโกรธเคืองอย่างมาก เขามองเจียงไป๋แบบที่เกลียดจนแทบจะถลกหนังแล่เนื้อแล้วกินทั้งเป็ได้
แต่เขาก็ยังระงับอารมณ์ไว้ได้บ้าง และก็ไม่ได้ให้คนจัดการเจียงไป๋ทันที เพียงแค่จ้องมองเจียงไป๋อย่างดุดัน เมื่อเห็นว่าเหยาหลานไม่ตอบก็โมโหจนกระทืบเท้า และหันหลังจากไป
“เหยาหลาน ในเทียนตูฉันอู๋เทียนก็ถือว่าเป็คนใหญ่คนโต ผู้หญิงฉันก็มีมากมาย หลายปีมานี้เธอคือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้ฉันหวั่นไหว ฉันจะไม่ล้มเลิกเด็ดขาด เธอใจเย็นสักหน่อย หนุ่มน้อยอย่างนี้ไม่เหมาะกับเธอหรอก”
ก่อนจะจากไป อู๋เทียนยังพูดมาอีกประโยค
แต่ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรกับเจียงไป๋ เขาเพียงแค่จ้องมองอย่างดุดันแวบหนึ่ง ทำให้ภายในใจของเจียงไป๋เข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง เื่นี้เกรงว่าจะไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว
ท่าทางแบบนี้ของอู๋เทียน ทำให้เจียงไป๋คิ้วกระตุกจนอยากจะลงมือ แต่คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถิด ในที่สาธารณะอย่างนี้คงไม่เหมาะสมจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้