ฮวาเหยียนนั่งลงบนพื้นแล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าไหมพันรอบคอ ใบหน้ายิ้มราวกับไม่ยิ้มจ้องมองไปที่ตี้หลิงหานกับอั้นจิ่ว สีหน้าของนางไม่บูดบึ้งอีกต่อไป และดูเหมือนว่านางจะอารมณ์ดี
ตี้หลิงหานกวาดตามองอย่างเ็า
ฮวาเหยียนเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมหรือ? หม่อมฉันพูดเื่จริง หากไม่เชื่อ ก็รอดูเถิด”
ฮวาเหยียนหยัดกายลุกขึ้นจากพื้น นางนวดคลึงไหล่ตนเอง ก่อนจะบิดเอวไปมา ท่าทางนั้นช่างอวดดี ปากก็ร้องเพลงพึมพำไป ในใจนางมีความสุขยิ่งนัก ยอดเยี่ยม ข้าจะไม่ถูกฆ่าตายในจวนไท่จื่อแห่งนี้โดยเปล่าประโยชน์แล้ว หยวนเป่าหนีไป นางก็รอดแล้ว! บุตรชายสุดยอดยิ่งนัก
อั้นจิ่วยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น เนื่องจากคำพูดของฮวาเหยียนที่เข้ามาแทรก เขาจึงไม่รู้ว่าเขาควรไปที่ห้องโถงมืดเพื่อรับการลงโทษตอนนี้หรือไม่
“กลับไปแล้วส่งกำลังคนมาเพิ่ม จงค้นหาอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมทุกตารางเพื่อหาเด็กคนนั้นมาให้ข้า”
ตี้หลิงหานออกคำสั่ง
"ขอรับ"
อั้นจิ่วมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผาก แต่เขาไม่กล้าแม้แต่จะเช็ดออก ชายหนุ่มรีบร้อนตอบรับคำสั่งทันที
อย่างไรก็ตามก่อนที่อั้นจิ่วจะล่าถอย พลันมีเสียงร้องดังขึ้นอย่างร้อนรน "มีนักฆ่า..."
“จับนักฆ่า...”
"ปิดประตู จับนักฆ่า เร็วเข้า"
...
ความกังวลพลันเกิดขึ้นในใจของฮวาเหยียน ไอ๊หยา บุตรชายของนางถูกพบตัวแล้ว อย่าถูกจับได้โดยเด็ดขาด
ไม่นานนักก็มีคนเฝ้าประตูวิ่งเข้ามา
“องค์รัชทายาท ท่าไม่ดี ท่าไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”
ใบหน้าของตี้หลิงหานมืดครึ้มราวกับสีหมึก
อั้นจิ่วลุกขึ้นและะโใส่คนเฝ้าประตู "พูดจาเลอะเทอะ ฝ่าาไม่ดีอันใด"
“บ่าวสมควรตาย บ่าวสมควรตาย เป็ในจวนที่เกิดเื่ขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
คนเฝ้าประตูรีบเปลี่ยนคำและคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“รีบร้อนอันใด เกิดเื่อะไรขึ้น? ”
อั้นจิ่วขมวดคิ้วถาม
คนเฝ้าประตูเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผาก ก่อนจะพูดต่อด้วยความรวดเร็วว่า “ฝ่าา มีนักฆ่าเข้ามาในจวนพ่ะย่ะค่ะ ผู้คนในจวนจำนวนมากถูกวางยาล้มกองอยู่กับพื้น”
หลังจากฟังคำพูดขององครักษ์ อั้นจิ่วก็พลันนึกขึ้นมาได้จึงถามว่า "คนถูกวางยามีอาการเป็เช่นไร? "
“หน้าเป็สีเขียวและบวมเหมือนหัวหมู อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง...”
"กี่คน?"
"ณ ตอนนี้นับได้ ทั้งหมดสิบแปดคนพ่ะย่ะค่ะ"
เมื่ออั้นจิ่วได้ยินดังนั้น เขาก็รีบหมุนกายกลับมาคุกเข่าลงเบื้องหน้าตี้หลิงหานทันที "ฝ่าา เป็เด็กคนนั้นขอรับ..."
เพราะอาการพิษเหล่านี้เหมือนกับอาการของคนเฝ้าประตูทั้งสองคนในห้องเก็บฟืนไม่มีผิด
ใบหน้าของตี้หลิงหานมืดสนิทราวกับสีของหมึก ดวงตาของเขาลึกราวกับทะเลสาบอันเงียบสนิท เขาหันกลับไปจ้องที่ฮวาเหยียน "บุตรของเ้า ช่างเก่งกาจเสียจริง"
ว้าว รังสีสังหาร ฮวาเหยียนรู้สึกได้ถึงรังสีสังหารที่พุ่งทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้า
ทว่าในตอนนั้นฮวาเหยียนไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย นางพูดขึ้นว่า "บุตรชายของหม่อมฉัน ย่อมต้องเก่งกาจอยู่แล้ว หม่อมฉันถึงบอกให้พระองค์รอรวมคนมาลงโทษพร้อมกันเลยทีเดียว คิดว่าแค่พูดเล่นกับพระองค์หรือเพคะ?"
ถึงปากพูดแบบนั้นแต่ในใจก็อดกังวลไม่ได้ หยวนเป่า เด็กคนนั้นสามารถวางยาพิษคนได้มากมาย นอกจากความฉลาดเฉลียวแล้ว ก็ยังต้องอาศัยเืของตัวเองอยู่ ไม่รู้ว่าาแของเขาอยู่ที่ใด มันต้องเจ็บมากเป็แน่
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็ความผิดของตี้หลิงหาน เขามันวิปริตที่มาจับบุตรชายของนางไปแล้วก็ตามมาจับนางอีกที
ในใจฮวาเหยียนนึกตำหนิด่าทอบรรพบุรุษสิบแปดสมัยของตี้หลิงหาน โดยลืมไปว่าที่มาของเหตุการณ์นั้นเป็เพราะ 'ดอกบัวพันปี'
“ยังเด็กยังเล็กแท้ๆ แต่จิตใจกลับโเี้เสียจริง มู่อันเหยียน เ้าเลี้ยงดูสั่งสอนบุตรชายได้ดีนี่”
ตี้หลิงหานจ้องไปที่ฮวาเหยียนแล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก ประชดประชัน
เมื่อฮวาเหยียนได้ยินที่ตี้หลิงหานพูด พลันบังเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที นางขำออกมาด้วยท่าทีเยาะเย้ย ก่อนจะมองไปที่ตี้หลิงหานด้วยความดูถูก "บุตรชายของหม่อมฉันใจอำมหิตโเี้หรือ? คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกจากปากของฝ่าา ไม่น่าขันไปหรอกหรือเพคะ?
เขายังเด็กขนาดนั้น ตอนถูกพระองค์จับตัวไป ไม่คุ้นเคยกับใครทั้งสิ้น ในใจจะกลัวมากขนาดไหนกัน?
บุตรชายหม่อมฉันเป็เด็กดี หากเขาไม่ถูกต้อนจนจนมุมแล้ว เขาจะทำร้ายผู้อื่น ก่อนจะวิ่งหนีไปแบบนี้หรือเพคะ? "
เื่ที่ฮวาเหยียนทนฟังไม่ได้มากที่สุดก็คือเื่ที่คนมาว่าบุตรชายของนางและตี้หลิงหานที่อยู่ตรงหน้านางคนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งรำคาญตานัก
หญิงสาวเลิกคิ้วมองผู้เฝ้าประตูที่มารายงาน "าเ็สิบแปดคน แล้วมีคนตายหรือไม่? "
นางถาม
เมื่อผู้เฝ้าประตูคนนั้นถูกฮวาเหยียนถาม เขาก็ส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว "ไม่มีขอรับ"
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็รู้สึกถึงความเย็นะเืจากตัวขององค์รัชทายาท เหงื่อเย็นพลันผุดทั่วกาย
“หึ... บุตรชายข้า จิตใจช่างดีงามเหลือเกิน จะไปเที่ยวทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไรเล่า ไม่เหมือนกับใครบางคน ถลกหนังคนเป็ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ เห็นชีวิตผู้คนเป็สิ่งไร้ค่า”
ยิ่งฮวาเหยียนพูดมากเท่าไหร่ คำพูดที่พูดก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น จนอั้นจิ่วหวังให้ตนเองหูหนวกไปเสีย คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่นี้กล้าหาญยิ่งนักที่กล้าพูดกับฝ่าาเช่นนี้
คนเฝ้าประตูเองก็ปรารถนาอยากให้ตัวเองตาบอดและหูดับเช่นกัน พวกเขาคุกเข่าอยู่กับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“พูดพอหรือยัง? ”
ตี้หลิงหานถามอย่างเ็า
ฮวาเหยียนคอแข็งยิ่งนัก แน่นอนว่านางยังไม่พอ แต่นางก็ยอมปิดปาก อย่าโลภมากจนเกินไป
“องค์รัชทายาท ท่านอ๋องหลู่หนานและท่านผู้บัญชาการมู่มารอขอพบท่านอยู่ที่หน้าประตูจวนพ่ะย่ะค่ะ”
เป็ในยามนั้นเองที่ผู้ใต้บังคับบัญชามารายงาน
ในใจของฮวาเหยียนปีติยินดียิ่งนัก หยวนเป่าหนีออกไปได้ แต่ไม่เพียงแค่หลบหนีไปเท่านั้น ซ้ำยังหาทหารมาช่วยอีกด้วย
ท่านพ่อของนางและ... ท่านผู้บัญชาการมู่ นั่นคงจะเป็พี่ชายคนโตของตระกูลมู่ ผู้ทำหน้าที่ทรงเกียรติในวัง ฮ่าฮ่าฮ่า ฮวาเหยียนผู้นี้อยากจะแหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะลั่นสามครั้งจริงๆ มีคนมาช่วยนางแล้ว!!!
ตี้หลิงหานไม่สามารถฆ่านางต่อหน้ามู่เอ้าเทียนได้
ความภาคภูมิใจของฮวาเหยียนวางไว้บนใบหน้าของนางและนางไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้ยามที่เห็นตี้หลิงหานกำลังเดินเข้ามาหานาง
“พระองค์จะทำอันใด ท่านพ่อและพี่ชายของหม่อมฉันอยู่ที่นี่ พวกเขารู้แล้วว่าหม่อมฉันอยู่ที่นี่ หากพระองค์ฆ่าหม่อมฉัน นั่นย่อมเป็การสร้างปัญหาให้ตนเองนะเพคะ”
ตี้หลิงหานช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ดวงตาคู่นั้นเย็นเยือก มันเย็นเสียดลึกเข้ากระดูก
ถึงนางจะไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน แต่ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยที่เห็นเขาเป็เช่นนี้
วินาทีต่อมา มือของตี้หลิงหานก็บีบที่คางของฮวาเหยียน ดวงตาของฮวาเหยียนเบิกกว้าง ได้ยินเขาพูดว่า "มู่อันเหยียน เ้าภูมิใจมากหรือไม่"
อ่า…
ฮวาเหยียนตระหนักดีถึงเหตุการณ์ปัจจุบันจึงไม่พูดอะไรออกไปอีก
ตี้หลิงหานบีบคางของนาง ผิวบริเวณนิ้วของเขาเรียบเนียนราวกับหยก ผิวพรรณเกลี้ยงเกลา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายที่ซ่อนความเ้าเล่ห์เอาไว้
มุมปากของตี้หลิงหานกระตุก เผยรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ "มู่อันเหยียน บิดาและพี่ชายของเ้ามาได้ทันเวลาพอดี เื่ที่เ้าขโมยดอกบัวพันปีจากเปิ่นกงและวางยาพิษเปิ่นกง เปิ่นกงอยากจะสอบถามวิธีการลงโทษจากท่านอ๋องมู่อยู่พอดี”
นี่นางกำลังจะถูกเปิดโปงหรือ?
ฮวาเหยียนตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
ตอนนี้นางถูกรอยยิ้มของตี้หลิงหานทำให้รู้สึกมึนงงจนเกือบจะหลงทางแล้ว
ทันทีที่มีปฏิกิริยาตอบกลับต่อคำพูดของเขา สีหน้าของฮวาเหยียนพลันมืดลง "หม่อมฉันมิได้ขโมย"
ถึงตายก็ไม่มีวันยอมรับ
"ไป"
ตี้หลิงหานคลายมือออกจากคางของฮวาเหยียน เพียงคำสั่งเดียว ผู้ใต้บังคับบัญชาชื่ออั้นปาก็ได้รับคำสั่งให้ออกไป
ก่อนที่อั้นปาจะจากไป เขาเหลือบมองไปทางมู่อันเหยียน เขาสงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดไปหรือไม่ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ไม่เพียงแต่ขโมยดอกบัวพันปีขององค์รัชทายาท แต่ยังวางยาพิษให้ฝ่าาด้วย? นี่มันโทษร้ายแรงถึงขั้นตัดหัวเลยทีเดียว
อั้นจิ่วและอั้นปามองหน้ากันและตอบโต้กันด้วยสายตา พี่ชาย ท่านได้ยินถูกแล้ว นี่คือสิ่งที่คุณหนูมู่ได้กระทำลงไป
ตี้หลิงหานยกมือขึ้น อั้นจิ่วรีบขยับโต๊ะและเก้าอี้ไม้ไผ่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับวางถ้วยชาที่งดงามประณีตไว้ตรงหน้าเขา
เขานั่งบนเก้าอี้พลางถือถ้วยอยู่ในมือ ดูอารมณ์ดี ในขณะนี้ความโกรธของเขาสงบลง ราวกับว่าตราบใดที่มู่อันเหยียนไม่พูด เขาก็สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้อย่างดี
เขาเป็คนเก็บตัว นิสัยเ็า เป็เวลาหลายปีแล้วที่เขาไม่เคยโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้
เขาประเมินมู่อันเหยียนและบุตรชายของนางต่ำเกินไปจริงๆ เด็กอายุเพียงห้าขวบ แต่กลับสามารถหลบหนีจากจวนไท่จื่อได้ อีกทั้งยังส่งจดหมายกลับไปเพื่อขอให้มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่มาที่นี่ด้วยตนเองอีก
ในยามนั้น เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากที่ไกลๆ เข้ามาใกล้ทันที
"ท่านอ๋องมู่ ท่านผู้บัญชาการมู่ ทางนี้ขอรับ ฝ่าารอท่านอยู่ที่นี่ขอรับ...! "
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้