หญิงชราสองคนเดินก้มหน้าเข้ามา
ฮูหยินผู้เฒ่าเวินมองไปที่เวินอวิ๋นโปอย่างไม่เชื่อสายตา “เ้าจะทำอันใด ข้าเป็มารดาของเ้านะ!”
“ชื่อเสียงของตระกูลเวินสำคัญที่สุดขอรับ เชิญท่านแม่ไปขอขมาที่ห้องบรรพบุรุษ ท่านจะออกจากที่นั่นมิได้ั้แ่บัดนี้ไปจนตาย”
ฮูหยินผู้เฒ่าเวินตัวสั่นด้วยความโกรธ “เ้า! เ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร..." นางทำเพื่อตระกูลเวินมาหลายปี แต่เมื่อแก่ตัวลงกลับต้องมาถูกจับขังจนกระทั่งสิ้นลมหายใจ
นางไม่มีทางยอม
แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไร ก็ถูกคนลากไปที่ห้องบรรพบุรุษอยู่ดี
ในไม่ช้า หมอผีก็มาทำพิธีขับไล่ิญญาชั่วร้ายให้ตระกูลเวินอย่างใหญ่โต
เื่นี้ได้แพร่สะพัดออกไป ข่าวลือกลายเป็ว่าอี๋เหนียงตระกูลเวินฆ่าตัวตายเพราะความอับอายที่ถูกพบว่าคบชู้ จึงไปสิงร่างฮูหยินผู้เฒ่าเวินให้มั่วสุมในกาม
เมื่อหมอผีขับไล่ิญญาชั่วร้ายออกไป ตระกูลเวินจึงกลับสู่ความสงบ หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าเวินกลับมาหายดีเป็ปกติ นางก็คลุ้มคลั่งและคิดจะฆ่าตัวตายซ้ำๆ เมื่อถูกขัดขวางนางจึงไปปฏิบัติตนที่ห้องบรรพบุรุษเพื่อเป็การชำระล้างความผิด
เวินซียืนอยู่ที่ประตูร้านขายยา เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกชาวบ้าน แววตาก็เผยความเ็า
เวินอวิ๋นโปเป็คนที่โเี้จริงๆ ยอมละทิ้งมารดาแท้ๆ ของตนเพื่อรักษาหน้าของตระกูลเวินไว้ ทั้งยังใส่ร้ายเวินอี๋เหนียงและล้างมลทินให้ตระกูลเวินได้อย่างหมดจด
ดูเหมือนว่าหาก้าจัดการกับเขา นางจะต้องวางแผนระยะยาวเสียแล้ว
ขณะที่กำลังคิดเื่นี้ เวินซีก็เดินกลับมาถึงบ้าน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีเสียงของคนแปลกหน้าดังขึ้นจากด้านใน
“นางเด็กบ้า ออกไป!” นั่นคือเสียงของสตรีนางหนึ่งที่อ้วนตุ๊ต๊ะกำลังตวาดด่า
“ท่านป้า นี่เป็ข้าวสารของพวกข้านะเ้าคะ เป็อาหารอย่างสุดท้ายของเรา จึงเอาให้ท่านไม่ได้จริงๆ”
ขณะนั้นน้องสาวคนกลางที่มีใบหน้าบวมเป่งกำลังกอดถุงข้าวสารแน่น และมีท่าทีไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
ส่วนเด็กอีกสองคนก็กอดขาของสตรีนางนั้นคนละข้าง
“ออกไปนะ อย่ามาแตะตัวข้า สกปรกจะแย่” ป้าจ้าวะโด่า ซันซานถูกนางเตะจนกลิ้งไปนั่งร้องไห้บนพื้น ส่วนยียีกำลังจะถูกนางยกขาขึ้นเตะไปด้วยอีกคน
ในขณะนั้นเองก็มีมือหนึ่งเข้ามาบีบไหล่ แล้วจับมือดึงไปด้านหลังอย่างแรง พลันเหวี่ยงนางลงกับพื้น
“โอ๊ย ผู้ใดกัน!” นางล้มลงอย่างเ็ป ก่อนจะลุกจากพื้นอย่างแยกเขี้ยวยิงฟัน
“พี่สะใภ้” เด็กทั้งสามร้องไห้และมองไปยังเวินซีที่เข้าจู่โจม
คำว่าพี่สะใภ้ ทำเอาคนที่ดูเหตุการณ์อยู่พากันใ
ว่ากันว่าจ้าวต้านแต่งงานกับสตรีที่ทั้งอ้วนและขี้เหร่มิใช่หรือ?
สตรีผู้นี้...มองอย่างไรก็ไม่เหมือนที่เขาลือกันเลยนี่นา!
ป้าจ้าวไม่รู้จักเวินซีจึงไม่สนใจ เพียงลุกขึ้นมาแล้วไปหยิบถุงข้าวที่ตกลงบนพื้น ทว่าขณะที่นางกำลังใช้มือเก็บ เวินซีก็ใช้เท้าเหยียบลงบนหลังมือของนางทันที
ป้าจ้าวกรีดร้องด้วยความเ็ป “เ้าทำอันใดน่ะ!”
“เอ้อเอ้อร์ นางใช้มือใดตีเ้ากัน?”
เอ้อเอ้อร์ชี้ไปที่มือขวาของป้าจ้าวด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
เวินซีหรี่ดวงตาที่เ็าคู่นั้นเล็กน้อย จากนั้นออกแรงเหยียบ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกร๊อบดังขึ้น
ป้าจ้าวกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเ็ปทันที
“เ้า เ้า... พวกเ้ามันหลานนอกคอก! ขโมยข้าวข้า แถมยังกล้าหักมือข้าอีก ข้าจะให้คนมาจับเ้า!” นางกัดฟันและจ้องไปที่เวินซี
“เ้ามาทำเื่ชั่วในบ้านข้า ทั้งยังกล้าดีมาตีเด็กๆ อีก รังแกแม้กระทั่งเด็กไม่กี่ขวบ ข้าหักมือเ้านับว่ายังน้อยไป” สายตาของเวินซีเย็นะเื บรรยากาศรอบข้างนั้นเปลี่ยนไปราวกับนรก
ป้าจ้าวใกลัวจนคลานถอยหลังไม่หยุด แววตาคู่นั้นราวกับจะฆ่านางได้ทุกเมื่อ!
สุดท้ายนางก็ได้แต่เอ่ยทิ้งท้ายไว้ว่า “เราจะได้เห็นดีกัน” จากนั้นก็วิ่งเตลิดหนีไป
เมื่อเห็นดังนั้น เวินซีจึงพาเด็กทั้งสามกลับเข้าไปในบ้าน
“เกิดอันใดขึ้น?” นางเอ่ยถามพวกเขา
“ท่านป้าเห็นข้าวของในบ้านของพวกเรา นางก็เอาแต่บอกว่าเราขโมยของของนางมา นางจะเอากลับไป พอเรามิให้นางก็ตีพวกเราเ้าค่ะ”
น้องสองรู้สึกเลวร้ายเป็อย่างยิ่ง “ท่านพี่ ท่านป้ากลับไปต้องไปบอกท่านย่าแน่ ท่านย่าต้องไม่ปล่อยท่านพี่ไปแน่...”
ดวงตาของเวินซีดำมืดขึ้นเรื่อยๆ และกอดนางไว้ในอ้อมแขนเพื่อปลอบโยน
เด็กทั้งสามกลัวจนตัวสั่นเมื่อเอ่ยถึงป้าจ้าว เห็นได้ชัดว่าญาติขยะอย่างคนตระกูลจ้าวมิใช่คนที่รับมือได้ง่าย
“ท่านย่าดุมาก นางชอบรังแกพวกเรา แย่งอาหารเราไป ทั้งยังขับไล่พวกเราออกมาด้วย หากมิใช่เพราะพี่ชาย พวกเราคงหิวตายไปแล้ว”
“มีข้าอยู่ จะไม่มีผู้ใดรังแกพวกเ้าได้แน่” เวินซีเอ่ยด้วยสายตาที่แน่วแน่ คำพูดนั้นทำให้เด็กๆ วางใจ
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำที่จ้าวต้านกลับมาจากล่าสัตว์ เขานำกระต่ายกลับมาเพิ่มได้อีกตัวหนึ่ง กระต่ายตัวนั้นขายไม่ได้ราคา เวินซีจึงตัดสินใจเอาไปทำอาหารให้เด็กๆ ได้บำรุงร่างกาย
หลังมื้ออาหารเย็นที่เด็กๆ ทานกันอย่างอิ่มหนำก็พากันไปอาบน้ำและเข้านอน
เวินซีกำลังล้างจาน ขณะนั้นจ้าวต้านก็จ้องมองมา ขยับคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหยิบถ้วยชามในมือของนางออก
“ข้าทำเอง” เขาอาสา
เวินซีนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก็ปล่อยมือ ส่งชามให้เขาแล้วพูดว่า “เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้าขอโทษด้วยนะ”
จ้าวต้านหันเหสายตาหนี “มันไม่เกี่ยวกับเ้าหรอก เื่ที่เกิดขึ้นทำให้เ้าต้องคับข้องใจมากกว่า”
“ไม่หรอก” นางพูดเสียงดังต่อว่า “ผู้ใดทำร้ายคนของเ้า เท่ากับรนหาที่ตายทั้งสิ้น”
เวินซีเอ่ยประโยคนี้อย่างไร้ความรู้สึก
จ้าวต้านชะงักลง นับวันเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าภรรยาที่ซื้อมาคนนี้มิใช่คนธรรมดา
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เวินซีได้ตื่นขึ้นมาทำโจ๊ก
ขณะที่เอ้อเอ้อร์กำลังเล่นกับซันซานอยู่ด้านนอก จู่ๆ พวกเขาก็วิ่งกลับเข้ามาด้านในอย่างรวดเร็ว
“พี่สะใภ้...ท่านย่ามาแล้วเ้าค่ะ!”
เวินซีวางช้อนแล้วออกไปดู เห็นหญิงชราผมหงอกที่มีร่างกายสั่นเทาเล็กน้อยยืนจังก้าอยู่ด้วยท่าทางก้าวร้าว จากนั้นก็เดินเข้ามาในลานบ้านด้วยความรังเกียจ พร้อมกับผู้ติดตามที่เป็บุรุษจำนวนมาก สุดท้ายนางก็นั่งลงบนเก้าที่มีคนยื่นให้นาง
นางเงยหน้าขึ้นมองเวินซีด้วยสีหน้าขึงขัง “คุกเข่าลง!”
เวินซีไม่ขยับ แล้วจ้องมองกลับไปอย่างเ็า
ท่านย่าจ้าวถูกเพิกเฉย โทสะของนางพุ่งทะลุเสียดฟ้าทันที “ข้าเป็ย่าเ้า ให้เ้าคุกเข่าเ้าก็ต้องคุกเข่า!”
ในตระกูลจ้าว ท่านย่าจ้าวเป็ผู้กุมอำนาจ ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน แต่สำหรับเวินซีแล้ว นางไม่แม้แต่จะชายตามองคนเช่นนั้น
“ท่านย่าหรือ? ครอบครัวข้าไม่มีท่านย่าที่เอาแต่ใจและจอมบงการเช่นท่าน”
“สามหาว!”
ใบหน้าของท่านย่าจ้าวยังคงเคร่งขรึม “เ้าขโมยอาหาร ทั้งยังทำร้ายผู้อื่น ทำตัวเยี่ยงคนนอกคอกที่ไม่เห็นผู้หลักผู้ใหญ่ในสายตา ข้าในฐานะย่าจะต้องสั่งสอนเ้าให้ดี!”
พูดจบ บุรุษแข็งแรงหลายคนที่อยู่ข้างหลังท่านย่าจ้าวก็ยกไม้ขึ้นมา
“ทุบนางให้หนัก เอาของที่พวกมันขโมยไปกลับมาให้หมด” สิ้นคำสั่ง ก็มีคนมาช่วยพยุงนางเดินกลับไป
นางผู้มีแต่ความเย่อหยิ่งคิดว่าอีกสักครู่เวินซีที่อยู่ข้างหลังจะโดนทุบเป็สุนัข
นี่คือผลลัพธ์ของการริอ่านมาสู้กับนาง!
ไม่นานก็มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้นข้างหลัง ผสมกับเสียงร่ำไห้ราวกับหมูถูกเชือด เห็นได้ชัดว่านี่เป็ภาพที่น่าสลดเพียงใด
ท่านย่าจ้าวรู้สึกได้ใจ แต่จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เหตุใดเสียงร้องถึงได้หยาบกร้านนัก?!
เมื่อนางหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ ฉับพลันก็มีไม้หนาๆ ฟาดลงมาที่คอ
นางเห็นเพียงแววตาที่อาฆาตของเวินซี
“เ้า เ้า เ้า...” ท่านย่าจ้าวกลัวเหลือเกิน จนไม่กล้าขยับสุ่มสี่สุ่มห้า
ที่ด้านหลังของเวินซี มีเหล่าบุรุษจอมโอหังล้มลงกองกับพื้นไปอย่างถ้วนหน้า ต่างร้องโวยวายกันไม่หยุด
ท่านย่าจ้าวถอยหลังด้วยความหวาดกลัว แต่เมื่อถอยออกมาหนึ่งก้าว เวินซีก็ตามไปทุกก้าว
“เ้า้าอันใด? เ้ากล้าทำร้ายผู้าุโ บรรพบุรุษจะมิปล่อยเ้าไปแน่!”
บรรพบุรุษอันใด เวินซีเคยสนใจเสียที่ไหนกัน
เวินซีเลิกคิ้วและยกไม้ขึ้นสูง แม้จะยังไม่ทันได้ฟาดลงมา แค่ความอาฆาตของนางก็ทำให้คนที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาทั้งชีวิตอย่างท่านย่าจ้าวต้องคุกเข่าขาสั่น
ท่านย่าจ้าวถูกจัดการจนอยู่หมัด นางรีบลุกขึ้น วิ่งนำทุกคนหนีออกไป ในตอนที่รีบออกไปนั้นนางเหมือนจะได้กลิ่นหอมแปลกๆ ลอยอยู่จางๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้