“แม่นางหลินลองนับดู” หลี่อี้ยิ้มพร้อมกล่าวเตือน
หลินฟู่อินพยักหน้า คิดในใจว่ามีเงินสามร้อยตำลึงเงินก็มีเงินทุนสำหรับทำกิจการขายไข่ดอกสนได้แล้ว
นางรับเงินมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะพับมันอย่างระมัดระวังใส่กระเป๋าห้อยเอว แล้วส่งเงินหกสิบตำลึงเงินที่เหลือให้กับย่าหลี่ “ท่านย่าหลี่รับไว้เถิด เป็ความกตัญญูของข้าเ้าค่ะ”
ย่าหลี่ตาแดงก่ำ แม้จะอยู่ต่อหน้าผู้อื่นก็ยังรับเงินมาอย่างยินดีพร้อมบอกว่าหลินฟู่อินเป็เด็กดีกตัญญู
หลินฟู่อินไม่ได้เสแสร้ง ย่าหลี่ทำงานหนักมาก ทั้งช่วยนางเลี้ยงน้อง ทำความสะอาดบ้านให้นางทุกวัน ทำเช่นนี้นางเต็มใจมาก
หลี่อี้เห็นย่าหลานที่ไม่ใช่ครอบครัวแท้ๆ แต่ดีต่อกันยิ่งกว่าครอบครัวแท้ๆ เสียอีกก็ยิ้มจาง ขณะเดียวกันในใจก็รู้สึกสงสารหลินฟู่อินนัก
หลายวันมานี้เขาส่งคนมาสืบเื่หลินฟู่อินมากขึ้น จึงได้รู้ว่าปู่ย่าแท้ๆ รวมไปถึงครอบครัวลุงป้าของหลินฟู่อินล้วนแต่เป็ตัวบัดซบ หากไม่ใช่หลินฟู่อินยืนหยัดต่อสู้แล้วก็ไม่รู้จะโดนรังแกอย่างไรบ้าง…
หลินฟู่อินไม่ทราบว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ จึงยิ้ม “คุณชายหลี่ทานอาหารเช้ามาหรือยังเ้าคะ?”
นี่เป็คำถามตามมารยาทเท่านั้น หลินฟู่อินรู้ว่าอีกฝ่ายจะมาซื้อสมุนไพรเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทานอาหารเช้ามาจากบ้านแล้วแน่ๆ
แม้จะรู้ว่านางไม่ได้ถามจริงจัง แต่หลี่อี้ก็ยังเต็มไปด้วยความยินดี “ขอบคุณแม่นางหลินที่เป็ห่วง หลี่อี้ทานอาหารเช้ามาแล้ว แต่ข้ามาเร็วเกินไป คงไม่ได้รบกวนเวลาอาหารเช้าของแม่นางกระมัง?”
“พวกเราก็ทานแล้วเช่นกันเ้าค่ะ” หลินฟู่อินหัวเราะ
หลี่อี้เงยหน้ามองฟ้า ตอนนี้พระอาทิตย์ขึ้นสูงมากแล้ว เขาต้องรีบกลับไปที่ร้านในเมือง จึงกล่าวลา
หลินฟู่อินตั้งใจเรียกเขาเอาไว้ ก่อนจะเข้าไปหยิบเอาไข่ดอกสนยี่สิบฟองใส่ตะกร้าไม้ไผ่ส่งให้เขา
พวกนี้เป็ของที่ทำรอบแรก นางกะเทาะเปลือกแรงๆ จนเปลือกไข่แตก ทำเช่นนี้นับว่าเป็ความชอบส่วนตัว ทั้งยังอาจจะนำมาใช้เป็จุดขายได้ด้วย
“คุณชาย นี่เป็ไข่ดอกสนที่ข้าทดลองทำเอง ล้างให้สะอาดแล้วปอกเปลือก นำไปทานกับโจ๊กหรือน้ำมันงาจะอร่อยเป็พิเศษ ไข่ดอกสนนี้ยังดีต่อการขับลมร้อน ท่านลองนำกลับไปให้ท่านหมอหลี่กับหลี่ฮูหยินลองทานดู”
นางตั้งใจใส่สมุนไพรหลายชนิดที่มีรสจางๆ เพื่อปรุงรสให้ไข่ดอกสนพวกนี้ จะกล่าวว่านางทดลองเอาเองก็ไม่ผิดนัก
หลี่อี้รับตะกร้าไม้ไผ่มาด้วยสีหน้าหนักอึ้ง กล่าวขอบคุณหลินฟู่อินทั้งที่ดูลำบากใจ
เห็นเช่นนี้หลินฟู่อินก็หัวเราะ “ไม่เป็ไรเ้าค่ะ ท่านทานให้อร่อยนะเ้าคะ ข้ายังมีเหลืออีกมาก”
หลี่อี้ขอบคุณอีกหลายครั้ง ก่อนจะขึ้นรถม้ากลับไป
ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็นึกสงสัยเมื่อเห็นรถม้าคันหรูจอดอยู่หน้าบ้าน
หลินฟู่อินอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหน ดังนั้นเมื่อมีคนเห็นย่าหลี่อุ้มหลานออกมาเพื่อเดินทางไปหาแม่นม ก็อดถามไม่ได้ว่าคนที่มาหาหลินฟู่อินคือใครกันแน่
ชาวบ้านต่างก็โดนย่าหลี่ไล่ออกไป แสร้งทำทีว่าคนผู้นั้นเป็ผู้มีอำนาจที่มาเพื่อรักษาอาการป่วย
ดังนั้นชาวบ้านจึงเริ่มนำไปร่ำลือว่าหลินฟู่อินมีฝีมือเก่งกาจยิ่งนัก กระทั่งผู้มีอำนาจยังนั่งรถม้ามาหานางถึงที่
ข่าวลือพวกนี้ไม่นานก็ซาไป แต่ตอนนี้ถือเป็โอกาสดีที่จะได้ป่าวประกาศฝีมือของหลินฟู่อิน ถือเป็เื่ที่นางไม่ทันได้คิด
หลินฟู่อินไม่ได้ขึ้นเขาไปหาคนผู้นั้นมาหลายวันแล้ว ป่านนี้พวกที่กินแป้งทอดทุกวันคงเบื่อจะแย่ อีกอย่างหากกินแต่แป้งทอดจะเป็ร้อนในเอาได้ เช้านี้นางจึงทำโจ๊กหม้อใหญ่
จากนั้นก็ทำเครื่องเคียงอีกหลายชนิด จานหนึ่งเป็ผักกาดเปรี้ยวหั่นฝอยตกแต่งด้วยหมูฝอยดูน่ามอง
อีกจานเป็ถั่วฝักยาวดองหั่นเป็ชิ้นเล็กโรยน้ำมันงา มีกลิ่นหอมรสเปรี้ยว
สุดท้ายนางก็เดินไปยังห้องเก็บของ หยิบเอาไข่ดอกสนออกมาสิบฟอง
เปลือกไข่พวกนี้แตกแล้ว ไข่ขาวกลายเป็สีแดงม่วงเข้มอมน้ำตาล ไข่แดงกลายเป็สีน้ำตาลอ่อน มีรอยคล้ายเกล็ดหิมะงดงามอยู่บนไข่ขาว
ไข่ดอกสนของนางประสบความสำเร็จ เห็นเช่นนี้หลินฟู่อินก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
นางจัดการปอกเปลือกไข่ทั้งสิบฟองแล้วล้างให้สะอาด หั่นแต่ละฟองออกเป็หกเสี้ยวด้วยความระมัดระวังโดยใช้เส้นฝ้าย จากนั้นก็จัดเรียงใส่จาน ตามด้วยต้นหอมซอยปรุงรสด้วยซีอิ๊ว และน้ำส้มสายชูที่หมักจากข้าว ราดลงไปบนไข่ที่หั่นแล้ว โรยด้วยน้ำมันงาเล็กน้อย เท่านี้ก็กลายเป็ยำไข่ดอกสนพร้อมทาน
หลินฟู่อินอดไม่ได้ ลองใช้ตะเกียบคีบมาชิมหนึ่งชิ้น พออาหารเข้าปากก็หรี่ตาลงอย่างอารมณ์ดี รสชาติอร่อยมาก!
เห็นว่าย่าหลี่ยังไม่ได้ลองทานอาหารจานนี้ นางก็เข้าห้องเก็บของไปเอาไข่มาอีกสี่ฟอง ทำยำไข่ดอกสนจานเล็กเพิ่ม พอทำเสร็จย่าหลี่ก็กลับมาทานพอดี
จัดการทุกอย่างพร้อมแล้ว นางก็เตรียมเหยือกสีขาวเทโจ๊กลงไป ปิดฝาด้วยกระดาษไข
พวกเครื่องเคียงก็จัดการเรียงใส่กล่องแล้วปิดฝาเอาไว้
เหล่าลิ่วที่ทำหน้าที่รับส่งอาหารเห็นว่าวันนี้อาหารเช้าต่างจากทุกวันก็ยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตาทอประกายตื่นเต้น
“คุณหนู วันนี้ทำอาหารพิเศษให้พวกเราพี่น้องหรือ?” เหล่าลิ่วไม่รู้มายืนอยู่ด้านหลังั้แ่เมื่อไร พอพูดขึ้นมาก็ทำเอาหลินฟู่อินสะดุ้งใ
แต่นางเป็คนที่ค่อนข้างสุขุม จึงหันไปยิ้ม “เ้าค่ะ เห็นว่าทานแต่แป้งทอดทุกวันเกรงว่าจะได้รับความร้อนมากไป วันนี้จึงได้ทำโจ๊กกับเครื่องเคียงให้ท่านเพื่อลดความร้อนในร่างกาย”
เหล่าลิ่วรู้สึกตื้นตันขึ้นมา ริมฝีปากขยับไปๆ มาๆ อยู่ค่อนวันถึงพูดมาได้ประโยคหนึ่ง “คุณหนูดีต่อพวกข้าจริงๆ…”
หลินฟู่อินดูแลนายท่านอย่างไร ดูแลพวกเขาอย่างไร เหล่าลิ่วคนนี้ซาบซึ้งเป็อย่างมาก
ตอนแรกเรียกแม่นางหลิน ทว่าตอนนี้กลับเหลือเพียงคำว่าคุณหนู เป็การเรียกด้วยความรักใคร่ชื่นชม
หากใครไม่ทราบคงคิดว่าหลินฟู่อินเป็นายของพวกเขาแน่แล้ว
ตอนแรกหลินฟู่อินห้ามไปหลายต่อหลายครั้งด้วยรู้สึกว่าไม่เหมาะสม แต่เ้านายคนพวกนี้ไม่พูดอะไร ตัวนางเองก็คร้านจะไปตามแก้แล้ว
เหล่าลิ่วอยากให้ผู้เป็นายลองทานอาหารชนิดใหม่ที่คุณหนูทำ เพราะคิดว่านายท่านต้องดีใจแน่ๆ จึงได้ถือกล่องกับเหยือกใส่อาหารกลับไปโดยไม่ถามว่าหลินฟู่อินอยากไปพบนายท่านของตนด้วยหรือไม่
หลินฟู่อินเห็นว่าเหล่าลิ่วไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นวันนี้ก็คงไม่เป็ไร
เหมือนว่าหลายวันมานี้นางไม่รู้เลยว่าบ้านลุงสองเป็อย่างไรบ้าง จึงได้ลงสวนไปเก็บผักเพื่อนำไปให้อีกฝ่าย
หลินฟู่อินถือตะกร้าไม้ไผ่เดินเข้าบ้านลุงสองที่เป็กระท่อมไม้ผุพัง เมื่อเฟิงซื่อเห็นนางเดินเข้ามาก็รีบมาต้อนรับอย่างยินดี
“ขอบคุณมากๆ ลำบากให้เ้านำผักมาอีกแล้ว ป้าสองไม่รู้จะตอบแทนเ้ายังไงดี”
ทั้งสีหน้าและแววตาของเฟิงซื่อเต็มไปด้วยความจริงใจและขอบคุณ
หลินฟู่อินยิ้มบาง จับมือเฟิงซื่อแล้วหัวเราะ “ท่านป้าสองล้อข้าเล่นอีกแล้ว ข้าเองก็ไม่ใช่คนนอกนี่เ้าคะ? วันนี้ข้ามาดูว่าบ้านใหม่ของท่านป้าเป็ยังไงบ้างแล้ว”
พอพูดถึงเื่บ้านใหม่ เฟิงซื่อก็หยุดยิ้มไม่ได้ “ข้าจะพาเ้าไปดู ช่างทำบ้านเป็คนมีฝีมือ ลุงของอาเฟินเป็คนหามาให้ คนผู้นี้ฝีมือดีทำงานละเอียด อีกไม่กี่วันก็ทำคานบ้านแล้วล่ะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้