บทที่ 54 สังหารยามค่ำคืน
ยามราตรีไร้เสียง พระจันทร์เสี้ยวแหว่งเว้าราวกับตะขอ เมืองลั่วเยี่ยนค่อยๆ เปลี่ยนจากความคึกคักเข้าสู่ความเงียบงัน
ในใจของลั่วเหยียนรู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน ลั่วถูต้องตาย หากในสายตาของตระกูลลั่วแห่งโลกชั้นสูง ตระกูลลั่วในแผ่นดินต้นกำเนิดเป็เพียงสายเืรอง เช่นนั้นแล้วในสายตาของตระกูลลั่วในแผ่นดินต้นกำเนิด ลั่วถูย่อมเป็คนนอกอย่างแท้จริง ถึงจะเป็สายเืหลักแล้วอย่างไร ด้วยคุณสมบัติของลั่วถูไม่มีทางได้กลับโลกชั้นสูงอีกครั้งอยู่แล้ว เป็เพียงคนที่ไม่แม้แต่จะเปิดิญญาสำเร็จด้วยซ้ำ มีหน้าอะไรไปได้รับป้ายคำสั่งเพื่อเข้าสู่สำนักระดับกลางและเข้าสู่โลกชั้นสูงกัน? เพื่อตระกูลลั่วแล้ว ลั่วถูต้องตายเท่านั้น เพียงแต่ลั่วเหยียนคิดไม่ถึงว่า คนธรรมดาที่ยังไม่แม้แต่จะเปิดิญญา กลับทำให้เขาต้องเจอสถานการณ์ตึงมือเช่นนี้ได้
ไม่ว่าจะเป็แผนครั้งแรกของสมาคมซานชิงหรือแผนที่ใช้เผ่าปีศาจของผู้าุโใหญ่ จากที่เขาสังเกต จุดจบของลั่วถูไม่แคล้วต้องตายเท่านั้น ทว่าลั่วถูกลับยังมีชีวิตอยู่ ไม่เพียงมีชีวิตอยู่ แต่อย่างกับว่าชีวิตยังดีขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก ถึงขั้นมีสายสัมพันธ์กับตระกูลตงหลี่เสียด้วย สุดท้ายพอได้เข้าเมืองเว่ยยางก็ไปอยู่กับเ้าอ้วนซู แถมยังให้เ้าอ้วนซูช่วยจัดการเื่การเดินทางฝากให้ลั่วถูร่วมทางกับหอการค้าตระกูลว่านไปยังเมืองเทียนตูอีก เดิมทีเื่ที่ควรง่ายดายกลับกลายเป็เื่ยุ่งยากเสียแล้ว
หากคิดจะจัดการกับลั่วถูครั้งนี้ต้องคิดถึงเื่การจัดการหอการค้าตระกูลว่านไปด้วยอย่าเสียมิได้ หากมีแค่สมาคมซานชิงเื่นี้เขาคงไม่กล้าลงมือ ดังนั้นเขาจึงติดต่อให้ค่ายเฮยหูมาสมทบอีกที ทำให้จากการสังหารกลายเป็การปล้น หากคนคนหนึ่งตายไประหว่างถูกปล้น ย่อมไม่มีใครผิดสังเกต
ทว่าเื่นี้ราวกับยังคงไม่เป็อย่างใจคิด มิหนำซ้ำยิ่งทวีความวุ่นวายขึ้นไปอีก แม้แต่ศิษย์าขั้นหกอย่างเฉินติ้งฟางกับเฮยหูจื่อก็ถูกจับไว้ด้วย มีเพียงเขาคนเดียวที่หนีรอดมาได้ ทำให้เขาต้องเสี่ยงอีกครั้ง ต่อให้ต้องตายกันทั้งคู่ เขาก็ไม่สนแล้ว เพื่ออนาคตของตระกูลลั่วแห่งเจียงหยิน ลำพังความสำคัญของตัวเขาเพียงคนเดียวไม่อาจเทียบได้ อย่างน้อยหลังจากตายไป ผู้าุโใหญ่ต้องดูแลครอบครัวของเขาอย่างดีแน่นอน ขอเพียงให้การดูแลสายเืรองอย่างเขา เขาก็ไม่้าสิ่งใดอีกแล้ว!
ไฟในโรงเตี๊ยมมืดลง โคมไฟหลายโคมสั่นไหวไปตามสายลม ทำให้ทางเดินปรากฏเงาทอดยาว เมื่อผนวกกับความรู้สึกเงียบสงบ บางครั้งเพียงเสียงใบไม้ต้องลมและเสียงจักจั่นกรีดร้อง ก็สร้างความกดดันในใจของลั่วเหยียนได้อย่างมหาศาล
ลั่วถูดูคล้ายจะเมาได้ที่แล้ว เื่มากมายในโรงเตี๊ยมไม่อาจหลุดรอดสายตาเขาไปได้ และตำแหน่งที่เ้าเด็กนั่นอยู่ในตอนนี้ก็คือห้องของโฉมงามผู้นั้น เมื่อสังเกตที่หูก็คาดการณ์ได้ว่าคงเป็เผ่าิญญา แต่เขาไม่สนใจเื่ของสตรีนางนี้แม้แต่น้อย ในสายตาของเขาลมปราณของนางดูจะอ่อนแอกว่าลั่วถูอยู่หลายส่วนทีเดียว ก็แค่คนธรรมดาสองคน ขอแค่เขาลอบเข้าไปในห้องนั้นได้ ย่อมสังหารทั้งสองได้ไม่ยาก ไร้ร่องรอย ไร้ผู้คนพบเห็น... เมื่อนึกได้ถึงตรงนี้ เขาก็อดตื่นเต้นในใจไม่ได้
เมื่อลอบฟังเสียงผ่านทางหน้าต่าง ลั่วเหยียนได้ยินเสียงกรนเบาๆ เขาใช้มีดเล่มเล็กงัดไม้ที่ปิดหน้าต่างให้เปิดออก จากนั้นหยิบหลอดออกมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นเป่าลมเข้าไปเบาๆ ลั่วเหยียนไม่ได้รีบเร่งเข้าไปในห้อง แต่กลับซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด เมื่อได้ยินเสียงเคาะระฆังสามครั้งดังมาจากในเมืองไม่ไกลนัก เขาพลันม้วนตัวะโเข้าไปในห้องฝีเท้าเบาราวกับแมวอย่างไรอย่างนั้น
“กลิ่นแปลกจริง ทำไมกลิ่นของเมาร้อยวันถึงเป็เช่นนี้ไปได้... ” ลั่วเหยียนได้แต่กลั้นหายใจ กลิ่นเมาร้อยวันเป็ยาสลบร้ายแรงชนิดหนึ่ง ทว่ากลิ่นของยาสลบชนิดนี้ไม่ควรมีกลิ่นแรงเช่นนี้
“อย่างกับมีกลิ่นของสมุนไพรเยี่ยเสวียนปนมาด้วย... มิน่าเล่า เ้าเด็กนี่ใช้สมุนไพรเยี่ยเสวียนไล่แมลงนี่เอง พอสองกลิ่นนี้ตีกันถึงได้เป็กลิ่นแรงเช่นนี้” ลั่วเหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ท่ามกลางกลิ่นแปลกพิลึก เขาได้กลิ่นสมุนไพรเยี่ยเสวียนปะปนมาด้วย การนอนหลับกลางฤดูร้อนสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือแมลง ทว่าหากจุดสมุนไพรเยี่ยเสวียน แมลงย่อมไม่กล้าเข้าใกล้ อีกทั้งกลิ่นของมันยังเบาบาง ช่วยให้นอนหลับสบายได้อีกต่างหาก นับเป็ของดีทีเดียว เพียงแต่หลังจากกลิ่นหอมของสมุนไพรรวมกับกลิ่นของเมาร้อยวัน กลับกลายเป็กลิ่นไม่ชวนดมไปเสียแล้ว
ในห้องมืดสนิท ท่ามกลางความมืดมิดเขามองเห็นเงาคลุมโปงอยู่บนเตียง ลั่วเหยียนได้แต่รู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ เขาพบว่าลั่วถูกับสตรีนางนั้นนอนร่วมเตียงกันแล้ว สตรีโฉมงามผู้หนึ่ง กลับถูกขยะคนหนึ่ง ช่างเป็บุปผางามในกองขี้วัวจริงๆ ต่อให้เ้าเด็กนี่ตายไปก็นับว่าได้เป็ผีมีวาสนาแล้ว
“หึ...” ในความมืด คมดาบส่องประกายวาบไหว ลั่วเหยียนฟันลงไปย่างไม่ลังเล เมื่อคมดาบถูกฟาดฟันลง เตียงก็ถูกตัดเป็สองท่อนราวกับเต้าหู้ พลังของศิษย์าขั้นสี่ นับว่าใช้ฝีมือเสียเปล่าเหลือเกิน ทว่าขณะที่คมดาบของลั่วเหยียนผ่าเตียงจนแยกออกสีหน้าพลันเปลี่ยนไป ในใจรู้สึกถึงไม่ถูกต้องบางอย่างขึ้นมาทันที เพราะเขาพบว่าใต้ผ้าห่มบนเตียงกลับไม่มีคนอยู่
ดาบที่ฟันลงไปไม่ได้ตัดโดนกระดูกเลยสักนิด ราวกับกับฟันอากาศที่ว่างเปล่า เขารู้ได้ทันทีว่าท่าไม่ดีแล้ว เมื่อคิดจะถอยหนี กลับมีเสียงธนูดังขึ้นจากรอบทิศทาง ท่ามกลางความมืดมิดเพียงเสี้ยววินาทีนั้นเอง ลูกศรนับไม่ถ้วนก็ทำเอาใจของเขาต้องเย็นวาบ เขาติดกับเข้าให้แล้ว
“ยันต์เกราะทหาร... ” ลั่วเหยียนคำรามเสียงต่ำ ทันใดนั้นมีแสงสีทองกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏบนร่างของเขา อักขระของยันต์บนร่างเขาสว่างขึ้นทันที อักขระยันต์พวกนั้นเข้าล้อมร่างกายของเขาเอาไว้จนกลายเป็เกราะหนาชิ้นหนึ่ง
“เคร้ง เคร้ง... ” กองทัพลูกศรตกกระทบเกราะสีเหลืองทอง กำเนิดเป็ประกายแสงไฟเป็ดวงๆ ทันที ทิ้งรอยแตกเล็กๆ นับไม่ถ้วนไว้บนเกราะ แต่ไม่อาจทะลวงเข้าไปได้
“เคร้ง เคร้ง... ” ดาบยาวในมือลั่วเหยียนร่ายรำสะท้อนแสงวูบวาบราวกับดอกไม้ไฟก็ไม่ปาน ลูกศรที่ทะยานเข้าใส่บ้างถูกฟันจนร่วง บ้างถูกยันต์เกราะทหารกันไว้ได้ ทว่าเวลานี้เขารู้แล้วว่าด้วยกำลังของตัวเขาลำพังหากคิดสังหารลั่วถูก็เกินกำลังไปเสียแล้ว หากเสียงดังจนปลุกยอดฝีมือกลุ่มทหารรับจ้างเทียนกงในโรงเตี๊ยมขึ้นมา เช่นนั้นเขามีแต่ตายสถานเดียว ดังนั้นตอนนี้เขาไม่มีกะใจไปคิดว่าลั่วถูอยู่ไหนแล้ว คิดเพียงหาทางออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ ต้องมีโอกาสให้ลงมืออีกมากมายแน่
“เพล้ง... ” ในที่สุดยันต์เกราะทหารก็ทนการโจมตีจากหน้าไม้จำนวนมหาศาลไม่ไหวอีกต่อไปและะเิออกจนได้ ลั่วเหยียนได้แต่ส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ ถึงเขาจะมียันต์เกราะทหารช่วยกันหน้าไม้เหล่านี้ไว้ได้ ทว่าการยิงหน้าไม้ในระยะประชิดเช่นนี้พลังโจมตีที่ส่งออกมาต่อให้เป็เขาก็ยากจะรับไหว ส่งผลให้ไม่อาจเร่งความเร็วในการเคลื่อนไหวได้ มีแต่เพลิงแค้นโหมกระหน่ำอยู่ภายในใจ การที่ในห้องห้องหนึ่งกลับติดตั้งหน้าไม้ไว้มากถึงขนาดนี้ อีกทั้งทิศทางของหน้าไม้ล้วนเล็งมาที่เตียงทั้งหมด ชัดเจนแล้วว่าลั่วถูคาดไว้แต่แรกว่าจะมีคนบุกเข้าไปลอบสังหาร
“ตึง... ” ลั่วเหยียนเตะโดนโต๊ะตัวหนึ่งเข้า จากนั้นพลิกโต๊ะมาเป็เกราะบังหน้าไม้ที่เหลืออย่างรวดเร็ว ทว่าในตอนที่เขาเตะโต๊ะขึ้นมาเป็เกราะกำบัง ก็รู้สึกว่าบนหัวมีของตกลงมาด้วย ถึงจะใ แต่กเขาก็ยกดาบฟันขึ้นไปทันที
“ปัง... ” ลั่วเหยียนได้แต่ร้องในใจว่าแย่แล้ว เขารู้สึกได้ว่าที่ดาบของตนฟันออกไปกลับไม่มีแรงต้านเอาเสียเลย เหมือนกับฟันความว่างเปล่าอย่างไรอย่างนั้น แต่เมื่อได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันอย่างแ่เบา เขารู้ได้ในทันทีว่าของที่ตกใส่ศีรษะเขาเป็อวนขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็ของชั้นเลิศอีกด้วย เพราะดาบของเขากลับฟันมันไม่ขาด
“อ้าก...” ลั่วเหยียนกรีดร้องทันที ในความมืดเขาพยายามเปิดตาเพื่อมองสถานการณ์รอบด้าน ทว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้นกลับรู้สึกแสบร้อนในดวงตาร้อนอย่างกับถูกไฟเผา
“พริก... ” บางส่วนของผงเ่าั้ที่ร่วงเข้าปากลั่วเหยียน รสชาติเผ็ดจัดทำให้เขารู้ว่าของที่เข้าตาของเขาคือสิ่งใดกันแน่ และมันกลับเป็พริกที่ถูกบดจนละเอียด...
สิ่งที่ตรงลงมาหลังจากอวนใหญ่และถูกดาบของเขาฟันใส่ จากนั้นในอากาศกลับเต็มไปด้วยพริกป่นปลิวว่อนไปหมด ประจวบเหมาะกับเขากำลังเบิกตากว้างอยู่พอดีทำให้พริกป่นบางส่วนปลิวเข้าตา ในเวลาชั่วขณะนั้น เขารู้สึกราวอารมณ์แทบจะะเิออกมาเสียให้ได้
ความเผ็ดที่แปลกประหลาดทำเอาเขาถึงกับน้ำตาไหล เดิมทีก็มืดมากพออยู่แล้ว ตอนนี้แม้แต่แสงไฟสักดวงก็มองไม่เห็น เพราะดวงตาของเขาลืมไม่ขึ้นเสียแล้ว เขารู้สึกราวกับตาของเขาถูกฤทธิ์แห่งความเผ็ดอันน่าพรั่นพรึงโจมตีอย่างหนักเสียจนแทบถลนออกมาแล้ว
ลั่วเหยียนเองก็สมกับเป็ศิษย์าขั้นสี่ เขาสามารถใช้พลังธาตุขัดเกลาร่างกายตนเองได้ตลอดเวลา ไม่เพียงทำให้พลังของเขามากว่าวัวสี่ตัว แต่ยังทำให้กล้ามเนื้อของเขาแข็งแกร่งขึ้น ทว่าต่อให้แข็งแกร่งเพียงไหนเขาก็ไม่มีทางฝึกดวงตาได้
ลั่วถูมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ทำได้เพียงใช้มือหนึ่งปิดตา อีกมือหนึ่งฟันดาบออกไปอย่างบ้าคลั่ง หวังหาทางหนีออกไปด้านนอก ทว่าเพียงก้าวได้แค่ไม่กี่ก้าวก็รู้สึกถึงดาบแหลมคมอันนับไม่ถ้วนแทงเข้าที่ร่างของเขา
ในใจของลั่วเหยียนเกรี้ยวกราดเหลือทนแล้ว แต่กลับบังเกิดเป็ความหวาดกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาด้วย เป็เพราะอวนประหลาดขนาดใหญ่ กลับมีตะขอติดอยู่ด้วย ยิ่งเขาขยับตัวเท่าไร ตะขอเ่าั้ยิ่งแทงทะลุเข้าไปในเนื้อของเขามากเท่านั้น ถึงขนาดที่พอเขาใช้แขนฟันดาบออกไปก็ถูกตะขอเ่าั้เกี่ยวเอาไว้จนได้
“ปัง... ” โต๊ะที่ถูกลั่วเหยียนใช้เป็โล่ถูกเขาเตะจนแตกกระจาย ทว่าร่างกายของเขากลับสูญเสียการทรงตัวเดินเซจนล้มลงไปแล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ เขาไม่อาจรับรู้ทิศทางเหนือใต้ได้แล้ว ในความมืดที่เขาไม่อาจลืมตาได้ ความเ็ปเป็ครั้งคราวนี้ปั่นป่วนหัวใจของเขาอย่างหนัก เขาไม่เห็นลั่วถูด้วยซ้ำ แต่กลับตกลงไปในแผนของลั่วถูไม่หยุด
“ยันต์วารีกระจ่าง... ” ลั่วเหยียนเอ่ยเสียงต่ำ อักขระยันต์ในมือสว่างขึ้นอีกครั้ง จากนั้นสาดไปยังดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว
“อ้าก... ” ลั่วเหยียนส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถอีกครั้ง ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เขากลับหยิบยันต์ผิดเสียได้ ยันต์ของเขาใส่ไว้ในกระเป๋าใบเดียวกัน ทว่าตอนนี้เมื่อดวงตาของเขามองไม่เห็น แถมในความวุ่นวายนี้แขนของเขาก็แทบถูกตะขอแทงจนพรุนหมดแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาอาศัยเพียงความจำหยิบยันต์มาแผ่นหนึ่ง คิดจะใช้น้ำล้างดวงตา ทว่าเมื่อเขาสาดมันเข้าใส่ดวงตา กลับเป็ความรู้สึกร้อนพุ่งเข้าใส่ตาเสียแทน นั่นไม่ใช่ยันต์วารีกระจ่าง แต่เป็ยันต์เพลิงกระจาย...
ความร้อนอันรุนแรงที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีทำให้ดวงตาของเขาะเิออก ความเ็ปสะท้านไปถึงิญญาทำให้ทั้งร่างของเขาได้แต่ดิ้นพล่านไปมา ะโร้องออกไปเสียงดังอย่างไม่อาจทนความเ็ปได้อีกต่อไป เปลวไฟไม่เพียงเผาดวงตาของเขา แต่กลับเผาทั้งหน้าของเขาไปด้วย
“โฮ่? เ้าทำอย่างนี้ทำไมกัน อยู่ดีไม่ว่าดีวิ่งเข้ามาห้องของข้าแล้วทำร้ายตัวเอง เ้าคิดจะทำลายบรรยากาศของข้าหรืออย่างไร?” ในความเ็ประคนความสิ้นหวัง ลั่วเหยียนได้ยินเสียงที่เรียบเฉยทว่าแฝงไว้ซึ่งแววหยอกล้ออยู่ในทีของลั่วถู ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว ได้แต่กระอักเืออกมาอึกหนึ่งทันที
“ไปตายพร้อมกับข้าเสียเถอะ... ” ลั่วเหยียนะโอย่างโเี้ ไม่สนใจตะขอที่แทงอยู่บนร่างกับเปลวเพลิงที่เผาไหม้ใบหน้าของเขาอีกต่อไป พุ่งเข้าใส่ลั่วถูทันที ต่อให้ต้องตาย เขาก็จะทำให้ลั่วถูตายไปด้วย อย่างน้อยก็นับว่าทำภารกิจที่ผู้าุโใหญ่มอบให้สำเร็จ ในตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้ว เกรงว่าลั่วถูคงไม่ได้อยู่ในห้องนี้ั้แ่อรกแล้ว ส่วนเสียงกรนที่เขาได้ยิน บางทีคงเป็เพียงวิชาบางอย่าง เขาได้แต่เกลียดชังอยู่ในใจ เป็ถึงศิษย์าขั้นสี่คนหนึ่ง เหตุใดคนที่มีชื่อเสียงในระดับนี้ แค่จะสังหารคนธรรมดาคนหนึ่ง กลับถูกฝ่ายตรงข้ามคาดเดาได้แทบทุกย่างก้าว
“แหม ช่างดุดันจริงเชียว น่าเสียดาย ลูกศรหน้าไม้หมดเสียแล้ว... ” ลั่วเหยียนได้ยินเสียงหัวเราะของลั่วถู จากนั้นราวกับเขารู้สึกได้ถึงพลังความร้อนอันน่าสยดสยองครอบคลุมอยู่บนร่างกายของเขา ความร้อนที่อุณหภูมิสูงจนน่าพรั่นพรึงปรากฏขึ้นในใจของเขา เสี้ยววินาทีนั้นเองราวกับพลังจากทั้งร่างถูกสูบออกไปจนเกลี้ยง ถูกเผาผลาญจนกลายเป็เชื้อเพลิงของพลังความร้อนอันน่าหวาดหวั่นจนสิ้น
“พรึ่บ... ” ลั่วเหยียนรู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างของเขากำลังลุกไหม้อย่างเฉียบพลัน
“เป็ไป... ได้อย่างไร... เพลิงต้นกำเนิด... ” ทว่ากระทั่งตอนที่ลั่วเหยียนตายก็ยังไม่ได้กล่าวคำนี้ออกมาให้ชัดๆ แต่อย่างใด แต่เขากลับเข้าใจได้ พลังที่เข้ามาในร่างของเขาเป็พลังของเพลิงต้นกำเนิดไม่ผิดแน่ แต่มันกลับดูดเพลิงนรกในใจของเขาได้... แต่ดวงตาของเขาไม่เห็นศัตรูของเขาด้วยซ้ำ เป็ใครกันแน่ ได้ยินก็แต่เสียงของลั่วถูที่อยู่ตรงหน้าในระยะประชิดตัว แต่ไม่อาจจับต้องได้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้