ยามนี้ที่สำนักศึกษาของยียีน่าจะเลิกนานแล้ว
เวินซีรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เอ้อเอ้อร์ ยียีเคยได้พูดอันใดกับเ้าหรือไม่?” นางมองเอ้อเอ้อร์ เกรงว่าจะทำให้เด็กน้อยกลัวจึงใช้น้ำเสียงอ่อนโยนพูด
เอ้อเอ้อร์ยังเด็กนัก นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า “เอ้อเอ้อร์จำมิได้แล้ว”
“จ้าวต้าน เฝ้าเอ้อเอ้อร์ไว้นะ ข้าจะไปที่สำนักศึกษาสักหน่อย” เวินซีลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะไปด้วย อย่าได้รีบร้อนไป ยียีเป็เด็กฉลาด เขาไม่เป็อันใดแน่”
เมื่อเห็นท่าทางที่กังวลของนาง จ้าวต้านจึงพูดปลอบใจ
“จ่างกุ้ย ดูแลเอ้อเอ้อร์และซันซานด้วยนะ”
เวินซีะโไปที่ประตูด้านหลัง เมื่อเห็นจ่างกุ้ยออกมา นางก็ถือโคมไฟออกไปกับจ้าวต้าน
ถนนในคืนฤดูหนาวนั้นไม่มีผู้ใดผ่านไปมาสักคน
มีเพียงบ้านไม่กี่หลังที่แขวนโคมไฟ ส่องสว่างเพียงเล็กน้อย พื้นที่นอกจากนั้นก็มืดสนิท
เวินซีถือโคมไฟ มองดูรอบๆ อย่างระมัดระวังและไปที่สำนักศึกษา
เปลวไฟในโคมนั้นสั่นไหว แสงสว่างของมันมองเห็นได้ชัดมากในคืนที่มืดมิด
“ระวัง” จ้าวต้านดึงมือนางให้หลบเศษหินที่นางเกือบจะเหยียบโดน
“ได้ ท่านก็ระวังตัวด้วย”
เวินซีก้มมองไปที่พื้นแล้วเร่งฝีเท้า
ในตอนที่พวกเขามาถึงสำนักศึกษา ที่นี่ก็มืดสนิท มีเพียงกระท่อมไม้ไผ่ข้างๆ ที่มีแสงตะเกียง
เวินซีเดินไปเคาะประตูเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “มีผู้ใดอยู่หรือไม่เ้าคะ? ขออภัยที่มารบกวนดึกดื่นเ้าค่ะ แต่ข้ามีเื่ด่วนอยากจะถาม”
“มีเื่อันใด?” มีน้ำเสียงแก่ๆ ดังมาจากด้านใน
“สำนักศึกษาเลิกเรียนมานานเท่าไรแล้วเ้าคะ?”
“เกือบจะสองชั่วยามแล้ว เหมือนกันทุกๆ วัน เลิกก่อนฟ้าจะมืด”
“ขอบคุณเ้าค่ะ”
เวินซีหวั่นใจขึ้นมา หลังจากที่เก็บซ่อนอารมณ์ไว้ นางก็จากไป
ยียีมิได้กลับบ้าน แสดงว่าน่าจะมีคนพาเขาไป
หากตกไปอยู่ในมือของหลานเยว่เฉิง นางไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลย
ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล นางคิดจะไปตรวจสอบดูที่จวนตระกูลเวิน
จู่ๆ ก็มีเสื้อคลุมพาดลงที่ไหล่ของนาง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นจ้าวต้าน
“กลับไปที่ร้านเครื่องหอมก่อนเถิด” จ้าวต้านพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เวินซีก้มหน้าลง เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็พยักหน้า ทั้งสองคนพากันกลับไปที่ร้านเครื่องหอม
“พี่สะใภ้ ยียีล่ะเ้าคะ?”
ขณะนั้นเอ้อเอ้อร์กำลังเล่นอยู่ที่โถงหน้า เมื่อเห็นพวกเขากลับมานางก็วิ่งออกไป โผเข้ากอดเวินซี
“ยียีมีงานที่สำนักศึกษาน่ะ เขามิได้กลับบ้านวันนี้” เวินซีซ่อนอารมณ์ไว้ได้อย่างแยบยล
“แต่ข้าจะนอนไม่หลับหากไม่มียียี ทุกคืนก่อนนอนยียีจะเล่านิทานให้ข้าฟัง”
เอ้อเอ้อร์ทำหน้าบูดบึ้ง สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
“เอ้อเอ้อร์โตแล้วนะ จะเกาะติดพี่ตลอดมิได้นะ” เวินซีปลอบนางอย่างใจเย็น
เอ้อเอ้อร์ลังเล แต่ไม่นานก็พยักหน้า
เมื่อเวินซีเห็นนางพยักหน้าจึงพานางไปหาจ่างกุ้ย แล้วฝากให้เขาช่วยดูแล
“เอ้อเอ้อร์กลับไปนอนนะ”
จ่างกุ้ยเข้าใจความหมายของเวินซีจึงอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา ทั้งสองเข้าไปที่เรือนหลัง
บรรยากาศที่เคยอบอุ่นในห้องโถงพลันหนาวเย็นลง
เวินซีขมวดคิ้วมองจ้าวต้าน
จ้าวต้านยืนอยู่ที่หน้าต่าง เขาจุดเครื่องหอม นกพิราบที่บินอยู่บริเวณร้านเครื่องหอมได้กลิ่นก็บินเข้ามา ร่อนลงที่มือของเขา
เขานำจดหมายไว้ที่ระหว่างขาของนกพิราบ จากนั้นก็ปล่อยมันออกไป
“รอฟังข่าวเถิด พวกเขาน่าจะมาหาข้า ไม่คิดทำร้ายยียีหรอก” เขาเม้มริมฝีปากแล้วเดินเข้าไปใกล้นาง น้ำเสียงนั้นจริงจัง
นกพิราบตัวนี้ถูกทหารลับเลี้ยงมาด้วยเครื่องหอม มันรับรู้กลิ่นและรู้จักเมืองนี้เป็อย่างดี สามารถนำข่าวสารไปให้ทหารลับได้ ข้อความที่ให้ตามหายียีนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
“อื้ม”
ยามนี้จะกระวนกระวายไปมิได้ เวินซีจึงรับคำเขา
ทั้งสองนั่งอยู่ที่โถงหน้าทั้งคืน มีทหารลับหลายคนมารายงาน แต่ก็มิได้ข่าวคราวของยียีเลย
จนกระทั่งรุ่งสาง มีทหารลับที่มีเืเต็มตัวเข้ามาอย่างอ่อนแรง คุกเข่าลงบนพื้น
“คุณหนูเวินซี นายท่าน”
“ผู้ใดทำร้ายเ้า?” เวินซีลุกขึ้นยืนด้วยสายตาเ็า ตบมือลงบนโต๊ะ
“พวกเราบังเอิญเจอเข้ากับทหารของฮ่องเต้ขอรับ โชคดีที่หนีได้ทัน ไม่มีผู้ใดตายขอรับ”
“มีข่าวเื่ยียีบ้างหรือไม่?” จ้าวต้านเอ่ยถาม
“นายท่าน ยังมิได้ข่าวของนายน้อยยียีเลยขอรับ เพราะคนของฮ่องเต้อยู่ในเมือง พวกเรามิกล้าเคลื่อนไหวมากขอรับ”
“กลับไปเถิด ค้นหาต่อไป จนกว่าจะเจอยียี”
“ขอรับนายท่าน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารลับจึงจากไป
“ข้าจะไปแจ้งทางการ”
เวินซีลุกขึ้นเดินออกไปที่ประตู ในเวลานี้บนถนนมีพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่มาขายของกันบ้างแล้ว
ในเมื่อคนที่นำตัวยียีไปนั้นแอบอยู่ในมุมมืด นางก็จะทำให้กลายเป็เื่ใหญ่ หลังจากแจ้งทางการไปแล้วจะได้ให้ทหารลับแต่งตัวป็นเ้าหน้าที่ออกตามหาเขาอย่างมิต้องเกรงกลัวผู้ใด
เมืองนี้ไม่ใหญ่มาก การจะตามหายียีเจอ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
จ้าวต้านรู้ว่านางคิดอันใดอยู่จึงตามนางไปที่อำเภอด้วย
ขณะนั้นท่านเ้าอำเภอกำลังทานอาหาร เมื่อเห็นทั้งสองคนมาก็รีบลุกขึ้นทักทาย “คุณหนูเวินซี”
“ท่านเ้าอำเภอ ยียีหายไปเ้าค่ะ ขอยืมกำลังเ้าหน้าที่ของท่านหน่อยได้หรือไม่เ้าคะ”
เวินซีพูดเปิดประเด็น
“ได้สิ”
ท่านเ้าอำเภอพูดพลางยกมือขึ้น คนรับใช้ที่ยืนอยู่ที่มุมห้องต่างก็พากันออกไป
หลังจากที่ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม คนรับใช้ก็พาเ้าหน้าที่มาสิบกว่าคน
“คุณหนูเวินซี เหล่าเ้าหน้าที่จะรับฟังคำสั่งของเ้า”
เ้าอำเภอวางป้ายโองการไว้ในมือ เวินซียิ้มแล้วหยิบป้ายโองการไป “ขอบพระคุณท่านเ้าอำเภอมากเ้าค่ะ”
“เื่เล็กน้อย หาเขาให้เจอคือเื่ที่สำคัญที่สุด”
“เช่นนั้นพวกเราขอตัวก่อนแล้วจ้าค่ะ” นางกล่าวอย่างรีบร้อน
“ไปเถิดคุณหนูเวินซี”
หลังจากที่ได้กำลังคนมาแล้ว เวินซีก็แบ่งพื้นที่ให้พวกเขาออกไปตามหา โดยจัดให้เหล่าทหารลับที่อยู่ในร้านชานมใส่ชุดเ้าหน้าที่ปะปนเข้าไปด้วย
เวินซีทนอยู่เฉยมิได้ นางจึงออกไปตามหาเขาเพียงลำพัง
หนึ่งวันผ่านไป ราวกับว่ายียีระเหยหายออกไปจากแดนมนุษย์ มิได้ข่าวคราวใดๆ เลย
เมื่อกลับมาที่ร้านเครื่องหอม เวินซีก็เริ่มทำป้ายตามหาคนหาย
“เงินรางวัลสิบตำลึงสำหรับผู้ที่ให้เบาะแส ให้ร้อยตำลึงทันทีสำหรับผู้ที่หาเจอ...”
จ้าวต้านหยิบประกาศขึ้นมาอ่านแล้วมอบให้ทหารลับไปแปะประกาศ
เพราะเงินรางวัลที่สูง หลังจากที่แปะประกาศออกไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ผู้คนก็เข้ามารุมล้อมเต็มร้านเครื่องหอมเพื่อจะเอาเงินรางวัลเบาะแส
แม้ว่าเวินซีจะมิอาจทราบได้ว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมานั้นจริงหรือไม่ แต่นางก็ไม่อยากจะพลาดเื่ราวใดไป เวินซีให้พวกเขาต่อแถวพูดมาและรับเงินรางวัล
“เมื่อวานข้าเห็นนายน้อยยียีไปสำนักศึกษาและเลิกเรียน”
“ข้าเห็นมีคนไปคุยกับนายน้อยยียี ดูเหมือนจะเป็คนรับใช้ของตระกูลเวิน”
“มีคนเดินตามนายน้อยยียี ยามนั้นเขาก็รู้ตัวด้วย”
“...”
มีคำพูดต่างๆ นานา แต่เวินซีได้ยินคำว่า “ตระกูลเวิน” ชัดเจน
แม้จะไม่รู้ว่ามันเป็เื่จริงหรือไม่ แต่ก็เป็ชนวนจุดความโกรธของนาง
“ปัก--”
พู่กันที่ใช้จดเื่สำคัญในมือของเวินซีหักออกเป็สองท่อนบนโต๊ะ
“คุณ...คุณหนูเวินซี...” บุรุษผู้ที่กำลังให้เบาะแสอยู่นั้นใจนพูดติดอ่าง
“ไม่มีอันใด พูดต่อสิ” เวินซีกุมหน้าผาก
“คุณหนูเวินซี ตอนที่นายน้อยยียีเดินอยู่บนถนนที่ตลาด มี...มีสตรีเฒ่าผู้หนึ่งพูดกับนายน้อยยียี ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักนาง”
บุรุษผู้ที่มาบอกเบาะแสพูดจบ เมื่อได้รับเงินแล้วก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
เวินซีปวดหัวจนแทบะเิ หลังจากที่นางอดทนฟังเบาะแสทั้งหมดก็ลุกขึ้น กำลังจะเดินออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น
ทันใดนั้นนางก็เห็นคนรับใช้ที่สวมชุดของตระกูลเวินทำตัวลับๆ ล่อๆ ยืนอยู่ที่ขอบประตู
นางถอดปิ่นปักผมออก ขว้างมันออกไปปักที่ขอบประตู
“ออกมา” น้ำเสียงของนางเ็าราวกับออกมาจากใต้พิภพ
เมื่อรู้ว่าหลบไม่พ้น คนรับใช้ก็เดินออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาคุกเข่าลงกับพื้นและรีบพูดขึ้นทันที
“คุณ...คุณหนูเวินซี นายท่านเวินเชิญคุณหนูขอรับ”
เวินซีมองไปที่คนรับใช้ แววตาคู่นั้นมีความขุ่นเคือง
เชิญนาง?
พอดีเลย นางกำลังอยากจะไปดูที่จวนตระกูลเวินว่ายียีอยู่ที่นั่นหรือไม่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้