เวินเยียนยืนอยู่ด้านหน้าเวินซี มือของนางยังคงหยุดค้างอยู่กลางอากาศ
“ทำธุรกิจน่ะให้ตระกูลเวินทำไปเถิด ข้าจะมีใจคิดถึงเื่นี้ที่นี่ได้อย่างไร พวกเขาล้วนเป็ชีวิตนะ มิใช่สิ่งของที่ใช้ประกอบการแข่งขันธุรกิจ เ้าอย่ามาเอาแต่ใจที่นี่” เวินซีกล่าว
“เครื่องหอมเล็กๆ ของเ้าจะรักษาโรคของทุกคนได้อย่างไร? เ้าอยากจะฆ่าพวกเขาน่ะสิ” เวินเยียนตำหนิเวินซีอย่างเกลียดชัง ซึ่งก็มีผู้คนจำนวนมากเห็นด้วยกับนาง และต่างก็กล่าวออกมาว่า
“ใช่น่ะสิ เครื่องหอมเล็กๆ จะทำอันใดได้?”
“เวินซีคิดจะเข้ามายุ่ง แต่ไม่ดูสถานการณ์เลยนะ”
“ข้าชอบเครื่องหอมของร้านนาง ข้าคิดว่าคุณหนูเวินซีทำได้นะ”
......
เวินซีแย้มยิ้มแล้วเงยหน้าสบตากับเวินเยียนตรงๆ ยามนี้เวินเยียนรู้สึกโกรธแค้นต่อความอยุติธรรม ท่าทีของนางราวกับเป็คนละคนในตอนที่ทำให้คุณหนูซุนอาการหนักขึ้นเมื่อครู่
เมื่อถูกจ้องจนหวั่นใจ เวินเยียนจึงเดินถอยหลังไปสองสามก้าว แต่ความโกรธเคืองบนใบหน้ายังคงไม่จางหาย
เวินซีไม่สนใจ นางหยิบเครื่องหอมขวดใหม่ออกมาทาให้สตรีผู้นั้นต่อไป แม้เวินเยียนยังอยากจะหยุดนาง แต่กลับถูกจ้าวต้านขวางไว้
หลังจากนั้นไม่นาน สตรีที่ได้รับการรักษาก็ตื่นขึ้นช้าๆ แล้วยกผ้านวมที่พันอยู่รอบตัวออกไปทีละน้อย
“รู้สึกอย่างไรบ้าง?” เวินซีเอ่ยถาม
สตรีผู้นั้นปรับตัวสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งอย่างรู้สึกขอบคุณแล้วส่งยิ้มให้ “ขอบพระคุณคุณหนูเ้าค่ะ ความหนาวเย็นลดลงไปมากทีเดียว”
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะให้ยาอาบนะ เ้านำสูตรนี้ไปซื้อยาอาบ สองสามวันก็คงหายขาดได้” เครื่องหอมตัวใหม่ของเวินซีรักษาได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก ขณะนั้นมีคนยื่นพู่กันกับกระดาษมาให้ นางจึงเขียนสูตรยาให้สตรีผู้นั้น
เมื่อฮูหยินซ่งเห็นว่าได้ผลจึงนั่งไม่ติด ก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินไปหา “คุณหนูเวิน...” นางลังเลที่จะเอ่ยปาก
เวินซีเข้าใจความหมายของนาง จึงหยิบยาขวดใหม่ออกมาจากกระเป๋า “สูตรยาเหมือนกันเ้าค่ะ ประกาศออกไปให้ทั่วก็พอ”
“รบกวนเ้าด้วย” ฮูหยินซ่งยิ้ม
เวินซีกลับไปช่วยรักษาต่ออีกครา จ้าวต้านก็ช่วยนาง จนกระทั่งเครื่องหอมตัวใหม่ที่เตรียมมานั้นหมดลง นางถึงได้หยุด โดยที่มีคนอีกกว่าครึ่งที่ยังมิได้ใช้
นางปาดเหงื่อที่หน้าผาก “ทุกท่าน เครื่องหอมที่นำมานั้นไม่พอเ้าค่ะ ทุกท่านสามารถไปซื้อกันได้ที่ร้าน พวกเราจะให้ราคาพิเศษแก่ทุกท่าน”
“ได้”
“ลำบากคุณหนูจริงๆ”
“ขอบคุณคุณหนูเวิน ช่างเป็ราวกับพระโพธิสัตว์จริงๆ พวกเราขอบคุณมากเ้าค่ะ”
......
หลังจากที่นางพูดจบ ฝูงชนกว่าครึ่งก็พากันวิ่งไปที่ร้าน ขณะเดียวกันเวินเยียนมีสีหน้าอับอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ัักับสายตาที่ดูถูกและรอยยิ้มเย้ยหยัน นางไม่รู้ว่าเวินซีรู้สาเหตุของการถูกพิษหรือไม่ จึงไม่กล้าเอ่ยคำใด
ส่วนเวินอวิ๋นโปก็รู้สึกแย่เช่นกัน เมื่อครู่เขาเพิ่งตัดความสัมพันธ์กับเวินซี ยามนี้หากคิดจะเอาหน้าก็ทำมิได้แล้ว อีกทั้งตอนนี้สายตาที่ฮูหยินซ่งมองมาที่เขาก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เวินซีกำลังจะกลับออกไป แต่ถูกเ้าอำเภอเอ่ยปากเรียกไว้ เงินทองและอัญมณีที่จะส่งให้เวินเยียนเมื่อครู่นั้นถูกยกมาวางไว้ตรงหน้านาง
“คุณหนูเวิน บุตรสาวข้า...”
“ท่านเ้าอำเภอ ท่านใช้สูตรยานี้ถอนพิษบางส่วนในตัวคุณหนูซุนก่อนนะเ้าคะ ส่วนที่เหลือข้าจะมาถอนพิษให้ในอีกสามวัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ความกังวลใจของเ้าอำเภอก็หายไป เขาส่งสายตาให้คนรับใช้ยกหีบเงินทองออกมาอีกหีบ
ในระหว่างการสนทนา ฮูหยินซ่งได้กลับไปนั่งที่ หลังจากที่ให้คนเชิญเวินซีกับจ้าวต้านนั่งลงแล้ว นางก็สังเกตดูผู้คนที่ได้รับการถอนพิษ
“เหตุการณ์ครานี้เป็พิษที่เลวร้าย ในเมื่อพิษถูกกำจัดแล้ว ย่อมต้องตรวจสอบต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงเพื่ออธิบายให้ทุกคนได้ทราบ”
นางเคาะมือลงบนโต๊ะ “คุณหนูเวินมีความคิดเห็นอย่างไรหรือ?”
“ในเมื่อได้รับพิษชนิดเดียวกัน ย่อมต้องมาจากสิ่งของชนิดเดียวกัน ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้ลองนึกย้อนไปหน่อยสิเ้าคะว่าได้ััสิ่งของใดบ้าง?” เวินซียิ้มเล็กน้อย สายตาของนางมองไปที่เวินเยียนอย่างมีเลศนัย
เวินเยียนก้มหน้าลง ร่างกายสั่นด้วยความกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด ในขณะนั้นก็มีคนเริ่มทบทวนความทรงจำ
“ไม้บรรทัด รูปวาด ยาทาผิวงาม...”
“ผ้าเช็ดหน้า พู่กัน หวีดอกเหมย ยาทาผิวงาม...”
“ถุงหอม ยาทาผิวงาม...”
ผู้คนต่างพูดกันไปต่างๆ นานา แต่ทุกคนล้วนมียาทาผิวงาม
ฮูหยินซ่งก็เป็คนที่ใช้ยาทาผิวงามด้วยเช่นกัน สีหน้าของนางมืดลงทันใด สายตาที่เ็าของนางนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย เวินเยียนรับรู้ได้ถึงการจ้องมองมา ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“ฮูหยินซ่ง เื่นี้ต้องมีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลแน่เ้าค่ะ ยอดขายยาทาผิวงามพุ่งสูง ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ไม่กี่วันเราก็ขายได้กว่าพันชุด สตรีในเมืองเกือบทุกคนล้วนมียาทาผิวงาม แต่มิใช่สตรีทุกคนที่ใช้มันแล้วจะได้รับพิษนี่เ้าคะ”
นางลองพูดขึ้นก่อน ถ้อยคำนั้นฟังดูมีเหตุผล ซึ่งทำให้ฮูหยินซ่งเริ่มลังเลอย่างเห็นได้ชัด
เวินซีมองดูปฏิกิริยาของทั้งสอง ก่อนจะหยิบยาทาผิวงามที่เหลือจากวันนั้นออกมาจากกระเป๋าแล้ววางบนโต๊ะ “ในเมื่อมันไม่เกี่ยวกับยาทาผิวงาม เช่นนั้นคุณหนูเวินเยียนกล้าใช้เองหรือไม่เ้าคะ?”
ธนูอยู่บนศรแล้ว นางทำอันใดมิได้ เวินเยียนจึงเม้มปากแล้วลุกขึ้นไปควักยามาทาบนหลังมือ
หลังมือของนางขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทันที นางยิ้มออกมา แล้วนำหลังมือให้ฮูหยินซ่งดู “ฮูหยินซ่ง ข้าใช้แล้วเ้าค่ะ ไม่มีความผิดปกติใด”
“นั่นเป็เพียงขนาดของหนึ่งวัน” เวินซีมองนางอย่างเ็า
เวินเยียนทำไขสือต่อไปไม่ได้ นางต้องทายาอีกชุดภายใต้สายตาที่จ้องมองของฮูหยินซ่ง ขณะนั้นหลังมือของนางเริ่มมีความเย็นผุดขึ้นมาจางๆ แล้ว
“ใช้ต่อสิ” เวินซีพูด
เวินเยียนกัดฟันแล้วทายาอีกครั้ง จนยาขวดนั้นเกือบจะเห็นถึงก้นขวด นางก็ััได้ถึงความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง เมื่อใช้ยาในปริมาณมากบนผิวััเดิมๆ นางก็รู้ชัดแล้วว่าตนเองได้รับพิษ
ขณะนั้นทุกสายตากำลังจับจ้องมา เวินเยียนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสร้งทำเป็ปกติ
“ฮูหยินซ่ง ธุรกิจเครื่องหอมของตระกูลเวินเชื่อถือได้เสมอมา มิฉะนั้นจะได้รับความนิยมจากผู้คนมาเนิ่นนานเช่นนี้ได้อย่างไร พวกเราจะทำลายชื่อเสียงของตระกูลเพราะเห็นแก่เงินเพียงเล็กน้อยได้อย่างไรล่ะเ้าคะ”
“คุณหนูเวิน ยังมีความเป็ไปได้อื่นหรือไม่?” ฮูหยินซ่งใจอ่อนเพราะท่าทีของเวินเยียน ความสงสัยจึงหายไป
เวินซีส่ายศีรษะแล้วสบตากับหมอที่ยืนอยู่ที่ประตู หมอคนนั้นเดินไปหาเวินเยียน ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่เขาจะคว้าข้อมือของนางไว้และตรวจชีพจรอย่างรวดเร็ว
เวินเยียนพยายามดิ้นรน แต่พลังก็น้อยกว่าเขามาก
“ฮูหยินซ่ง คุณหนูเวินเยียนได้รับพิษแล้วขอรับ” เมื่อได้ตรวจดูแล้ว หมอก็สะบัดมือของนางออก
“เวินเยียน เหตุใดถึงโกหก?” ฮูหยินซ่งตบโต๊ะจนเกิดเป็เสียงดังก้อง บรรยากาศรอบๆ เต็มไปด้วยแรงกดดัน เวินอวิ๋นโปกับเวินเยียนนั่งคุกเข่าลงบนพื้น
“ฮูหยินซ่ง ข้ามิได้โกหกนะเ้าคะ ข้า...ร่างกายข้าสบายดีจริงๆ เ้าค่ะ” นางพยายามแก้ต่างอย่างสุดความสามารถ
“ฮูหยินซ่ง ได้โปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วยขอรับ ข้าเวินอวิ๋นโปขอสาบานว่า ตระกูลเวินของเราไม่มีทางใส่พิษใดลงในเครื่องหอมอย่างแน่นอน มันต้องมีปัญหาแน่ขอรับ” ขณะนี้เวินอวิ๋นโปเต็มไปด้วยความประหม่า
“ไปตระกูลเวิน ไปค้นที่นั่น เอาส่วนประกอบของยาทาผิวงามมาให้ข้า” ฮูหยินซ่งไม่สามารถเชื่อใจสองคนนี้ได้อีกต่อไป นางจึงมีรับสั่งทันที ทำให้นักการในอำเภอกลุ่มหนึ่งรีบออกไป
เวินเยียนนึกถอนหายใจ เพราะหลังจากที่ได้ยินว่ามีคนได้รับพิษ นางก็ให้คนไปจัดการเก็บกวาดส่วนประกอบเรียบร้อยแล้ว ไม่มีทางที่จะหามันพบ
“เ้าใส่สิ่งใดเข้าไปในเครื่องหอม?” เวินอวิ๋นโปลดเสียงลงถามนาง
“ท่านพ่อ ลูกไม่ได้ทำนะเ้าคะ เื่นี้เวินซีใส่ร้ายลูกเ้าค่ะ”
เวินเยียนตอบอย่างหนักแน่น เวินอวิ๋นโปจึงมิถามอันใดอีก
เวลาผ่านไปนาน นักการของอำเภอก็พากันกลับมา แต่มิได้ความใด ฮูหยินซ่งจึงขมวดคิ้ว แม้ว่านางจะสงสัยเวินเยียนเช่นกัน แต่ก็ไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์
“ฮูหยินซ่ง เื่ในวันนี้ส่งผลกระทบต่อตระกูลเวินแน่นอน หากไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าเป็เพราะตระกูลเวิน ท่านจะขอโทษตระกูลเวินของเราได้หรือไม่เ้าคะ?” ขณะนี้เวินเยียนมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม
“ในเมื่อข้าทำผิดไป ข้าก็จะ...” ฮูหยินซ่งกำลังจะกล่าวต่อในขณะนั้นเอง
“เดี๋ยวสิ ผู้ใดว่าไม่มีหลักฐานกัน?” แต่เวินซีก็เอ่ยขึ้นมา ทำให้ทุกคนหยุดชะงัก ขณะเดียวกันขอทานหลายคนที่รออยู่ที่ประตูก็นำบุรุษคนหนึ่งที่หมดสติโยนเข้ามา
เมื่อเห็นบุรุษผู้นั้น ดวงตาของเวินเยียนก็เบิกกว้าง สีหน้าพลันขาวซีด เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้