ใบหน้าฉีอันเปลี่ยนเป็ยิ้มประจบ พร้อมกับกอดขาหนิงมู่ฉือเอาไว้แน่น “แม่นางหนิง ท่านให้ข้าลองชิมสักคำก็ยังดี โจ๊กนี้กลิ่นมันหอมเหลือเกิน”
จ้าวซีเหอได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา ตักโจ๊กเข้าปากหนึ่งคำพร้อมทั้งเอ่ยไปด้วยว่า “เ้าผิดแล้ว โจ๊กนี้ไม่เพียงแค่กลิ่นหอมเท่านั้น พอได้ทานเข้าไปก็ยิ่งหอม”
ฉีอันยิ่งยิ้มกว้างอย่างดีใจ ขณะเขย่าแขนหนิงมู่ฉือ “แม่นางหนิง ท่านทำให้ข้าน้อยสักถ้วยเถิดนะขอรับ”
หนิงมู่ฉือยิ้มบางๆ “ในหม้อยังมีโจ๊กอยู่อีก หากอยากกินก็ไปตักเถิด”
ฉีอันได้ฟังรีบวิ่งประหนึ่งเหาะไปยังห้องครัว พอไปถึงก็ตักโจ๊กในหม้อใส่ถ้วยใบใหญ่แล้ววิ่งมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยภายในห้องของหนิงมู่ฉือ ขณะที่กินสายตาเหลือบมองยำหัวไชเท้าตรงหน้าจ้าวซีเหอตาละห้อยไปด้วย มองบ่อยจนจ้าวซีเหอต้องหันมามอง
จ้าวซีเหอเห็นสายตาฉีอันที่มองมายังยำหัวไชเท้าพลันรู้สึกว่าฉีอันนี่น่ากลัวจริง พร้อมกันนั้นยังคีบยำหัวไชเท้าเข้าปากคำใหญ่อย่างแกล้งยั่ว
ฉีอันเห็นท่าทางเช่นนั้นของจ้าวซีเหอจึงถอนหายใจอย่างยอมแพ้ “เฮ้อ ซื่อจื่อ ท่านนี่ขี้งกจริง เหลือให้ข้าน้อยสักนิดก็ไม่ได้”
จ้าวซีเหอหาได้สนใจคำบ่นของฉีอันไม่ เอาแต่ตักโจ๊กเข้าปากท่าเดียว
หนิงมู่ฉือมองทั้งสองคนแล้วรู้สึกอยากหัวเราะออกมาเหลือเกิน นึกถึงตอนเป็เด็กที่นางอย่างไรก็ไม่ยอมทานข้าว หากในจวนนางมีแม่ครัวเช่นนางอยู่สักคน ตอนนี้นางคงไม่ต้องมานั่งบ่นว่าเหตุใดจนถึงป่านนี้นางก็ยังตัวไม่สูงสักที
นางมองถ้วยยาที่วางอยู่บนโต๊ะพลางส่งสายตาขอร้องไปให้จ้าวซีเหอ หากคำตอบที่ได้รับกลับมาคือการส่ายหน้า
นางถอนหายใจออกมา “ยามันขมมาก ข้าดื่มไม่ลงจริงๆ เ้าค่ะ”
จ้าวซีเหอยังคงส่ายหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง “ตอนนี้เ้าไม่สามารถทำร้ายร่างกายตนเองได้ตามอำเภอใจอีกแล้ว เ้าเป็คนของตำหนักอ๋อง ตำหนักอ๋องก็ต้องดูแลเ้าให้ดี”
นางตอบด้วยสีหน้าจริงจังกลับไปเช่นกัน “ซื่อจื่อ ข้ามีวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้อาการป่วยของข้าหายได้ แถมยังไม่ต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ด้วยเ้าค่ะ”
“หืม?” จ้าวซีเหอทำหน้าสงสัย “ไหนเ้าลองพูดให้ข้าฟังสิว่าคือวิธีใด”
นางยิ้มด้วยสีหน้ายินดี “ซื่อจื่อ ท่านยังจำอาหารที่มีสรรพคุณเป็ยาที่ท่านได้ทานตอนต้องลมหนาวจนไม่สบายเมื่อคราที่แล้วได้หรือไม่เ้าคะ มันให้ผลดีมาก”
จ้าวซีเหอหัวเราะออกมา “หนิงมู่ฉือ เ้าอย่ามาหลอกข้าหน่อยเลย ตอนนั้นข้าก็ต้องดื่มยาด้วยเช่นกัน ไม่ใช่แค่อาหารที่มีสรรพคุณเป็ยาของเ้าอย่างเดียวที่ช่วยทำให้ข้าหายดีเสียหน่อย!”
นางกลอกตา “ซื่อจื่อ ท่านไม่รู้สึกหรือเ้าคะว่าครั้งนั้นท่านหายป่วยไวกว่าครั้งก่อนๆ แสดงให้เห็นว่าอาหารที่มีสรรพคุณเป็ยาของข้าได้ผล!”
จ้าวซีเหอเลื่อนสายตาไปยังฉีอันที่นั่งกินข้าวจนเหงื่อไหลไคลย้อย เขาใช้มือตบศีรษะด้านหลังอีกฝ่ายหนึ่งที “ฉีอัน เ้านี่รู้จักแต่กิน เ้ารีบมาช่วยข้ากล่อมให้หนิงมู่ฉือยอมดื่มยาประเดี๋ยวนี้!”
ฉีอันชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองจ้าวซีเหอคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองหนิงมู่ฉือ จากนั้นพนมมือขึ้นมาไหว้ขอร้อง “แม่นางหนิง ข้าน้อยขอร้องท่าน ท่านยอมดื่มยาแต่โดยดีเถิดขอรับ”
หนิงมู่ฉือมองยาสีดำปี๋ในถ้วย กัดฟันพร้อมกับเอ่ย “ก็ได้ ข้าดื่มก็ได้”
จ้าวซีเหอพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หนิงมู่ฉือเอามือข้างหนึ่งบีบจมูกขณะกรอกยาสีดำเข้าปาก ยาผ่านคอลงสู่ท้อง ในปากตอนนี้นางรับรู้ได้แค่รสขม
จ้าวซีเหอมองพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนใจ เขาควักเอาน้ำตาลสามก้อนออกมาจากอกเสื้อแล้วยัดใส่มือหนิงมู่ฉือ “ยาขมมาก เ้าดื่มเข้าไปแล้วจริงๆ ใช่หรือไม่”
หนิงมู่ฉือในตอนนี้รู้สึกขมจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา รีบนำน้ำตาลก้อนเข้าปาก สายตามองจ้องไปที่จ้าวซีเหออย่างโกรธแค้น “เหตุใดท่านถึงไม่เชื่อข้า ข้าจะเอาร่างกายตัวเองมาล้อเล่นได้อย่างไร อย่างไรข้าก็ยังกลัวตายนะเ้าคะ”
จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้าถือดี ขณะมีรอยยิ้มแต้มอยู่ที่ริมฝีปาก เขายกมือลูบท้องนูนๆ ของตัวเอง “ก็ได้ เช่นนั้นเ้าไปทำน้ำแกงมาให้ข้าหน่อย ข้าถึงจะเชื่อเ้า”
หนิงมู่ฉือแค่นเสียงชิออกมา การทำน้ำแกงกับเื่ที่นางยอมดื่มยามันเกี่ยวข้องกันอย่างไร เขา้าใช้งานนางชัดๆ นางไม่หลงกลหรอก คิดได้ดังนั้นนางนั่งลงบนเตียงอย่างไม่ยอมทำตาม “ซื่อจื่อ ข้าเป็หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน ท่านอยู่ในห้องข้าเช่นนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนะเ้าคะ”
“ไม่เป็ไร ข้าชินแล้ว อย่างมากข้าก็แค่รับเ้าเข้าตำหนัก” จ้าวซีเหอเอ่ยอย่างไม่ใช่เื่ใหญ่โตแต่อย่างใด ทว่าเมื่อพูดจบ เขาชะงักนิ่งด้วยความอึ้งไปครู่หนึ่ง
ฉีอันมองจ้าวซีเหอตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ยำหัวไชเท้าที่เพิ่งเอาเข้าปากพลันร่วงออกจากปาก เอ่ยถามจ้าวซีเหอด้วยน้ำเสียงตื่นตะลึง “ซื่อจื่อ นี่ท่านกับแม่นางหนิง…”
จ้าวซีเหอประเคนฝ่ามือเข้าที่ศีรษะของฉีอันอีกหนึ่งที อาการตอนนี้ของเขาสามารถใช้คำว่าเขินอายมาบรรยายได้ เขารีบลุกขึ้นยืน เอ่ยออกมาอย่างกระอักกระอ่วน “เมื่อครู่ข้าแค่พูดเล่น เ้าอย่าได้คิดเป็จริงเป็จังเชียว”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าอย่างเหม่อลอย ด้านจ้าวซีเหอพูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ก่อนไปเขาเห็นฉีอันยังคงนั่งทานโจ๊กอย่างไม่รู้สึกรู้สา เขาจึงใช้มือดึงอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วลากออกจากห้องไปด้วยกัน
ฉีอันเอ่ยพร้อมกับยิ้มแห้ง “แม่นางหนิง ข้าน้อยไปก่อนนะขอรับ”
หนิงมู่ฉือโบกมือลาขณะพยักหน้าด้วยสีหน้าอึ้งผสมงุนงง มองฉีอันที่ถูกจ้าวซีเหอถูลู่ถูกังลากออกไป พลางส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ ก่อนที่สมองของนางจะนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของจ้าวซีเหอ ฉับพลันนั้นในใจนางรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ทว่าต่อมานางคิดได้ว่า นางไม่สมควรจะมีความคิดเช่นนี้จึงส่ายหน้ากับตัวเอง พร้อมทั้งรีบกดความคิดที่ไม่สมควรนี้ลงไป นางมองท้องฟ้าด้านนอก เวลานี้ใกล้จะมืดแล้ว นางคิดพร้อมกับไอออกมา
อาหาร ไม่เพียงสามารถคลายความหิวได้ ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย หรือแม้แต่ฆ่าคนได้อีกด้วย และในเวลาเดียวกันก็สามารถรักษาอาการป่วยได้เช่นกัน
ครั้นนางพบว่าคอของตัวเองถูกเล่นงาน จึงนำสาลี่หิมะที่สุกแล้วสองลูกเดินไปยังห้องครัว หั่นสาลี่หิมะเป็ชิ้นใหญ่ๆ แล้วหยิบน้ำตาลจากในขวดออกมา
น้ำตาลก้อนทำให้นางนึกถึงก่อนหน้านี้ที่จ้าวซีเหอยัดน้ำตาลก้อนใส่มือนาง ริมฝีปากนางยกขึ้นเป็รอยยิ้ม นางต้มน้ำในหม้อ เมื่อเห็นน้ำเดือดได้ที่ก็นำสาลี่และน้ำตาลใส่ลงไป
ขณะที่นางกำลังเหม่อลอยอยู่หน้าเตาอยู่นั้น นางพลันได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของหญิงรับใช้ผู้หนึ่ง นางหันไปมองพร้อมกับเอ่ยถาม “เ้าเป็อะไรไปหรือ”
หญิงรับใช้ผู้นั้นได้ยินคำถาม เดินร้องไห้สะอึกสะอื้นตรงมาหานาง “แม่นางหนิง หลายวันมานี้ท่านอ๋องทานข้าวไม่ลง เมื่อครู่บ่าวนำอาหารไปให้ท่านอ๋อง แต่ท่านอ๋องสั่งให้บ่าวนำกลับมา ไม่ยอมทานแม้แต่คำเดียว พร้อมกันนั้นยังเอ่ยอีกว่าจะไม่ทานแล้วเ้าค่ะ”
นางฟังจบ ใช้มือตบไหล่หญิงรับใช้ผู้นั้นอย่างเห็นใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้