“เจียงไป๋ ผมรู้ว่าเื่นี้เพิ่มความลำบากให้คุณแล้ว ไม่ว่าเื่นี้จะสำเร็จหรือไม่ ต่อไปผมหวงชานจะคอยติดตามคุณ! ั้แ่นี้เป็ต้นไป คุณจะให้ผมไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหน แค่คำเดียว ผมหวงชานจะไม่ลังเลเด็ดขาด!”
เพิ่งจะวางสายไป หวงชานก็รีบพูด และเริ่มแสดงความจงรักภักดีด้วยใบหน้าที่จริงใจ
“อืม”
เจียงไป๋ฉีกยิ้ม และตอบไปคำเดียว ไม่ได้ปฏิเสธและก็ไม่ได้ยินยอม
คำพูดนี้ของหวงชานพูดได้สวย แต่จะติดตามเขาหรือไม่ ก็ยังคงต้องดูว่าเื่นี้จะเป็อย่างไร
โดยเฉพาะถึงจะทำสำเร็จแล้ว หวงชานก็ไม่แน่นอนว่าจะรักษาคำสัตย์ได้จริงๆ จุดนี้เจียงไป๋ก็รู้ดี ก็แค่ไม่อยากจะเปิดโปงเท่านั้น
ทั้งสองคนเรียกผู้หญิงสองสามคนกลับเข้ามาแล้ว และเริ่มดื่มอยู่สักพัก
เจียงไป๋ไม่ได้ให้จู้ซินซินดื่มเหล้าเลย ทางด้านหวงชานก็ไม่พูดถึงเหมือนกัน ก็แค่ให้เด็กสาวสวยแพรวพราวข้างๆ กายเขาสองคนมามอมเหล้าเจียงไป๋
ไม่ทันไรก็ดึกมากแล้ว เจียงไป๋ดื่มจนเมาเล็กน้อย ส่วนหวงชานก็เมาหัวทิ่มไปแล้ว เขากอดเด็กสาวสองคนนอนหมอบอยู่บนโซฟาอย่างเมามาย
เจียงไป๋เพิ่งจะออกจากประตูห้องไป ก็มีคนเข้ามาหาทันที บอกว่าหวงชานจัดห้องไว้ให้แล้ว
เจียงไป๋ไม่ได้ปฏิเสธ ฟ้าก็มืดแล้ว เขาไม่อยากกลับไป ดังนั้นจึงอยู่ที่นี่เสียเลย
เจียงไป๋ที่อาบน้ำเสร็จแล้ว และก็เหนื่อยมาทั้งวันนอนเอนตัวอยู่บนเตียงและเริ่มนอนหลับไป ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงเบาๆ ก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดออก เขาหรี่ตามองไปในความมืดร่างร่างหนึ่งเดินเขย่งเท้าเข้ามาหา วินาทีต่อมาเสียงถอดเสื้อผ้าก็ดังขึ้น และร่างที่เกลี้ยงเกลาร่างหนึ่งก็มุดเข้ามาในผ้าห่มแล้ว
วินาทีต่อมา เจียงไป๋ก็รู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่อ่อนนุ่มนั้น และส่วนหน้าอกที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยได้แนบชิดอยู่ด้านหลัง ความเร่าร้อนปะทุขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เจียงไป๋มีการตอบสนองแล้ว ทำให้ร่างที่อยู่ด้านหลังมีอาการสั่นเทาเล็กน้อย
“ฉันพูดแล้วไม่ใช่หรือว่าให้เธอกลับไปตั้งใจเรียน ทำไมถึงมาอีกล่ะ?”
ไม่ต้องหันหน้าไป เจียงไป๋ก็รู้ว่าเป็ใคร
ที่นี่เป็คลับเฮาส์ของหวงชาน นอกจากจู้ซินซินผมหางม้าแล้ว เจียงไป๋ก็ไม่รู้ว่ายังจะมีใครปีนขึ้นมาบนเตียงของเขาตอนกลางดึกกลางดื่นได้อีก
“ฉัน … ฉัน … ”
สาวผมหางม้าลังเลอยู่สักพัก และไม่พูดแม้แต่ประโยคเดียว ในที่สุดก็ไม่พูดอะไรเลย แขนที่เรียวสวยโอบเจียงไป๋ไว้แน่น ร่างกายก็ขยับอย่างช้าๆ เธอใช้ริมฝีปากจูบลงบนหน้าผากของเจียงไป๋อย่างซุ่มซ่าม
บริเวณ** ถูไถไปมาจนทำให้เจียงไป๋เร่าร้อนขึ้นมา
เขาไม่ได้แตะผู้หญิงมานานแล้ว พูดได้ว่าทั้งชีวิตนี้ก็มีซูเหม่ยแค่หนึ่งคน เขาที่ยังหนุ่มและกระฉับกระเฉงเป็ธรรมดาที่จะทนได้ยาก
ไม่ทันไรลมหายใจของเจียงไป๋ก็ยิ่งหนักขึ้นทุกที จากการกระตุ้นของแอลกอฮอล์ก็มีอาการมึนอยู่บ้าง
การกระทำของจู้ซินซินยังไม่หยุด จึงทำให้เจียงไป๋หยุดมีอารมณ์ไม่ได้ เขาหันไปคว้าตัวคนที่**อยู่ด้านหลังมา และจูบลงไปอย่างดูดดื่ม
ในห้องที่เดิมทีควรจะมีแต่เสียงครวญคราง แต่พอมาถึงครึ่งทาง เจียงไป๋กลับหยุดการกระทำแล้ว
เจียงไป๋ไม่อยากเรียนการกระทำที่ “พอเสร็จกิจแล้วก็สะบัดเสื้อจากไป โดยไม่ให้ใครรู้” ของจอมยุทธในสมัยโบราณ ดังนั้นจึงหยุดการกระทำของเขาลง
เจียงไป๋มองจู้ซินซินที่หน้าแดงอยู่ในอ้อมอก เขาลูบคลำใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเธอ และก็มีความรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
เธออายุยังน้อย เมื่อครู่ภายใต้การกระตุ้นของแอลกอฮอล์เขาไม่ได้คำนึงถึงอะไรมาก ตอนนี้คิดดูแล้ว เขาก็เหมือนกับเป็สัตว์ร้ายอยู่บ้าง
“ฉันพูดแล้ว เธอไม่ต้องทำอย่างนี้ แต่เธอก็มาแล้ว พอเถอะ … เมื่อครู่ฉันแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตอนนี้ก็กลายเป็อย่างนี้แล้วอึดอัด หากเมื่อครู่ฉันควบคุมตัวเองไม่อยู่ล่ะ อนาคตข้างหน้าเธอจะเสียใจไหม?”
เจียงไป๋เปิดไฟสลัวที่อยู่บนหัวเตียง และจุดบุหรี่หนึ่งมวน เขาพิงตัวอยู่ที่หัวเตียงและลูบคลำผมหางม้าที่หนาของเด็กสาวตรงหน้า มองคนที่พิงอยู่ในอกของตัวเอง และถามอย่างไม่รู้ตัว
“ไม่หรอก … ฉันยินยอม! ก่อนหน้านี้ฉันเคยพูดแล้ว เถ้าแก่หวงก็พูดแล้วต่อไปฉันก็เป็คนของคุณ หากคุณยินยอม ฉันก็จะติดตามคุณ ฉันสัญญาจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณ หากคุณไม่ยินยอม พรุ่งนี้พวกเราก็จะไม่พบกันอีก”
จู้ซินซินที่ตัวแนบติด ก็เอนหัวเข้ามาในอ้อมอกของเจียงไป๋ และพูดพึมพำ
เธอพยายามรักษาความสงบนิ่ง แต่เจียงไป๋กลับฟังออกว่า ในเสียงที่สงบนิ่งนั้นมีอาการสั่นเล็กน้อยและความสนิทสนมที่ยากจะเข้าใจ
“ฉันเป็คนค่อนข้างหวงของ หากไม่เกิดเื่อย่างนี้ก็พอเถอะ แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว … เกรงว่าต่อไปเธอก็ทำได้แค่ต้องติดตามฉัน อ้อ ต่อไปเื่ของคุณแม่เธอไม่ต้องรบกวนหวงชานแล้ว เื่นี้ฉันจัดการเอง ในเมื่อเธออยากเรียนหนังสือ แบบนั้นก็ตั้งอกตั้งใจเรียน ต่อไปไม่ต้องเป็กังวลเื่อื่นอีก ทางหวงชานเธอก็ติดต่อให้น้อยหน่อยจะดี เ้านี่ไม่ถือว่าเป็คนดีอะไร”
เจียงไป๋ถอนหายใจ และจูบลงบนหน้าผากของเธอพลางพูดเสียงต่ำ
ถึงแม้จริงๆ แล้วเมื่อครู่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้ลวนลามนิดหน่อย และก็ไม่ได้มีอะไรกัน แต่เจียงไป๋ก็ยังคงรู้สึกว่าเขาน่าจะรับผิดชอบ เพียงแค่เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ยินยอม เขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่างจริงๆ
ดังนั้นคิดๆ ดูแล้ว เจียงไป๋จึงพูดอย่างนี้ออกไป
“นี่ก็ถือว่ารับเลี้ยงฉันหรือ?”
ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ จู้ซินซินก็เงยหน้าขึ้น และมองเจียงไป๋ที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่รอคอยอย่างมีความหวัง ดวงตากลมโตจ้องเจียงไป๋ที่เอนตัวนอนอยู่ตรงนั้น ราวกับอยากจะหาคำตอบอะไรจากบนใบหน้าของเขา
“นี่ … ”
เจียงไป๋ฝืนยิ้ม และไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร
“ไม่ใช่หรือ?” สายตาของจู้ซินซินมืดมน
“ก็ถือว่าใช่นะ … ” เจียงไปฝืนยิ้มอีก
“จริงหรือ? เยี่ยมไปเลย!”
สายตาของจู้ซินซินเป็ประกายอีกครั้งแล้ว หลังจากนั้นก็พุ่งเข้ามาจูบเจียงไป๋เอง เธอไม่เขินอายและสั่นเทาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งยังเอ่อล้นไปด้วยแสงแห่งความสุข
คราวนี้ก็ทำให้เจียงไป๋งงงวยแล้ว
เดิมทีเขาก็ไม่อยากจะพูดอย่างนี้ รู้สึกว่าถึงแม้จะมีความรู้สึกดีกับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ เมื่อครู่ก็เกิดเื่อย่างนั้นอีก และก็คิดจะลวนลามอย่างเห็นแก่ตัว แต่พอพูดว่ารับเลี้ยงไม่รับเลี้ยงอะไรก็ค่อนข้างไม่น่าฟัง และก็ไม่ยุติธรรมกับสาวผมหางม้าที่อยู่ตรงหน้า ดังนั้นจึงลังเลและไม่ได้พูดออกไป แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะดีใจขนาดนี้?
เื่นี้มันไม่ถูกต้อง!
จู้ซินซินราวกับเห็นสายตาที่แปลกใจของเจียงไป๋ เธอยิ่งกอดเจียงไป๋ไว้แน่น และลูบคลำทรวงอกของเจียงไป๋พลางพูดว่า “คุณไม่รู้อะไร ตอนเด็กๆ ครอบครัวของฉันลำบากมาก แม่ของฉันก็สุขภาพไม่ดีมาตลอด พ่อก็เสียชีวิตไปเร็ว ฉันก็ไม่ค่อยฉลาด ถึงแม้การเรียนจะยังพอได้ แต่ถ้าอิงตามวงโคจรอย่างนี้ ฉันคิดว่ารอให้ถึงวันที่จะช่วยรักษาแม่ฉันได้ และให้ท่านมีชีวิตที่ดีก็ไม่รู้ว่าต้องนานเท่าไร และอาจจะไม่มีโอกาสอย่างนี้ไปตลอดชีวิต ดังนั้น ฉันจึงมีความปรารถนาหนึ่งอย่าง อนาคตอยากให้มีคนดีๆ สักคนยอมรับเลี้ยงฉัน อย่างนี้ฉันก็จะสามารถไปเรียนได้อย่างสบายใจ คุณแม่ก็จะมีชีวิตที่ดีได้แล้ว ถึงแม้จะเป็ไปได้ยาก แต่ฉันก็รู้สึกว่าอย่างนี้ก็น่าจะมีความสุขที่สุด”
ให้ตายสิ นี่มันความฝันประหลาดอะไรกัน …
เจียงไป๋มึนงง รู้สึกว่าความยิ่งใหญ่ของโลกไม่มีความแปลกอะไรที่ไม่มีจริงๆ
เมื่อพูดจบ จู้ซินซินราวกับรู้สึกถึงอะไร และพูดอย่างหน้าแดงว่า “คุณก็อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น ฉันแค่พูดว่าฉันคิดอย่างนี้ แต่ นั่นก็เป็ตอนเด็กๆ ฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น … ก็แค่ ก็แค่พอพบกับคุณ … ฉัน … ฉัน …”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้