บทที่ 83 ตระกูลซูแห่งเทียนหนิง
“เ้าเด็กมนุษย์นั่น... ” ต้วนชิงและคนอื่นๆ เข้าใจเื่ราวทั้งหมดแล้ว พอนึกถึงเ้าเด็กธรรมดาขี้อายที่เอาแต่หลบอยู่ด้านข้างมาตลอดตอนที่ซูเสี่ยวพั่งกางเขตแดนสายฟ้า เ้าเด็กธรรมดาคนนั้นก็ทำเพียงยืนอยู่ไกลๆ แรกเริ่มทุกคนคิดว่าเป็เพราะระดับพลังของฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไปจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ทว่าตอนนี้ถึงพบว่า พวกเขาดูถูกฝ่ายตรงข้ามเกินไป!
“เขาไม่ได้มากับเ้าหรอกหรือ? พวกเ้าต้องเป็พวกเดียวกันแน่ คิดจะแสดงละครตบตาพวกข้าสินะ... ” ราวกับโอวหยางเสี่ยวม่อนึกบางอย่างขึ้นได้จึงกล่าวออกไปอย่างโกรธแค้น
“พวกเดียวกันที่ไหน ท่านพั่งผู้นี้ติดกับหมอนั่นแล้ว เดิมทีข้าคิดว่าเขาเป็แค่คนธรรมดาที่ยังไม่เปิดิญญา ต่อให้มีพลังสู้รบก็คงไม่สูงนัก ใครจะไปรู้ว่าเ้าบัดซบนั้นจะแกล้งเป็หมูกินรอเสือ[1]แบบนี้ แถมยังเป็อาจารย์อาคมที่รู้จักยันต์รับส่งอีกต่างหาก...”
ฉวยโอกาสที่ซูเสี่ยวพั่งกำลังมึนงง ลั่วถูอาศัยจังหวะนั้นเร่งความเร็วจนถึงขีดสุดไม่เพียงปล้นน้ำเต้าสีม่วงทอง แต่ยังคว้าปีก์ที่เขาใช้แทนการเดินไปอีกต่างหาก กระทั่งหินมณีที่พกติดตัวก็เอาไปด้วย... ทำเอาซูเสี่ยวพั่งมีน้ำโหเสียแล้ว!
“ตามไป พลังของเ้าเด็กไม่สูงนัก อีกทั้งยังไม่คุ้นชินกับการใช้ปีก์ ต้องไปได้ไม่ไกลแน่...” ต้วนชิงออกคำสั่งให้พวกพ้องทั้งหลายกดร่างของซูเสี่ยวพั่งผู้น่าเวทนาด้วยสายตาอันไร้ซึ่งความเป็มิตรอย่างสุดแสน ค้นร่างที่เต็มไปด้วยไขมันด้วยความโเี้ไปรอบหนึ่ง ปรากฏว่าไม่พบน้ำเต้าสีม่วงทอง แม้แต่หินมณีทั้งสองของซูเสี่ยวพั่งก็หาไม่เจอเช่นกัน... ในที่สุดพวกเขาก็ยอมเชื่อคำพูดของซูเสี่ยวพั่งได้เสียที
ต้วนชิงกับโอวหยางเสี่ยวม่อค่อนข้างรู้จักเ้าอ้วนผู้นี้ดี แม้หมอนี่จะน่ารังเกียจ แต่ก็เป็คนรวยของแท้ ถ้าเกิดต้องสู้กันขึ้นมาจริงๆ เ้าอ้วนสมควรตายนั่นยังพกหินมณีติดตัวไว้อีกสองก้อน ข้างในมีสารพัดยันต์ิญญา สมบัติต่างๆ ... เ้าหมอนี่คือหมูอ้วนคลังสมบัติชัดๆ ทะเลาะกับคนแบบนี้เป็เื่ที่น่ารำคาญที่สุดแล้ว ทั้งที่พลังก็ไม่ได้สูงส่งอะไร ได้แต่อาศัยสมบัติกับยันต์ที่มีมากจนทับคนตายก็เท่านั้น! แต่ตอนนี้โอวหยางเสี่ยวม่อกับต้วนชิงถึงกับอดหัวเราะอย่างเ็าไม่ได้ ทิ้งซูเสี่ยวพั่งไว้ข้างหลังและมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ลั่วถูไป
พวกเขาไม่อาจสังหารซูเสี่ยวพั่งได้ เมื่อเห็นกลุ่มของโอวหยางเสี่ยวม่อและต้วนชิงไม่ได้สังหารซูเสี่ยวพั่ง คนอื่นๆ ถึงจะไม่รู้ที่สถานะที่แท้จริงของซูเสี่ยวพั่ง แต่ก็ยอมอดทนยั้งมือไว้ อย่างไรก็ตามเป้าหมายของพวกเขาคือเพลิงอสูร ไม่ใช่เ้าหมูอ้วน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ซูเสี่ยวพั่งสร้างความอัปยศให้พวกเขาจนกลายเป็แบบนี้ ทว่าพรรคพวกของทั้งโอวหยางเสี่ยวม่อและต้วนชิงล้วนไม่กล้าลงมือสังหาร พวกเขาก็รู้แล้วว่ารากเหง้าของเ้าอ้วนผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่
……
ความเร็วของปีก์ไม่ธรรมดาเลย น้ำหนักของซูเสี่ยวพั่งแทบจะเท่ากับลั่วถูสามคน ดังนั้นความเร็วตอนที่ซูเสี่ยวพั่งบินจึงไม่เร็วเท่าไรนัก ทว่าเมื่อเป็ลั่วถูใช้งาน มันก็บิน “ฟิ้ว... ” ล่องไปอย่างว่องไว แม้ลั่วถูจะรักษาสมดุลได้ยอดเยี่ยม แต่ยังคงเซไปมาบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็เป็การใช้งานเ้าสิ่งนี้ครั้งแรกย่อมไม่คุ้นเคยเป็ธรรมดา
ในตอนที่ซูเสี่ยวพั่งกางเขตแดนสายฟ้าอย่างหยิ่งผยอง ลั่วถูรู้ได้ทันทีว่าเ้าอ้วนผู้ต้องมีวิธีรับมือหลังจากนี้แน่นอน ถึงพลังจะไม่แข็งแกร่งนัก แต่การที่ซูเสี่ยวพั่งกลับไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลยเช่นนี้ ความเป็ไปได้ที่สุดคือมีวิธีหลบหนีในเสี้ยววินาที และวิธีหนีเช่นนี้สำหรับผู้ฝึกตนที่มีระดับพลังต่ำก็มีไม่เยอะ แบบที่พบเห็นบ่อยที่สุดคือใช้ยันต์หลบหนีอันทรงพลัง
ระดับพลังของลั่วถูไม่นับว่าแข็งแกร่งสักเท่าไรนัก แต่ความสามารถด้านอาคมของเขาไม่ใช่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติลับที่เต็มไปด้วยพลังธาตุเพลิงเช่นนี้ อาศัยพลังจากเพลิงต้นกำเนิดที่เขาเชี่ยวชาญ ก็สามารถวางอาคมรบกวนชนิดหนึ่งไว้รอบด้านได้สบายๆ ทั้งยังสลักยันต์อาคมรับส่งลงบนต้นไม้ใหญ่บางส่วนไว้อีกด้วย ในตอนที่ใช้ยันต์หลบหนี เป็ไปได้สูงมากว่าจะรับสัญญาณเปิดใช้งานแบบเดียวกัน ทำให้เป้าหมายของยันต์หลบหนีถูกดึงกลับมา... แน่นอนว่าหากฝ่ายตรงข้ามใช้ยันต์หลบหนีแบบตั้งที่หมายไว้แล้วก็เป็คนละเื่ไปเลย
ลั่วถูไม่คิดไม่ฝันว่าผลจะออกมาดีเกินคาด ระดับพลังของเ้าอ้วนซูเหนือกว่าเขามากจริงๆ แต่เมื่อกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่เฉียบพลัน ต่อให้แกร่งกว่านี้ ก็ไม่พ้นถูกชนจนไม่รู้เหนือรู้ใต้อยู่ดี สำหรับลั่วถูเ้าอ้วนในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับแกะอ้วนนอนรอเชือด เขามัวเกรงอกเกรงใจอยู่ได้อย่างไรกัน ไม่เพียงแย่งน้ำเต้าสีม่วงทองที่ใส่เพลิงอสูรที่เ้าอ้วนพกอยู่ กระทั่งหินมณีสองชิ้นที่ค้นเจอโดยบังเอิญก็ด้วย จากนั้นขี่ปีก์หนีไปทันที...
เ้าอ้วนจะเกลียดตัวเขาอย่างไร เขาไม่สนใจอยู่แล้ว ในเมื่อตัวเขามาจากแผ่นดินต้นกำเนิด ส่วนเ้าอ้วนมาจากแผ่นดินเทียนหนิง ไกลกันตั้งไม่รู้เท่าไร ใครจะไปกลัวโดนแก้แค้นเล่า!
วิธีขับเคลื่อนปีก์ ลั่วถูได้เรียนรู้มาบ้างในตอนที่เขาวิ่งตามซูเสี่ยวพั่งมาตลอดทาง ดูท่าประทับฝ่ามือและวิธีการขับเคลื่อนไปตั้งหลายรอบ ด้วยความสามารถด้านอาคมของเขา หากคิดจะเรียนก็ไม่ใช่เื่ยากเลย อย่างไรเสียของสิ่งนี้ซูเสี่ยวพั่งก็ไม่ได้เชี่ยวชาญนัก เหมือนจะเพิ่งนำมาใช้ในมิตินี้ได้ไม่นาน ยังใช้ไม่ชำนาญเท่าไรนัก และเป็เพราะเหตุนี้เอง ลั่วถูถึงได้กล้าแย่งมา ถ้าเป็สมบัติที่ซูเสี่ยวพั่งใช้จนชำนาญแล้ว บางทีอาจมีลูกเล่นทางหนีที่ไล่บางอย่างอยู่อีกก็ได้ แต่ถ้าถึงเวลาจวนตัวกลับใช้หนีไม่ได้ คงน่าขันตายแน่ๆ
ในป่าแห่งนี้ ลั่วถูคุ้นเคยกับมันมากกว่าพวกโอวหยางเสี่ยวม่อมากนัก ในตอนแรกโอวหยางเสี่ยวม่อและคนอื่นๆ ยังตามเขาทัน ด้วยระยะห่างเพียงร้อยแปดสิบจั้ง ทว่าหลังจากนั้น เมื่อลั่วถูควบคุมปีก์ได้ชำนาญขึ้นเรื่อยๆ ปีก์ก็ทวีความเร็วยิ่งขึ้นไปอีกจนราวกับเป็ลำแสงพุ่งทะลวงผ่านป่าไปอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่เขตไหม้ไฟขนาดย่อมๆ ก็พุ่งผ่านไปทั้งอย่างนั้น อาศัยควันในป่าคอยบดบัง ลั่วถูก็สลัดการตามล่าของคนกลุ่มนั้นได้อย่างรวดเร็ว
ทว่าต่อให้สลัดคนที่ตามล่าหลุดหมดแล้ว ลั่วถูก็ไม่รู้ว่าควรหนีไปทางไหนต่อดี อย่างไรเสียทั่วทั้งพื้นที่นี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยสักทีเดียว ฝูงสัตว์อสูรที่รวมตัวกันก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ไปไหน และิญญาเพลิงนี่ถูกพบเห็นที่ไหนกันแน่ ในใจของลั่วถูเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
“ตูม... ” ขณะที่ลั่วถูกำลังคิดว่าควรไปทางไหนดี จู่ๆ พื้นดินตรงหน้าพลันเกิดรอยแตกจนแยกออกจากกัน ไม้สีแดงขนาดใหญ่ชิ้นหนาสองสามท่อนพุ่งเข้าหาราวลูกศรที่ถูกยิงเข้าใส่เขาอย่างไรอย่างนั้น
ลั่วถูได้แต่ตะลึง อาศัยแรงที่ขาบังคับปีก์ให้เอี้ยวตัวหลบไปด้านข้าง ทำให้ร่างกายของเขากลิ้งตกลงไป ไม้สีแดงหลายท่อนลอยมาจ่ออยู่เหนือหัวของเขาเสียแล้ว เพียงแต่ร่างกายของเขาที่เพิ่งร่วงลงพื้นกลับััได้ถึงสายลมที่พัดผ่านศีรษะไปวูบหนึ่ง และไม้ตะปูกระแทกเข้าใส่ศีรษะของเขาอย่างจัง
ตอนนี้ลั่วถูเริ่มสับสนขึ้นมาบ้างแล้ว เดิมทีวิธีนี้คือวิธีที่เขาใช้จัดการคนอื่น ทว่าวันนี้กลับย้อนกลับมาเล่นงานเขาเองเสียได้ เขาไม่ทันได้คิดอะไรอีก ไม่หลบหนีแต่ฟันดาบออกไปแทน
“ตุบ... ” ไม้ตะปูชิ้นนั้นถูกสะบั้นกระเจิง ลั่วถูกระโจนออกไปทางช่องว่างระหว่างไม้ตะปูที่ถูกฟันจนกระจุย ปีนขึ้นไปที่สูงไต่ไปบนยอดไม้อย่างว่องไว
“เอ๊ะ... ” เสียงใดังขึ้นแ่เบาจากที่ที่ไกลออกไป การตอบสนองของลั่วถูเหนือความคาดหมายไปมาก ทั้งที่ยังไม่เห็นไม้ตะปูที่ร่วงลงใส่ก็ะโหลบได้เสียแล้ว การเคลื่อนไหวที่มุ่งขึ้นสู่ยอดไม้อย่างรวดเร็ว ทำให้กลไกต่อจากนี้ของเขาไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย
“ออกมาเถอะท่านทั้งหลาย วิธีเช่นนี้พี่ชายอย่างข้าใช้มาตั้งนานแล้ว ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก... ” ลั่วถูปีนขึ้นที่สูงอย่างรวดเร็ว จนมองเห็นความว่างเปล่าที่ถูกคลุมไว้ด้วยเถาวัลย์ และบนเถาวัลย์แขวนไม้ตะปูสีแดงเอาไว้ เพียงแต่ตอนนี้เขามาถึงยอดต้นไม้แล้ว กลไกกับดักของฝ่ายตรงข้ามหมดประโยชน์ไปทันที
“คิดไม่ถึงว่าท่านจะหลักแหลมเช่นนี้ แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็เื่เข้าใจผิด ข้าน้อยซ่งซือิ เดิมที่ของพวกนี้ข้าคิดจะดักจับสัตว์อสูรในป่าเท่านั้น เพียงแต่พี่ท่านไม่ระวังไปแตะต้องกลไกเข้า จึงโจมตีใส่ทันที ทั้งหมดเป็เื่เข้าใจผิดจริงๆ ขอรับ... ” คนหนุ่มผอมแห้งผู้หนึ่งเดินออกจากพุ่มไม้ที่แน่นขนัด ดูจากสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรงใจ ทำเอาลั่วถูแทบไม่กล้ากล่าวโทษฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทว่าเขาก็ฉุกคิดได้ว่าหนังหน้าของเ้านี่ดูจะหนากว่าเขาหลายเท่าตัว แต่ว่าเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่ทั้งขาดทั้งเก่าของอีกฝ่าย ถึงแม้จะดูเรียบร้อย ทว่าเสื้อที่เดิมทีเป็สีเขียวถูกซักจนซีดขาวเสียแล้ว ดูจะยากจนยิ่งกว่าเขาใน่แรกๆ เสียอีก
“เข้าใจกับผีเถอะ คิดว่าเ้าจะหนีท่านพี่ของข้าพ้นหรือ... ข้าไม่สนว่าเ้าคิดจะทำอะไร ข้าขอบอกเ้าไว้อย่าง อย่ามายุ่งกับข้า! ผลจากความโมโหของข้ามันสาหัสเอาการทีเดียวเชียว!” ลั่วถูมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาดูแคลน และไม่สนใจฝ่ายตรงข้ามอีก กระโจนไปเหนือยอดต้นไม้สองสามครั้ง หนีออกจากเขตกับดักอย่างรวดเร็ว และออกเดินทางต่อทันที
ซ่งซือิได้แต่แหงนหน้ามองลั่วถูที่เหนือยอดไม้ ความมืดกระแสหนึ่งแล่นวาบสู่สายตาในพริบตา และทันใดนั้นเองเงาสองร่างปรากฏขึ้นจากเงาของเขาที่ทอดยาวอยู่เื้ัราวกับภูตผี
“น้องซ่ง เหตุใดเ้าถึงปล่อยเขาไป?” คนที่ดูราวกับภูตผีผู้หนึ่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เ้าคิดว่าอย่างเ้าจะรั้งเขาไว้ได้หรือ?” ซ่งซือิถามกลับ
“หึ ดูจากลมปราณก็เป็แค่ศิษย์าขั้นต้น ลมปราณอ่อนแอเสียเหลือเกิน... ”
“ในโลกใบนี้มีวิธีมากมายที่ใช้ปิดบังลมปราณของตนเองได้ หากอาศัยเพียงลมปราณตัดสินว่าฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอ เกรงว่าในมิติลับเพลิงต้นกำเนิดนี้ เ้ายากจะรอดชีวิตจนถึงท้ายที่สุดได้ ข้าขอเตือนเ้า คราวหน้าหากพบคนผู้นี้อย่าได้ขัดขวางเขา ถ้าเป็ไปได้อยู่ให้ห่างเอาไว้ยิ่งดี!” ซ่งซือิสูดลมหายใจเข้าลึก
“ทำไมหรือ?” เงาภูตผีทั้งสองถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“เ้าเห็นสมบัติบินได้ใต้ฝ่าเท้าของเขาหรือไม่? ของสิ่งนั้นเรียกว่าปีก์ อีกทั้งอีกทั้งเป็รุ่นแรกสุด ของสิ่งนี้มีเพียงตระกูลซูแห่งแผ่นดินเทียนหนิงที่มี แม้จะเป็รุ่นพื้นฐานที่สุดอย่างน้อยก็ต้องใช้หินิญญาถึงลมสามก้อนจึงจะขับเคลื่อนได้สักระยะ เ้าคิดดู หากเ้าสังหารลูกหลานสายตรงของตระกูลซูแห่งเทียนหนิงในมิติลับเพลิงต้นกำเนิด เ้าว่าผลลัพธ์จะเป็เช่นไร?” ซ่งซือิถามกลับอย่างสงบนิ่ง
“ตระกูลซูแห่งเทียนหนิง... ” เงามืดทั้งสองร่างถึงกับเสียงขาดห้วง จากนั้นเงียบเสียงลงไป และกล่าวอย่างจริงใจว่า “สหายน้องซ่งสติปัญญาเฉียบแหลมนัก กู่โยวเกือบทำผิดครั้งใหญ่เสียแล้ว!”
“หึหึ ถ้าพี่กู่รู้ก็ดีแล้ว ถึงเ้าจะเป็ยอดฝีมือแห่งเผ่ากระดูก แต่หากเป็ศัตรูกับตระกูลซูแห่งเทียนหนิง ต่อให้อยู่ในพื้นที่ของเผ่าผี เกรงว่าคงยากจะมีชีวิตรอดได้ อีกทั้งครั้งนี้ ตระกูลซูแห่งเทียนหนิงลงทุนไปมากนัก พวกปีศาจหลายตนเข้ามาในมิติลับกันตั้งมากมาย ถ้าเจอพวกเขาเข้าจริง พวกเราก็ทำได้แค่หนีอย่างเดียว แต่ถ้ามือพวกเรามีเปื้อนเืของตระกูลซูเข้า หนีให้ตายก็คงหนีไม่พ้น!”
“ขอบคุณสหายซ่งมากที่กล่าวเตือน!”
“พวกเรารอเหยื่อคนต่อไปกันเถอะ!” ซ่งซือิเรียบเรียงความคิดเล็กน้อย และกล่าวอย่างเสียมิได้ เดิมทีเขาคิดจะทดสอบลั่วถูสักเล็กหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะระวังตัวแจเช่นนี้ ไม่ทันไรก็หนีขึ้นต้นไม้ไปแล้ว โจมตีไม่เฉียดสักนิด และเขาเองก็ไม่คิดเป็ศัตรูกับตระกูลซูจริงดังว่า หากให้เ้าหมอนั่นใช้วิธีการลึกลับบางอย่างส่งข่าวไป ย่อมเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าและการตามล่าสังหาร ดังนั้นในเมื่อโจมตีไม่โดนก็ชิงสารภาพออกไปเสีย... โชคดีที่ลั่วถูไม่ได้ถือสาหาความและจากไปในทันที!
[1] แกล้งเป็หมูกินรอเสือ(扮猪吃老虎) สำนวนจีนที่หมายถึงแกล้งโง่เพื่อหลอกเอาผลประโยชน์จากอีกฝ่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้