หลินซานหลางหรี่ตามองหลินฟู่อิน ทำทีเหมือนได้โอกาส “ทำเจียนปิ่งให้ข้า แล้วข้าจะบอก!”
“ซานหลาง เ้านี่มันคิดแต่เื่กินจริงๆ ถ้าเห็นอะไรจริงๆ ก็ให้นางสัญญาว่าจะให้เ้าสืบทอดบ้านก่อนสิ!” จ้าวซื่อกังวลเล็กน้อย แต่ก็ตื่นเต้นขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินซานหลาง สมองของนางก็ทำงานจนเข้าใจความหมายนั้นขึ้นมา
นางแค่หวังว่ามันจะเห็นหลินสามจมน้ำจริงๆ เพราะถ้าเป็แบบนั้น การจะให้ลูกนางสืบทอดบ้านสามต่อมันก็เป็เื่ที่ง่ายขึ้น
ต่อให้หลินฟู่อินไม่ยอมรับ แต่กับเด็กกำพร้าพ่อแม่อย่างนางแล้ว ขอเพียงปู่กับย่าสั่งมา หลินฟู่อินก็ไม่อาจขัดขืนได้
แต่สุดท้าย การให้หลินฟู่อินเป็คนมอบให้ด้วยตัวเอง มันจะส่งผลดีต่อชื่อเสียงของบ้านเดิมมากกว่า
“ได้ ข้าจะทำเจียนปิ่งให้ตามที่เ้าขอ” หลินฟู่อินทำสีหน้าจริงจังมองหลินซานหลาง “แต่บอกข้ามาก่อนว่าเ้าเห็นอะไร”
นางพอจะรู้สึกได้รางๆ ว่าสิ่งที่หลินซานหลางกำลังจะพูด มันเกี่ยวข้องกับพ่อของนาง…
เมื่อหลินซานหลางเห็นนางให้คำมั่นแล้ว เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงกวนโมโห “วันนั้นข้าเห็นผู้ชายคนหนึ่งถูกกระแสน้ำพัดไป เขาสวมชุดสีน้ำตาล และมีผ้าสีแดงพันไว้ ข้าเดาว่านั่นคงเป็อาสาม”
สมองของหลินฟู่อินพลันพร่ามัว เวลาที่พ่อของนางออกไปล่า เขามักจะสวมเสื้อสีน้ำตาล และสวมกางเกงสีเดียวกันเพื่อให้ง่ายต่อการพรางตัว
ส่วนสีแดงนั้น พ่อของนางมัดผ้าสีแดงไว้ที่ธนูด้วยความชอบส่วนตัว เพราะอยากให้ยิงเข้าเป้าสีแดงเวลาออกล่า…
“อ๊า!!! ไอ้ลูกโง่! ถ้าเห็นั้แ่ตอนนั้นแล้วทำไมไม่รีบพูดกันเล่า!” จ้าวซื่อได้สติคนแรก วิ่งไปตบหน้าหลินซานหลางเข้าฉาดใหญ่ แล้วดุด่าอย่างรุนแรง “ไอ้ตัวไร้ประโยชน์เอ้ย!”
หลินซานหลางถูกตบเสียแรง จึงกรีดร้องออกมาเสียงดัง พลางหันกลับมามองจ้าวซื่อ “ก็ตอนนั้นข้าไม่ได้คิดอะไร กว่าข้าจะได้ยินคนพูดกันเื่ที่ว่ามีการตามหาคน แล้วหาอาสามไม่เจอมันก็หลังจากวันนั้นแล้ว เพราะอย่างนั้นอาสามอาจจะโดนเหยี่ยวจิกตา โดนสัตว์ป่ากิน หรือไม่ก็ก้าวพลาดจนร่วงตกแม่น้ำตายไปแล้วก็ได้ทั้งนั้น”
หลินซานหลางโกรธมาก สมองของเขามีแต่เื่กิน ดื่ม นอนเท่านั้น จะไม่คิดถึงเื่อื่นเลยหากไม่ถูกสั่งให้คิด
“ท่านย่าหลี่ ประเดี๋ยวข้ากลับมา” หลินฟู่อินคว้าถุงเงินแล้ววิ่งออกจากประตูไป
ย่าหลี่พยักหน้ารับ แต่สายตาเต็มไปด้วยความเศร้า
เมื่อจ้าวซื่อเห็นนางวิ่งออกไปแล้ว จึงจ้องนางเขม็ง และกำลังจะออกวิ่งตาม “นังเด็กขี้เหนียว! จะหนีหรือ ลูกสามของข้าบอกเ้าแล้ว เ้าคิดจะผิดสัญญาหรือ?”
ย่าหลี่ยื่นแขนไปดึงนางไว้ทันทีพร้อมใบหน้าดุดัน “พล่ามบ้าอะไรของเ้ากัน สะใภ้หลิน? ได้ยินเื่เช่นนี้แล้วยังจะบอกให้ฟู่อินไม่ต้องรีบไปตามหาอีกหรือ?”
“โอ๊ย!” จ้าวซื่อหันกลับมา แล้วพ่นน้ำลายออกมาอย่างหยาบคาย “ย่าหลี่ คิดว่าเื่มันตั้งกี่วันมาแล้วกัน? ถ้าโดนน้ำพัดจริงๆ ก็คงจมไปเป็ชาติแล้ว!”
ย่าหลี่จ้องนางเขม็งอย่างเดือดดาล นางไม่มีอะไรจะพูดกับนังสารเลวนี่อีกแล้ว!
“ซานหลาง วันนี้เ้าไม่ต้องกลับไปกินข้าวเย็น! ญาติของเ้าสัญญาแล้ว และนางจะไม่ผิดสัญญา ข้าจะทำเจียนปิ่งให้เ้าเอง” ย่าหลี่หันไปกล่าวกับหลินซานหลาง
หลินซานหลางพยักหน้ารับ
“ทำมาเยอะๆ วันนี้ข้าจะอยู่กินที่นี่ด้วยเลย” จ้าวซื่อเลียปากกล่าว
ย่าหลี่เบะปากอย่างรังเกียจพลางเดินไปยังห้องครัว แต่ปากก็ไม่ได้หยุดนิ่ง “ไม่มีส่วนของเ้า ข้าไม่เคยเห็นคนเช่นเ้ามาก่อนเลย คนที่รู้ว่าน้องสามตัวเองจะเป็จะตายยังไงก็ไม่รู้ แต่กลับสนแค่จะเกาะหลานสาวตัวเองกิน!”
แม้จ้าวซื่อจะหน้าด้าน แต่นางก็ยังอับอายเมื่อได้ยินคำพูดของย่าหลี่ ใบหน้าจึงซีดไปอีกครั้ง แล้วจึงหันหลังเตรียมหนี
แต่เมื่อถอยไปได้เพียงก้าวเดียว นางก็หันกลับมามองหลินซานหลางอย่างเดือดดาล “ไอ้ผีหิวโซ อย่าลืมห่อกลับมาให้น้องเ้าด้วยล่ะ!”
หลินซานหลางยังคอตก ไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
จ้าวซื่อจากไปแล้ว
หลินฟู่อินวิ่งไปบ้านหลังข้างเคียง
แซ่ของต้ายาคือเฉียน ซึ่งเป็แซ่ที่ค่อนข้างใหญ่โตในหมู่บ้านหูลู่ โดยหมู่บ้านหูลู่นั้นมีรูปทรงเหมือนน้ำเต้าตามชื่อ
ที่นี่อยู่ในเทือกเขาเฮ่ยหลาน ทั้งยังอยู่ใกล้ป่า แต่เดิมมันจึงไม่เหมาะที่จะให้มนุษย์มาอยู่อาศัย
และที่นี่ยังเป็เส้นแบ่งดินแดนระหว่างต้าเว่ยและเป่ยหรง จึงมีการรบครั้งใหญ่ระหว่างสองฝ่ายเกิดขึ้นที่นี่หลายครั้งในหน้าประวัติศาสตร์
เป็ผลให้มีทหารที่าเ็จากาหลายคน เลือกที่จะตั้งรกรากอยู่ที่นี่ด้วยกันกับภรรยาและลูกๆ และก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา
สุดท้ายจึงกลายเป็หมู่บ้านที่มีมากกว่าร้อยตระกูล
หมู่บ้านลูกๆ ที่เกิดขึ้นมารอบๆ ภายหลังเองก็เช่นกัน
หลินฟู่อินไปเคาะประตูบ้านเฉียน เป็ต้ายาออกมาเปิดประตู
ต้ายาสวมชุดฤดูร้อนสีแดง ในอ้อมแขนอุ้มซื่อยาตัวน้อยวัยหกขวบอยู่ เมื่อเห็นว่าคนที่มาเป็ฟู่อินก็ใ
“พี่ฟู่อินนี่เอง ชุดของพี่ช่างงดงามนัก… ข้าเองก็อยากได้ชุดแบบนี้บ้างเช่นกันกัน” ซื่อยาชี้นิ้วใส่หลินฟู่อินอย่างอิจฉา
ต้ายาปัดมือของซื่อยาออกด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะมองฟู่อิน
ย่าของนางบอกว่า หลินฟู่อินเป็ผู้มีพระคุณของตระกูล ดังนั้นแล้วนางไม่ใช่ตัวหายนะเดินได้ แต่เป็พระโพธิสัตว์ผู้มาโปรดต่างหาก จึงให้พวกนางไปเล่นกับฟู่อินบ่อยๆ ได้
ต้ายาได้ฟังแล้วก็ดีใจไปกับหลินฟู่อินด้วย
“ต้ายา ข้ามีเื่อยากปรึกษากับปู่ย่าของเ้า” หลินฟู่อินกล่าวตามตรง
“ได้สิ ตามข้ามาเลย” เมื่อต้ายาเห็นนางนิ่วหน้าก็รู้ได้ทันทีว่ามีเื่บางอย่างเกิดขึ้น จึงรีบพาฟู่อินเข้าบ้านทันที
บ้านเฉียนกำลังกินอาหารเย็นกันอยู่
ปู่เฉียน พ่อของต้ายา และลุงสองของต้ายาต่างก็นิ่งไปเมื่อเห็นนางเดินเข้ามา
“หนูฟู่อิน มีอะไรหรือ? ทำไมทำหน้าคร่ำเครียดเช่นนั้นกัน?” เหลียงซื่อผู้เป็ย่าของต้ายาวางตะเกียบแล้วลุกขึ้นมาถามทันที
“เื่คือ…” หลินฟู่อินเล่าเื่ที่หลินซานหลางเห็นชายในชุดสีน้ำตาลถูกน้ำซัดหายไปในแม่น้ำนอกหมู่บ้าน ในวันถัดจากวันที่ฉู่ซื่อเสียไปให้พวกเขาฟัง
“เป็… เช่นนี้เองหรือ” เหลียงซื่อถอนหายใจ และคิดว่าหากหลินสามถูกแม่น้ำซัดหายไป เขาคงไม่รอดแล้ว
ปู่เฉียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงมองหลินฟู่อินเพื่อถาม “หนูฟู่อิน ที่มาหาพวกข้านี่ไม่ได้มีแค่เื่นี้ใช่หรือไม่? เข้าประเด็นมาเลย”
ที่หลินฟู่อินมาบ้านเฉียน ก็เพราะปู่เฉียนเป็คนแข็งแรงและมีลักษณะนิสัยที่พึ่งพาได้ ลูกๆ ทั้งสองของเขาเองก็ได้รับสืบทอดลักษณะนี้มาเช่นกัน
แม้จะเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่นั่นก็เป็เื่ปกติของมนุษย์ ใครบ้างที่จะไม่ทำเพื่อเลี้ยงปากท้องคนในบ้านตัวเอง?
หลินฟู่อินเข้าใจได้
“ข้าอยากขอให้ปู่เฉียนจับกลุ่มกับลุงเฉียน พาข้าไปตามหาพ่อข้าตามแนวแม่น้ำเ้าค่ะ…” หลินฟู่อินปาดน้ำตาที่ไหลออกมา สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยการเตรียมใจ “ในฐานะที่ข้าเป็บุตรสาวคนโตที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้ามีหน้าที่ต้องไปดู ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตายก็ตาม!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้