“ข้าทราบแล้วเ้าค่ะ คุณหนูใหญ่”
หลิงหลงถูกตำหนิ นางแลบลิ้นเล็กๆ ออกมา จนในที่สุดก็ปิดปากเงียบสนิท
เช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ไม่ง่ายเลยที่ใกล้จะได้พูดถึงใจความสำคัญแล้ว ฮวาเหยียนจึงรีบเปิดปากเพื่อไกล่เกลี่ยให้เข้าใจ “พี่หญิง ไม่เป็ไรหรอกเ้าค่ะ ร้านอาหารแห่งนี้มีระบบปิดกั้นเสียงที่ดีเยี่ยม สิ่งที่พวกเราสนทนากันในวันนี้ คนนอกย่อมไม่ได้ยินแน่นอนเ้าค่ะ"
ฮวาเหยียนเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ถึงเ้าจะพูดเช่นนั้น แต่ว่าข้าไม่้ากล่าวถึงองค์หญิงผู้นั้นจริงๆ พูดถึงทีไรก็พาลให้อารมณ์ไม่ดีตลอด”
มู่เฉิงอินกล่าว มือเรียวหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบเพื่อดับไฟดับอารมณ์ที่คุกกรุ่น
ฮวาเหยียนดูแล้วรู้สึกหรรษายิ่ง ดูเหมือนว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของตระกูลมู่ผู้นี้จะรำคาญแม่นางฉู่ผู้นั้นจริงๆ
“อ่า เช่นนั้นก็ดี ไม่ต้องพูดถึงนาง อย่างนั้นเรามาพูดถึงบุตรชายคนโตของตระกูลมู่กันดีกว่า ข้าได้ยินมาว่าพี่หญิงและบุตรชายคนโตของตระกูลมู่กำลังเจรจาเื่การแต่งงาน ว่าแต่ว่าพวกท่านตกลงตัดสินใจกันแล้วหรือ? ”
ในที่สุด ฮวาเหยียนก็ถามสิ่งที่นางเก็บไว้เป็เวลานานออกไปได้สำเร็จ
เมื่อได้ยินคำถามที่ตรงไปตรงมาของฮวาเหยียน ใบหน้าของมู่เฉิงอินก็ปรากฏร่องรอยของความเขินอาย นางส่ายหัว "ยังไม่เคย น้องหญิงเหยียนยังมีเื่ที่ไม่รู้ ข้าและบุตรชายของตระกูลมู่เพียงแค่เจรจากันเื่การแต่งงาน แต่เกรงว่าตอนนี้คงไม่เกิดผลลัพธ์อันใดแล้ว”
หัวใจของฮวาเหยียนเต้นกระตุกผิดจังหวะ
“ทำไมหรือ? เพราะว่าพี่หญิงไม่พึงใจในตัวบุตรชายคนโตแห่งตระกูลมู่หรือ? ”
ฮวาเหยียนถามขึ้นมาอีกครั้ง
ในเวลานี้นางเห็นดวงตาของมู่เฉิงอินทอประกาย ราวกับว่าอยู่ท่ามกลางคำพูดนับหมื่นนับพัน นางไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร นางถอนหายใจ ท่าทางนั้นแลดูผิดหวังเล็กน้อย
“น้องเหยียน เ้าก็รู้จักบุตรชายคนโตแห่งตระกูลมู่ด้วยหรือ? ”
“ได้ยินข่าวลือมานิดหน่อยเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เช่นนั้นน้องหญิงคิดว่าคุณชายมู่เป็อย่างไรหรือ? ”
หา?
ถามนางหรือ?
ฮวาเหยียนกะพริบตาแล้วกระแอมไอ เมื่อเห็นมู่เฉิงอินจ้องมองนางด้วยดวงตาที่ทอประกายสดใส ฮวาเหยียนคิดตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า "คุณชายมู่มีรูปลักษณ์ดังเช่นคุณชายจากตระกูลชั้นสูง บุคลิกลักษณะนั้นองอาจห้าวหาญ อายุยังไม่มากก็สามารถถือครองตำแหน่งหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์ประจำวังหลวงได้ ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ รูปงามสูงใหญ่ ไร้มลทินและข่าวลือเสียๆ หายๆ เป็บุรุษที่ไม่เลวนัก”
ฮวาเหยียนพูดออกมาจากใจของนาง นางไม่ได้พูดเกินจริง เพียงแต่พูดความจริงก็เท่านั้น
เมื่อเสียงพูดนั้นเงียบลงก็พบว่าดวงตาของมู่เฉิงอินเป็ประกายไม่น้อยเลยทีเดียว “ใช่ บุตรชายคนโตของตระกูลมู่มีความสามารถและรูปงาม เป็สุภาพบุรุษและโดดเด่นเหนือบุรุษ”
ทันทีที่ฮวาเหยียนได้ยินคำกล่าวนี้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงผลการประเมินของมู่เฉิงอินที่มีต่อพี่ใหญ่ที่สูงยิ่งนัก แล้วเหตุใด...
“พี่หญิงพึงใจคุณชายใหญ่แห่งตระกูลมู่หรือ? ”
ฮวาเหยียนถามอย่างตรงไปตรงมาทำให้มู่เฉิงอินหน้าขึ้นสี นางรีบหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบ ั์ตาทอประกายขลาดเขิน ดูเอียงอายเป็อย่างยิ่ง และไม่พูดสิ่งใดออกมาอีก
ฮวาเหยียนอยู่ในภาวะตื่นตระหนก นี่หมายความว่าอย่างไร?
“ย่อมเป็ความพึงใจเ้าค่ะ แม่นางเหยียน คุณหนูใหญ่ของพวกเราชอบบุตรชายคนโตของตระกูลมู่ ชอบจนมิรู้ว่าจะชอบอย่างไรแล้วเ้าค่ะ...”
"หลิงหลง หุบปากเสีย"
ใน่เวลาวิกฤติ ที่แท้แล้วนางยังต้องพึ่งให้แม่นางหลิงหลงเป็ผู้ลงสนาม แต่มู่เฉิงอินรู้สึกเขินอายเล็กน้อยและรีบตำหนิหลิงหลงให้ปิดปากเสีย
เมื่อฮวาเหยียนได้ยินคำกล่าวของสาวใช้นางนี้ นางมีความสุขจนตัวเบา ในที่สุดนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พี่หญิงของตระกูลมู่สนใจพี่ชายใหญ่จริงๆ
หลิงหลงถูกตำหนิอีกครั้ง นางแลบลิ้นเล็กๆ และขยิบตาให้ฮวาเหยียน ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูจนฮวาเหยียนรู้สึกขบขันอยู่สักพักทีเดียว
“พี่หญิงมู่ ที่นี่ไม่มีคนนอก พวกเราพี่สาวน้องสาวพูดจากันเอง ไม่เป็อันใดหรอกเ้าค่ะ นี่ไม่ใช่เื่ที่ยากจะเอ่ยปากนะเ้าคะ”
ฮวาเหยียนกล่าว
มู่เฉิงอินถอนหายใจเบาๆ คิ้วของนางขมวดแน่นดูกังวลเล็กน้อย “น้องหญิงยังไม่รู้อันใด ข้าและบุตรชายคนโตแห่งตระกูลมู่ที่จริงแล้วไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดต่อกันเลย ถึงแม้จะมีการเจรจาเื่งานแต่ง กระทั่งปัจจุบันก็ยังไม่มีผลลัพธ์อันใดเกิดขึ้น เช่นนั้นก็อย่าพูดถึงเื่นี้อีกเลย รั้งแต่จเเพิ่มปัญหาที่น่าปวดหัวก็เท่านั้น”
มู่เฉิงอินถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม
หลิงหลงเองก็ถอนหายใจตาม
ใจของฮวาเหยียนกระตุกและจมดิ่งลงสู่เบื้องล่าง
“พี่หญิงมู่ ตระกูลมู่ของท่านเป็ตระกูลขุนนางมาร้อยปีแล้ว ท่านเกิดและเติบโตในตระกูลบัณฑิตอย่างแท้จริง ส่วนตระกูลมู่นั้นแม้จะเป็ตระกูลทหารที่มีรากฐานมายาวนานนับร้อยปี แต่ก็เทียบเคียงได้กับตระกูลของท่าน หนึ่งตระกูลบู๋ หนึ่งตระกูลบุ๋น เกื้อกูลเกื้อหนุนกันได้อย่างเด่นชัด ท่านและคุณชายใหญ่ตระกูลมู่เหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก หากมีแม่สื่อมาคุยเื่การแต่งงานก็ย่อมหมายความว่าเื่นี้สำเร็จลุล่วงไปแปดส่วนแล้ว พี่หญิงมู่พึงใจบุตรชายคนโตของตระกูลมู่ ข้าย่อมไม่เชื่อว่าบุตรชายคนโตของตระกูลมู่จะไม่พึงใจสตรีที่แสนดีอย่างพี่หญิงของข้าแน่นอน”
ฮวาเหยียนพูดจบภายในลมหายใจเดียว ดวงตาที่ทอประกายสว่างไสวของนางจ้องไปที่มู่เฉิงอิน
ทว่าเมื่อนางเห็นว่ามู่เฉิงอินไม่ตอบสนอง ฮวาเหยียนจึงกลั้นหายใจ ผ่านไปครู่หนึ่ง นางค่อยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “เหตุที่พี่หญิงมู่และบุตรชายคนโตของตระกูลมู่ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเื่การแต่งงาน หรือว่าจะเป็เพราะ...บุตรสาวคนโตของตระกูลมู่ที่หายตัวไปเป็เวลาสี่ปี? "
แสงในดวงตาของฮวาเหยียนมืดลงทันที
นางหลับตาลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยินว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ข่าวการกลับมาของบุตรสาวคนโตที่หายตัวไปจากตระกูลมู่เป็เวลาสี่ปี ข่าวที่นางกลับมาพร้อมบุตรชายได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง โดยเฉพาะข่าวลือที่ไม่น่าฟังเ่าั้ ข้าคิดว่าพี่หญิงและครอบครัวของท่านคงเคยได้ยินข่าวลือเหล่านี้มาเหมือนกัน ดังนั้น พี่หญิง ข้าอยากจะสอบถามท่าน เป็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้ครอบครัวของท่านไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ใช่หรือไม่? ”
ฮวาเหยียนถามคำถามที่อยู่ลึกที่สุดในใจของนางออกมา น้ำเสียงที่แม้แต่ตนเองยังไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าทั้งจริงจังและตึงเครียดเพียงใด
ตอนนี้ชื่อเสียงของนางป่นปี้ ทำให้วุ่นวายโกลาหล พี่หญิงมู่พอใจพี่ชายใหญ่อย่างชัดเจน แต่ทั้งสองกลับไม่อาจลงเอยด้วยกันได้ มิใช่ว่าเป็เพราะนางที่เป็สาเหตุหรอกหรือ? ตอนที่ฮวาเหยียนถามคำถามนี้ออกไป ในใจของนางเป็ทุกข์ยิ่ง นางรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกและก็กลัวที่จะได้ยินคำตอบของมู่เฉิงอิน
ทว่าวินาทีต่อมา นางกลับได้ยินมู่เฉิงอินถอนหายใจ “น้องหญิงเข้าใจผิดแล้ว แม้ว่าตระกูลมู่ของเราจะเป็ตระกูลที่เข้มงวดและเคร่งครัด แต่ทั้งชีวิตของท่านพ่อท่านแม่ข้า มีข้าเป็บุตรสาวเพียงคนเดียว พวกท่านรักและทะนุถนอมข้ามาก ท่านรู้ว่าใจของข้าคิดเช่นไร ดังนั้นจะปล่อยให้เื่ข่าวลือเช่นนั้นมาทำลายวาสนางานแต่งของข้าได้อย่างไร
ข่าวเื่การกลับมาของแม่นางมู่ลือมาถึงจวนของข้าเช่นกัน ท่านแม่จึงมาพบข้าโดยเฉพาะ แต่ไม่ได้มาเพื่อคุยเื่ตัดสัมพันธ์กับตระกูลมู่ แต่มาถามถึงความในใจของข้า
และข้าบอกกับท่านแม่ว่าข้าปรารถนาจะแต่งงาน"
ใน่เวลานั้น ใบหน้าของมู่เฉิงอินเผยให้เห็นถึงประกายความมุ่งมั่น
นางกล่าวเสริมว่า "ทุกวันนี้ผู้คนในใต้หล้าใช้ปากละลายทอง ทำลายกระดูก [1] พวกเขากล่าวว่าบุตรสาวคนโตของตระกูลมู่ไร้ค่าไร้ราคา แต่คนเหล่านี้กลับลืมไปว่าแม่นางอันเหยียนแห่งตระกูลมู่ที่พวกเขาพูดกัน เคยเป็ถึงคู่หมั้นขององค์รัชทายาท นางทั้งกล้าหาญ ผ่าเผยและสง่างาม ปิดดวงจันทราบุปผาซ่อนเร้น [2] นางเป็หญิงงามมีฐานะอันดับหนึ่งแห่งต้าโจว
นางมีพร์ด้านวรรณกรรมที่โดดเด่น นางเขียนกลอนเมื่ออายุได้สามขวบ ตีพิมพ์รวมบทกวีเมื่ออายุได้หกขวบ มอบความพ่ายแพ้ให้แก่จอมปราชญ์ในขณะนั้นเมื่อนางอายุได้สิบเอ็ดขวบ นางเก่งกาจเชี่ยวชาญศาสตร์ทั้งสี่ ฉิน หมากรุก การประดิษฐ์ตัวอักษรและภาพวาด เป็สตรีงามที่โดดเด่นเหนือผู้ใด ไม่รู้ว่าเป็ตัวอย่างให้แก่คุณหนูกี่ตระกูล
สี่ปีที่แล้ว แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่จึงเข้าไปในดินแดนดอกไม้ไฟ แต่ย่อมต้องเกิดจากการวางแผนของใครบางคนเป็แน่ ไม่รู้ว่านางต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด... สี่ปีต่อมานาง กลับมาพร้อมกับบุตรชายของนาง ไม่สนใจข่าวลือเสียหาย นั่นย่อมเป็ความกล้าหาญองอาจ น่าชื่นชม ข้าไม่เคยคิดว่าคุณหนูใหญ่ของตระกูลมู่ต้องรู้สึกเสียเกียรติ แต่ข้ารู้สึกว่าการได้กลายเป็หนึ่งในครอบครัวเดียวกับนางถือเป็เกียรติอย่างยิ่ง"
มู่เฉิงอินพูดประโยคยาวๆ จบในลมหายใจเฮือกเดียว
คำพูดเหล่านี้หล่นลงไปในหูของฮวาเหยียนและกระทบเข้าที่หัวใจของนาง ดวงตาของนางรู้สึกร้อนผ่าวอยู่บ้างเล็กน้อย
ที่แท้แล้ว ในสายตาของมู่เฉิงอิน นางไม่ใช่ภาระที่น่ารำคาญ!
ตระกูลมู่ไม่เคยคิดที่จะตัดความสัมพันธ์กับตระกูลของนาง เพียงเพราะเื่อื้อฉาวนั่น
ใจของฮวาเหยียนพองโต
“ใช่แล้ว หลิงหลงเองก็ชื่นชมบุตรีคนโตของตระกูลมู่เช่นกันเ้าค่ะ”
หลิงหลงก็เปิดปากกล่าวขึ้นมาเช่นกัน
“คุณหนูใหญ่ของข้าชื่นชมบุตรีคนโตของตระกูลมู่มากเลยเ้าค่ะ บทกลอนและเพลงของนาง คุณหนูใหญ่ได้ศึกษาและอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่น่าเสียดายยิ่งนักที่ไม่เคยมีโอกาสได้สานสัมพันธ์กัน เมื่อสี่ปีก่อนที่เกิดเื่กับบุตรีคนโตของตระกูลมู่ คุณหนูใหญ่ของพวกเราร้องไห้เพื่อนางอยู่เป็นานเลยเ้าค่ะ”
เชิงอรรถ
[1] ปากละลายทอง ทำลายกระดูก 众口铄金,积毁销骨 Zhòng kǒu shuò jīn, jī huǐ xiāo gǔ ปากหลายๆคนย่อมสามารถละลายทองได้ เสียงปากของคนจำนวนมากที่พูดไปพูดมาย่อมสามารถทำให้ผิดกลายเป็ถูก ถูกกลายเป็ผิดได้ หากการดูิ่ยังคงดำเนินอยู่ ก็ยากที่คนจะอยู่รอด พวกเขาจะถูกทำลายลงเรื่อยๆ ผลกระทบของความคิดเห็นของประชาชนนั้นยิ่งใหญ่
[2] 闭月羞花 Bì yuè xiū huā บทชมความงาม สองในสี่บทของสี่สาวงามเมืองจีน สวยจนดวงจันทร์หลบไม่กล้าเทียบรัศมี สวยจนหมู่มวลดอกไม้พากันหุบไม่กล้าแบ่งบาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้