มู่จื่อหลิงก้าวไปข้างหน้าแล้วก้มตัวลงมอง พบว่าเป็ลูกหมูตัวหนึ่งนอนคว่ำหายใจฟืดฟาดอยู่บนพื้น ทำเอามู่จื่อหลิงอยากพ่นคำด่าออกมาเสียจริง
เมื่อก่อนนี้เห็นคนกราบไหว้ฟ้าดินกับไก่ ตนก็คิดว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว ไม่นึกไม่ฝันว่าหลงเซี่ยวเจ๋อจะน่าทึ่งยิ่งกว่า จูงหมูมากราบไหว้ฟ้าดินกับนาง
ต่อให้ทนได้นางก็ไม่ทน อยากเห็นเื่ตลกของนาง ทำให้นางอับอาย น่าขันเสียจริง สมองของหลงเซี่ยวเจ๋อผู้นี้มีแต่แป้งเปียกหรืออย่างไร คิดว่าสิ่งของแบบนี้สามารถเล่นงานนางได้อย่างนั้นหรือ
อารมณ์มู่จื่อหลิงไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ นางหัวเราะคิกคัก “เร็วเข้า อย่าให้เสียฤกษ์มงคล เร็วหน่อย เปิ่นหวางเฟย [1] จะกราบไหว้ฟ้าดินกับท่านอ๋องหมู” มู่จื่อหลิงจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘ท่านอ๋องหมู’ ด้วยเสียงหนักๆ
สิ้นเสียง ห้องโถงก็เงียบสงัด หลงเซี่ยวเจ๋อยิ่งไม่อยากจะเชื่อ เขาพูดไว้แล้วว่าจะทำให้นางอับอายจนอยากวิ่งชนกำแพง แต่นางยังกล้าที่จะหัวเราะออกมา ทั้งยัง......
หลงเซี่ยวเจ๋อติดอ่างไปชั่วขณะ “ท่าน...ท่านถึงกับกล้ากล่าวว่าพี่สามเป็หมู”
ผู้ที่อยู่ในห้องนี้ทั้งหมดล้วนถูกประโยคนี้ของเขาทำให้ใจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“เปิ่นหวางเฟยมิได้พูดเสียหน่อย วันนี้ผู้ที่แต่งงานกับเปิ่นหวางเฟยคือฉีอ๋อง ท่านจูงหมูเข้ามากราบไหว้ฟ้าดินกับเปิ่นหวางเฟย มิใช่ยอมรับโดยปริยายหรือว่าฉีอ๋องเป็หมู เปิ่นหวางเฟยเรียกมันว่าท่านอ๋องแล้วผิดหรือ”
มู่จื่อหลิงพูดพลางรับเชือกจูงสุกรมาจากมือหลงเซี่ยวเจ๋อ พูดกับผู้ประกอบพิธีอย่างเรียบเฉย “เริ่มพิธีกราบไหว้เถิด”
หลงเซี่ยวเจ๋อโง่งมไปแล้ว เหตุใดหญิงผู้นี้จึงได้หน้าหนาไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เขามิได้หมายความเยี่ยงนี้เสียหน่อย เขา้าทำให้นางอับอายต่างหากเล่า
ไม่! ไม่อาจให้นางกราบไหว้ฟ้าดินกับหมูโดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นก็เท่ากับยอมรับว่าพี่สามเป็หมู หากพี่สามรู้เข้าจะไม่ถลกหนังเขาหรือ
“รอเดี๋ยว พี่สะใภ้สาม ในห้องโถงนี้ไม่มีผู้าุโ เช่นนั้นพิธีกราบไหว้ฟ้าดินก็งดเสีย แล้วไปเข้าห้องหอเลยเถิด” หลงเซี่ยวเจ๋อรีบเข้าไปหยุดนางไว้
“เ้าแน่ใจนะว่าให้เข้าห้องหอเลย?” มู่จื่อหลิงยิ้มอย่างเ้าเล่ห์พลางพูด
“ใช่ เข้าห้องหอเลยเถิด” หลงเซี่ยวเจ๋อเอ่ยอย่างไม่ลังเล ทว่าในใจเขายังคงรู้สึกตื่นตระหนก รู้สึกถึงลางสังหรณ์ว่าเื่ราวคงไม่ได้จบลงโดยง่ายดายปานนั้น
“นำทาง! เปิ่นหวางเฟยจะไปห้องหอกับเสี่ยวอวี่จือ” นางเปิดผ้าคลุมขึ้นอย่างไม่สนใจคนรอบข้าง ดึงเ้าหมูที่กำลังนอนหลับฟืดฟาดให้ลุกขึ้น ก้าวยาวๆ ออกจากห้องโถงไป
เสี่ยวอวี่จือ?
หลงเซี่ยวเจ๋อได้ยินมู่จื่อหลิงเรียกสุกรว่าเสี่ยวอวี่จือ ทั้งยังจะเข้าไปห้องหอกับมันก็ใจนแทบจะร้องไห้ออกมา เดิมทีนั้นอยากทำให้มู่จื่อหลิงอับอายขายหน้า นึกไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนมาเป็ทำให้พี่สามอับอายแทน ถูกนางพลิกกระดานเข้าเสียแล้ว
นี่คือคุณหนูใหญ่จวนสกุลมู่ที่นิ่งเงียบไม่ชอบพูดจา ไม่ร่ำเรียน ไร้ความสามารถหรือ เขาได้ยินมาว่า มู่จื่อหลิงเป็เพียงกระสอบฟาง เหตุใดจึงไม่เหมือนกับที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้เลยเล่า
ผู้คนทั้งหมดยิ่งใจนตาโตอ้าปากค้าง ——พิธีการทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว
หวางเฟยเรียกสุกรว่า ‘เสี่ยวอวี่จือ’ เสี่ยวอวี่? เซี่ยวอวี่? ใกล้เคียงกับนามของฉีอ๋องยิ่งนัก
ทั้งหวางเฟยยัง้าเข้าหอกับสุกร หากฉีอ๋องรู้เข้าย่อมเป็เื่แน่ ผู้คนในโถงล้วนมองไปที่มู่จื่อหลิงและหลงเซี่ยวเจ๋อด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ
หลังจากที่หลงเซี่ยวเจ๋อตื่นจากสภาวะโง่งม ก็กล่าวเตือนทุกคนอย่างเฉียบขาด “เื่ราวในวันนี้ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่อนุญาตให้บอกฉีอ๋อง มิเช่นนั้นจะฆ่าไม่เลี้ยง!”
จากนั้นก็รีบสาวเท้าตามมู่จื่อหลิงไป ทิ้งคนทั้งห้องให้อยู่ในอาการจะไปก็มิควรจะอยู่ก็มิถูก พวกเขาไปหาเื่ยั่วยุใครเข้าหรือ ก็แค่มาร่วมพิธีแต่งงานเท่านั้น
เื่น่ายินดีกลายเป็เื่ตลก พิธีกราบไหว้ฟ้าดินก็มิสำเร็จ ทั้งยังทำให้แเื่ใเสียจนหัวใจกระเด้งกระดอนอีก บรรดาแขกแต่ละคนจึงเริ่มเสียใจที่ตนมาร่วมพิธีแต่งงานในวันนี้เสียแล้ว
มู่จื่อหลิงถูกสี่ผอพาไปที่ตำหนักอวี่หาน ซึ่งเป็ตำหนักที่หลงเซี่ยวอวี่พำนักอยู่ ขณะที่เตรียมจะผลักประตูเข้าไปนั้น
“รอก่อน พี่สะใภ้สาม ท่านส่งหมูมาให้ข้าเร็วเข้า” หลงเซี่ยวเจ๋อรีบตามมาพร้ะโกนเรียกอย่างร้อนรน
แค่ล้อนางเล่นเท่านั้น! หากปล่อยให้พี่สะใภ้สามจูงสุกรเข้าไปในตำหนักอวี่หานจริงละก็ได้เป็เื่แน่ พี่สามยิ่งมีนิสัยรักความสะอาดปานนั้น ถ้ารู้ว่าสุกรเข้าไปในตำหนัก เขาต้องถูกพี่สามหักกระดูกเป็ชิ้นๆ แม้กระทั่งกะโหลกคงไม่เหลือ
หลงเซี่ยวเจ๋อกล่าวจบก็จะเข้าไปรับเชือกในมือมู่จื่อหลิงมา ขณะนั้นเองเขาถึงได้เห็นใบหน้าของนางอย่างชัดเจน
เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าพี่สะใภ้สามจะงดงามถึงเพียงนี้ แม้จะไม่มีความสามารถและคุณธรรมจรรยา แต่นับว่าพอดูได้ พี่สามสู่ขอนางคงไม่ขาดทุนแล้ว
“ทำเช่นนั้นได้ที่ใดกัน องค์ชายหกอุตส่าห์ให้เสี่ยวอวี่จือเข้าหอกับข้าด้วยความปรารถนาดี เปิ่นหวางเฟยจะปฏิเสธน้ำใจท่านได้อย่างไรกัน ท่านวางใจได้ เปิ่นหวางเฟยจะขอให้ฉีอ๋องตกรางวัลตอบแทนการกระทำของท่านในวันนี้เป็แน่”
มู่จื่อหลิงเบี่ยงหลบมือที่ยื่นมาของหลงเซี่ยวเจ๋อ จงใจเน้นเสียงหนักที่คำว่า ‘ตกรางวัล’ สองคำนี้ นางรู้อยู่แล้วว่าแผนที่โง่เขลาเช่นนี้เป็หลงเซี่ยวเจ๋อที่คิดออกมา เขาช่างกล้าหาญเสียจริง ให้สุกรมากราบไหว้ฟ้าดินกับนางเนี่ยนะ
หลงเซี่ยวเจ๋อแทบจะคุกเข่าอยู่แล้ว เหตุใดคุณหนูใหญ่แห่งจวนจงอี้โหวตรงหน้าถึงได้ช่างเจรจาพาที ทั้งยังเอ่ยโน้มน้าวเก่งเช่นนี้ แล้วเขาให้เ้าสุกรสมควรตายตัวนี้เข้าหอกับนางเมื่อใด เหตุใดนางถึงเอาแต่เข้าใจความหมายของเขาผิดอยู่เรื่อยกัน
“พี่สะใภ้สาม ขอร้องท่านล่ะ ข้ารับปากว่าต่อไปจะฟังคำพูดของท่าน” หลงเซี่ยวเจ๋ออยากร้องไห้โดยไร้น้ำตานัก ยกสองมือขึ้นมาเพื่อยืนยันกับมู่จื่อหลิง รู้แล้วว่าสิ่งใดถึงเรียกว่าขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ สิ่งใดถึงเรียกว่ายกหินทับเท้าตนเอง
เช่นนี้ก็ยอมเสียแล้ว? นางยังเล่นไม่จบเลย
มู่จื่อหลิงไม่สนใจ จงใจพูดอย่างช้าๆ ว่า “ให้เ้าไปทำไม เปิ่นหวางเฟยจะจูงมันไป...”
“ไม่ต้องๆ พี่สะใภ้สาม ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วพอใจหรือไม่ คิดเสียว่าข้าผายลม แล้วปล่อยข้าไปเถิดนะ” หลงเซี่ยวเจ๋อโบกสองมือไปมาอย่างตื่นตระหนก
เหตุใดเขาถึงได้โง่เขลาจูงเ้าสุกรตัวนี้เข้ามานะ นำสิ่งของอย่างอื่นมายังดีกว่าเสียอีก แต่ว่ามานึกเสียใจเอาตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
มู่จื่อหลิงมองไปที่เขาอย่างขบขัน ชายผู้นี้ขนาดลมตดยังผายออกมาได้
ถ้ารู้เช่นนี้จะทำแต่แรกทำไม!
นางยื่นเชือกจูงให้เสี่ยวหานที่อยู่ด้านข้าง “เสี่ยวหาน จูงไปทำหมูหัน เปิ่นหวางเฟยหิวแล้ว”
เมื่อเช้าตื่นเช้าเสียขนาดนั้น เดิมทีมู่จื่อหลิงก็ไม่ได้คิดจะล้อเล่นกับเขาต่อไปอยู่แล้ว รีบเข้าไปพักสายตาดีกว่า
อีกอย่างเดิมทีนางก็ไม่ได้คิดจะจูงสุกรเข้าไปด้วย แค่แกล้งหลงเซี่ยวเจ๋อเล่นเท่านั้น มีความกล้าหาญแค่นี้ยังกล้ามาล้อเล่นกับนาง
ที่แห่งนี้คือตำหนักของหลงเซี่ยวอวี่ นางไม่ลืมว่าหลงเซี่ยวอวี่ที่ยังมิได้พบหน้าผู้นั้นเป็โรครักความสะอาดขั้นรุนแรง หากเขาลงโทษตนเพราะหมูตัวเดียว เช่นนั้นนางคงเสียเปรียบแย่
--------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เปิ่นหวางเฟย คำที่ใช้แทนตนเองของผู้ที่เป็หวางเฟย (พระชายาอ๋อง)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้