เฮ้อ
ฮวาเหยียนกางขาออกบนเก้าอี้ นางถกแขนเสื้อแล้วม้วนขึ้น เผยให้เห็นเรียวแขนขาวนุ่มของนาง
อากาศช่างร้อนเกินไปแล้ว จักจั่นส่งเสียงจิ๊กๆ จั๊กๆ ทำให้ผู้คนที่ได้ฟังรำคาญยิ่งกว่าเดิม
“ท่านแม่ หยวนเป่าจะพัดให้ท่านนะขอรับ”
หยวนเป่าน้อยหยิบพัดมาวางไว้ด้านหน้าของฮวาเหยียน เด็กน้อยพัดให้นางอย่างเรียบร้อยและเชื่อฟัง
สายลมเย็นพัดโบก นับว่าคลายความร้อนได้สายหนึ่ง
“ลูกรัก หากไม่มีเ้า แม่จะทำอย่างไร! ”
ฮวาเหยียนพรูลมหายใจอย่างโล่งอก
นางรู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่ได้พบลูกชายที่มีค่าเช่นนี้
“ท่านแม่ หยวนเป่าจะอยู่เคียงข้างท่านตลอดไป”
มองดูหยวนเป่าน้อย ต่อหน้าคนอื่นๆ เขาคือฮ่องเต้น้อยผู้สูงส่งเ็า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขากลับเป็ผ้านวมที่อบอุ่นและอ่อนโยนอยู่เสมอ
“ต่อไปเ้าจะไม่แต่งภรรยาหรือ? ”
ฮวาเหยียนแย้มยิ้มให้หยวนเป่าน้อย
ท่าทางของเด็กน้อยจริงจังเป็อย่างยิ่ง เขาส่ายหัวดุ๊กดิ๊กพร้อมพัดไปด้วย "ไม่แต่งขอรับ ข้าจะอยู่เป็เพื่อนท่านแม่"
ไอ้หยา ปากเล็กๆ นี้ช่างหวานเหลือเกิน
“เ้าโง่ตัวน้อยของแม่ เมื่อเ้าโตขึ้นย่อมแต่งสะใภ้แน่นอน แม่ไม่สามารถอยู่กับเ้าไปได้ตลอดชีวิต มีเพียงภรรยาของเ้าเท่านั้นที่จะอยู่เคียงข้างเ้าไปตลอดได้ วางใจเถิด แม่จะไม่หึงหวงเ้าอย่างแน่นอน”
ฮวาเหยียนกล่าวตอบอย่างจริงจัง
หยวนเป่าน้อยเงยหน้าขึ้นแล้วกะพริบตาคู่นั้นที่แวววาวราวกับลูกแก้วล้ำค่า “ท่านแม่ หยวนเป่าเพิ่งจะห้าขวบนะขอรับ”
หมายความว่าหัวข้อสนทนานี้ค่อนข้างห่างไกลไปสักหน่อยใช่หรือไม่
หยวนเป่าเอ้ย...
ใช่แล้ว บุตรชายอายุแค่ห้าขวบ ยังอีกยาวไกลกว่าเขาจะแต่งภรรยา แต่ตอนนี้มีคนที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าที่ควรจะถกหัวข้อนี้ เื่ปัญหาของพี่ชายคนโตของตระกูลมู่ที่ยังไม่คลี่คลาย
"เฮ้อ"
ฮวาเหยียนถอนหายใจอีกครั้ง
หยวนเป่าน้อยเงยหน้าขึ้น "ท่านแม่ เมื่อสักครู่ท่านโกหกท่านตาสินะขอรับ"
ฮวาเหยียน "...! "
เ้าลูกชาย รู้ได้อย่างไร?
ฮวาเหยียนเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสยดสยองพองขน ตอนนี้ทักษะโกหกของนางไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแล้วหรือ? ถูกมองออกได้อย่างรวดเร็วเชียวหรือ? ล้อเล่นอันใดกัน ความฝันสูงสุดของนางคือการเป็ผู้ชนะรางวัลออสการ์เชียวนะ
“ข้าเป็บุตรชายของท่านนะขอรับ”
ใบหน้าของหยวนเป่าน้อยสงบนิ่ง สื่อหมายความว่าข้าย่อมรู้จักท่านดีที่สุด
“หยวนเป่าน้อย เ้าบอกสิว่าแม่โกหกเื่ใด? ”
ฮวาเหยียนกอดความโชคดีสุดท้ายไว้และถามเ้าตัวน้อยด้วยความระมัดระวัง
หยวนเป่ากะพริบตา “เกี่ยวกับการหมั้นหมายของท่านลุงใหญ่ หยวนเป่ารู้สึกว่าแม่กุญแจสีทองอันเล็กนั่นไม่ใช่ของที่ท่านป้ามู่มอบให้ท่านลุงแน่นอน”
ฮวาเหยียน "...! "
ลูกรัก เ้าทราบได้อย่างไร!
“ท่านแม่ ข้าได้ยินท่านตาเคยบอกว่า ท่านป้ามู่เป็คนรอบรู้ อ่อนโยนและเงียบเชียบเรียบร้อยเป็กุลสตรีงามพร้อมที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะ ผู้หญิงดีๆ เช่นนี้จะลักลอบมอบและรับของแทนใจเป็การส่วนตัวได้อย่างไร หรือหากจะฝากท่านแม่ไป ก็คงยังมิใช่ เกรงว่าแม้แต่ฐานะของท่าน ท่านป้ามู่ก็ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าท่านคือใคร”
หยวนเป่าน้อยราวกับผู้ใหญ่ตัวเล็ก การวิเคราะห์ของเขานั้นตรงไปตรงมา
ฮวาเหยียนรู้สึกพูดไม่ออก
ลูกรัก การที่เ้าฉลาดเฉียบแหลมเป็เื่ที่ดี! แต่พูดจาน่าอายอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ แม่จะรับการโจมตีเช่นนี้ได้อย่างไร...
“ดังนั้นแล้ว เกรงว่าท่านจะไม่พอใจที่องค์หญิงท่านนั้นจะกลายมาเป็ท่านป้าสะใภ้ของหยวนเป่า ก็เลยจับคู่ท่านป้ามู่กับท่านลุงใหญ่ ใช่หรือไม่ขอรับ? ”
ลูกชายพูดออกมาราวกับว่าเขาดูทุกสิ่งออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ฮวาเหยียนข่มใจเอาไว้เป็เวลานาน แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับชะตากรรม "ใช่"
“ลูกรัก แม่จะบอกความจริงแก่เ้า แม่กุญแจทองนั้น แท้จริงแล้วเป็ของที่ท่านป้ามู่มอบให้แก่แม่ แม่นางมู่ท่านนั้น แม่เคยพบนางมาก่อน การพบกันของพวกเรานับได้ว่าเป็วาสนา แม่กุญแจทองนั้นจึงเปรียบเสมือนของขวัญแรกพบหน้าของพวกเรา"
หยวนเป่า "...! "
“ดังนั้นแล้ว ท่านแม่ ท่านกำลังขุดหลุมพรางให้กับท่านป้ามู่หรือ? ” น้ำเสียงของหยวนเป่าเข้มงวดขึ้น
ฮวาเหยียนลูบจมูกของนางราวกับเป็การตอบว่าใช่
“เช่นนั้นท่านลุงใหญ่พึงใจท่านป้ามู่คนนี้หรือไม่? ”
หยวนเป่าน้อยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่เองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน” ภายในใจของฮวาเหยียนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
มารดาและบุตรชายประสานสายตามอง
“หยวนเป่า แม่ไม่รู้จริงๆ ว่าท่านลุงใหญ่ของเ้าและแม่นางมู่คิดอย่างไรเกี่ยวกับกันและกัน เมื่อรวมเข้ากับการที่หลังจากแม่กลับมา ข่าวลือข้างนอกก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แม้ว่าท่านตาของเ้าจะไม่ได้พูดอันใด แต่แม่กลัวว่าตนเองจะกลายเป็ต้นเหตุที่ทำให้แม่นางมู่ต้องเสียชื่อเสียง และทำให้การแต่งงานของท่านลุงใหญ่ของเ้าล่าช้า”
ฮวาเหยียนถอนหายใจ ภายในใจรู้สึกรำคาญยิ่ง
ยิ่งเป็นักปราชญ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องเห็นคุณค่าของชื่อเสียงมากขึ้นเท่านั้น ตระกูลมู่เป็ตระกูลผู้สูงศักดิ์ และมู่เฉิงอินก็เป็บุตรีล้ำค่าที่มีความรู้ความสามารถของตระกูล หากพวกเขาไม่สามารถยอมรับตระกูลมู่ที่มี 'ชื่อเสียงฉาวโฉ่' อย่างเช่นในตอนนี้ได้? ดังนั้นแล้วนางควรทำเช่นไรดี?
ท้ายที่สุด ความเลวร้ายนั่นที่ถูกนางสร้างขึ้นมาเองกับมือ ทว่านางไม่้าดึงญาติผู้บริสุทธิ์ของตระกูลมู่เข้ามาเกี่ยวข้อง
"ง่ายดายยิ่งนัก! "
ในเวลานั้นเอง หยวนเป่าน้อยก็เปิดปากขึ้นมา
ฮวาเหยียนเงยหน้าขึ้นมองลูกชายของนางและฟังหยวนเป่าพูดว่า "ท่านแม่ ไม่ว่าอย่างไร พวกเราควรจะไปสำรวจสายลม [1] เสียก่อน ตราบใดที่ท่านป้ามู่และท่านลุงใหญ่มีใจให้กันและกัน นั่นมิได้หมายความว่าปัญหาย่อมถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดายหรือขอรับ? ”
“แต่ถ้าทั้งสองไม่มีใจต่อกันเล่า? ”
ฮวาเหยียนขัดบรรยากาศขึ้นมา
“หากทั้งสองไม่มีใจต่อกัน...เช่นนั้นพวกเราค่อยคิดหาวิธีใหม่ขอรับ”
หยวนเป่าน้อยตอบ
ฮวาเหยียน "...! "
ลูกรัก ปัญญาเฉียบแหลมของเ้าไปอยู่ที่ไหนแล้ว? มิใช่ว่าต้องก้าวหนึ่งขั้นดูสามขั้น [2] หรือ?
“ตกลง เช่นนั้นแม่จะไปหาแม่นางมู่ ว่านางคิดเห็นเช่นไร…”
“ได้เลยขอรับ เช่นนั้นท่านลุงใหญ่ก็ปล่อยให้ข้าจัดการเองขอรับ”
หยวนเป่าน้อยตบหน้าอกด้วยท่าทางมั่นใจ มารดาและบุตรชายประสานมือและแยกย้ายไปจัดการ
...
โรงน้ำชาซินเยว่มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแห่งราชวงศ์ต้าโจว เหล่าบุคคลสำคัญ สุภาพสตรีตระกูลใหญ่จำนวนมากล้วนโปรดปรานในการมานั่งดื่มชาและผ่อนคลายอารมณ์ที่นี่ สภาพแวดล้อมที่นี่เงียบสงบ การตกแต่งงดงามหรูหรา ที่ชั้นหนึ่งมีแม่นางน้อยนั่งดีดฉิน เสียงพิณขับขานทำนองเนิบช้า พานให้คนที่ได้ยลยินผ่อนคลายอารมณ์
หลังจากที่ฮวาเหยียนและหยวนเป่าปรึกษาพูดคุยถึงแผนการรับมือเรียบร้อย นางก็ได้วานให้คนไปส่งข้อความถึงมู่เฉิงอิน ใจความเพื่อเชิญนางไปที่โรงน้ำชาซินเยว่แห่งนี้
ฮวาเหยียนนั่งอยู่บนชั้นสาม นางพบที่นั่งริมหน้าต่างซึ่งเป็ทำเลในการสอดส่องที่ยอดเยี่ยม เมื่อนั่งใกล้กับหน้าต่างก็จะสามารถมองเห็นฝูงชนที่พลุกพล่านอยู่ด้านนอกได้
ฮวาเหยียนรู้ดีว่ามู่เฉิงอินถูกชะตานางเป็อย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมมอบกุญแจสีทองให้กับนาง ดังนั้นนางจึงรออย่างอดทน
ผลลัพธ์ที่ออกมา ผ่านไปสักครู่นางก็เห็นมู่เฉิงอินก้าวเท้ายาวๆ อย่างรวดเร็วมาพร้อมกับสาวใช้ที่มีนามว่าหลิงหลง ท่าทางของนางดูรีบเร่งแต่กลับไม่ได้ดูรีบร้อนจนชัดเจนเกินไป การอบรมเลี้ยงดูของตระกูลใหญ่ฝังลึกอยู่ในกระดูกของนาง นางเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ก็ยังคงเป็สีเขียวอ่อน สดใสแพรวพราวเหมือนบุปผาตูมอ่อนของฤดูใบไม้ผลิ ทั้งสว่างสดใสทั้งสบายตา ไม่รู้ว่าระหว่างทางที่เดินมานางดึงดูดผู้คนให้หันมองตามได้เท่าไหร่แล้ว
ใช่แล้ว ฝีเท้าของมู่เฉิงอินค่อนข้างเร็วและรีบร้อน นางกลับไปที่จวน หลังรับอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เพราะอากาศร้อนรวมกับการที่ออกไปในตอนเช้า นางจึงมีเหงื่อออกเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงอาบน้ำอบดอกไม้ ในตอนที่คิดจะงีบกลางวัน นางก็ได้รับข้อความจากฮวาเหยียน
เนื้อหาของข้อความนั้นเรียบง่าย น้องสาวเชิญนางมาพบหน้าที่ชั้นสามห้องติงเซียงของโรงน้ำชาซินเยว่
มีเพียง์ที่รู้ว่านางมีความสุขแค่ไหนเมื่อได้รับข้อความนี้
ตอนที่นางออกจากหออู๋ิ นางกลัวจริงๆ ว่า 'น้องสาว' คนนี้จะไม่ติดต่อนางกลับมาอีกเลย และเพราะนางไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย ดังนั้นนางจึงเศร้าใจเป็อย่างยิ่ง
ทว่านางกลับได้รับคำเชิญจากอีกฝ่ายโดยไม่คาดคิดหลังจากที่ผ่านไปไม่นาน
มู่เฉิงอินรู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่งแล้วรีบเร่งเก็บของและพาสาวใช้เพื่อไปยังที่นัดหมายในทันที
...
สาวใช้ตัวน้อยในโรงน้ำชาช่างมีความใส่ใจและท่าทางอ่อนน้อมอย่างดียิ่ง นางพามู่เฉิงอินไปที่ชั้นสาม เมื่อเปิดประตูห้องก็พบกับฮวาเหยียนที่ลุกขึ้นเดินมาต้อนรับนาง
“น้องหญิงเหยียน”
คิ้วและตาของมู่เฉิงอินกำลังแย้มยิ้ม ละเอียดอ่อนราวกับสายน้ำ นางมองไปที่ฮวาเหยียนด้วยดวงตาที่ชุ่มฉ่ำแวววาว
เพราะการเชื้อเชิญนี้ ฮวาเหยียนจึงไม่ได้สวมหมวกงอบนั้นแต่กลับสวมผ้าแพรโปร่งไว้บนใบหน้า เผยให้เห็นดวงตาที่ยกขึ้นเล็กน้อยของนาง แม้ว่านางจะมองไม่เห็นทั้งหมด แต่เพียงแค่ดวงตาคู่เดียวนั้นก็ทำให้ผู้คนหมกมุ่นลุ่มหลง
“พี่หญิงมู่”
ฮวาเหยียนลุกขึ้นยืน นางเลิกคิ้วนิดๆ และกล่าวเบาๆ
"คารวะแม่นาง"
แม่นางหลิงหลงที่อยู่ด้านหลังก็รีบกล่าวทักทายเช่นกัน เนื่องจากนางไม่รู้จักตัวตนของฮวาเหยียนจึงทำได้แค่เรียกนางว่าแม่นางเท่านั้น
ฮวาเหยียนพยักหน้าและเชื้อเชิญให้มู่เฉิงอินนั่งลง
นางยกมือขึ้นและเทถ้วยชาให้มู่เฉิงอิน มู่เฉิงอินกล่าวขอบคุณก่อนจะยกชาขึ้นจิบ “ข้าไม่นึกเลยว่าน้องสาวจะเชิญข้ามาพบหน้าเร็วขนาดนี้”
เชิงอรรถ
[1] สำรวจสายลม 探口风,拼音是 tàn kǒu fēng หมายถึงสำรวจลมปากหรือความคิดเห็นของผู้อื่น
[2] ก้าวหนึ่งขั้นดูสามขั้น 走一步,看三步 สื่อถึงผู้ที่เล่นโกะจะต้องพิจารณาถึงวิธีการลงหมากในอีกสามท่าถัดไปว่าต้องเดินหมากอย่างไร ผู้ที่มีฝีมือถึงแม้ว่าจะเห็นว่าเขาลงมือเพียงครั้งเดียว แต่เขาได้คำนวณในใจถึงขั้นตอนถัดๆ ไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้