ฮวาเหยียนเดินตามจีอู๋ซวงขึ้นไปที่ชั้นสอง ทั้งสองยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมเช่นเดียวกับเมื่อวาน บนชั้นสองนี้มีชามน้ำแข็งวางอยู่ซึ่งเย็นเฉียบเป็อย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีจานผลไม้อีกด้วย บ่งบอกว่าพวกเขาเตรียมการมาั้แ่เช้าแล้ว นับเป็การปฏิบัติต่อนางในฐานะแขกผู้มีเกียรติอย่างแท้จริง
เมื่อได้ยินคำถามของจีอู๋ซวง ฮวาเหยียนก็ไม่รีบร้อนเอ่ยตอบ
นางนั่งลงพลางบีบองุ่นใส่ปากตนเอง หวานเป็อย่างยิ่ง หวานจนนางต้องหรี่ตา
“ที่นี่ไม่มีคนนอก น้องหญิงเหยียน เ้าถอดหมวกงอบออกเถิด” จีอู๋ซวงลูบคางของเขา มองฮวาเหยียนด้วยรอยยิ้มตายิบหยี
“ไม่”
ฮวาเหยียนปฏิเสธด้วยคำเพียงคำเดียว
จีอู๋ซวงโน้มน้าวไม่สำเร็จแต่กลับมิได้ขัดเขินแต่อย่างใด เขาหรี่ตามองฮวาเหยียน หากสังเกตดีๆ จะพบว่าสายตาของจีอู๋ซวงจ้องตรงไปทางผนังอยู่ครู่หนึ่ง
“อะไรกัน? หรือเ้าไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตนเอง? วางใจเถิด ข้าจีอู๋ซวงยืนยันว่าจะเป็มิตรสหายที่ดีต่อเ้า”
จีอู๋ซวงลดเสียงลง เขาเอื้อมมือหมายจะถอดหมวกงอบของฮวาเหยียนออก แต่กลับถูกฮวาเหยียนปัดมือไปอีกทางเสียก่อน
“อย่ายุ่งวุ่นวาย เกรงว่าหน้าตาที่งามเลิศล้ำของข้าจะทำให้เ้ารู้สึกด้อยค่า”
“แค่ก แค่ก แค่ก…”
จีอู๋ซวงไม่นึกว่าฮวาเหยียนจะพูดจาหลงตนเองเช่นนี้ จึงสำลักน้ำลายเข้าไปอึกใหญ่
“นี่เ้าจริงจังหรือไม่?”
“แล้วเห็นว่าข้ากำลังล้อเล่นอยู่หรือ?”
เอาล่ะ จีอู๋ซวงถูกท่าทางที่ทั้งจริงจังและมีเหตุผลของฮวาเหยียนทำให้พูดไม่ออก
เดิมทีเขาคิดว่าฮวาเหยียนเป็สตรีหน้าตางดงามซึ่งอยู่บนเส้นทางที่เยือกเย็น แต่หลังจากได้สนทนากันในวันนี้ เขากลับแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าเป็สตรีที่อยู่ในเส้นทางหลงตัวเองต่างหาก
ความเป็จริงที่ปรากฏยามนี้ ทำจีอู๋ซวงเกิดความแปลกใจเกี่ยวกับตัวตนของฮวาเหยียนขึ้นมาแล้วจริงๆ
หากเป็เมื่อก่อน ฮวาเหยียนถือเป็เพียงลูกค้ากิตติมศักดิ์ของหออู๋ิเท่านั้น แต่เมื่อวานที่เขาไปเยี่ยมเยือนจวนไท่จื่อ หลังจากเห็นตี้หลิงหานแสดงความสนใจในตัวนางขึ้นมา จีอู๋ซวงก็ยกฮวาเหยียนขึ้นเป็อันดับสำคัญต้นๆ ในใจแล้ว
โดยเฉพาะที่คนผู้นั้นกำลังนั่งอยู่ในห้องลับหลังกำแพง เฝ้ามองดูทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยามนี้
สิ่งนี้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของจีอู๋ซวงเกี่ยวกับความจริงภายใต้หมวกงอบ หากเป็เมื่อก่อน ต่อให้ต้องถูกทุบตีจนตาย เขาก็ไม่เชื่อว่าตี้หลิงหานจะเป็บุรุษจำพวกชอบถ้ำมองสตรี
“วันนี้ข้าไม่ได้มาขายหญ้าิญญาลึกลับหรือผลไม้ิญญา”
จู่ๆ ฮวาเหยียนก็เปิดปากพูดขึ้น
นาง้ารีบขายของออกไปโดยเร็ว เงินจะได้มีเพียงพอ เพราะนางยังต้องรีบไปที่โรงน้ำชาซินเยว่ต่อ เพื่อสอดส่องดูว่าสถานการณ์ของพี่ใหญ่กับแม่นางมู่มีความก้าวหน้าหรือพัฒนาเพียงใด
เมื่อจีอู๋ซวงเห็นฮวาเหยียนเริ่มสนทนาเื่ธุรกิจอย่างจริงจัง เขาจึงรีบเก็บสีหน้าและรอยยิ้มทะเล้นกลับไป ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “โอ้? เช่นนั้นวันนี้น้องหญิงเหยียน้าขายสิ่งใดหรือ?”
“โอสถิญญา”
ฮวาเหยียนตอบ
จากนั้นนางก็หยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กออกมาจากสาบเสื้อตรงอกและวางลงบนโต๊ะ
เมื่อจีอู๋ซวงเห็นสิ่งที่ฮวาเหยียนนำออกมา เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “น้องหญิงเหยียน เ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่หออู๋ิของเรามิเคยขาดแคลนคือสิ่งใด? นั่นคือโอสถอย่างไรเล่า พวกเรามาค่อยๆ พิจารณากันทีละอย่างเถิด ถึงแม้เ้าจะเป็ลูกค้ากิตติมศักดิ์ของหออู๋ิและเป็สหายของข้า แต่ข้าก็ยังต้องทำธุรกิจอยู่”
เห็นได้ชัดว่าจีอู๋ซวงสูญเสียความกระตือรือร้นไปแล้วมากกว่าครึ่ง
เมื่อได้ยินคำของจีอู๋ซวง ฮวาเหยียนก็มิได้แสดงสีหน้าใด แต่กลับเอื้อมไปจับมือของอีกฝ่าย
“ไอ้หยา น้องหญิงเหยียน เ้าช่าง...อ๊ากก”
จีอู๋ซวงรู้สึกเพียงว่ามือใหญ่ของตนถูกมือน้อยที่ดูบอบบางราวกับไร้กระดูกคว้าจับเอาไว้ ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยบางสิ่งสักสองสามคำ กลับเห็นปลายนิ้วของนางหมุนพลิก ที่แท้นิ้วของนางหนีบมีดเล่มเล็กเอาไว้อยู่ นางปักมันเข้าที่หลังมือของจีอู๋ซวง จากนั้นครู่หนึ่งาแก็ปรากฏขึ้นบริเวณนั้นและมีเืพุ่งกระฉูดออกมา จีอู๋ซวงจึงกรีดร้องะโโหยหวนทันที
“โอ๊ยๆๆ หลังมือข้ามีค่ายิ่งกว่าทองพันชั่งเชียวนะ ข้ายังต้องแต่งบทกวี เล่นฉิน และดื่มเป็เพื่อนแม่นางน้อยเ่าั้อยู่ หากเหลือรอยแผลเป็ทิ้งไว้ย่อมไม่น่ามอง น้องหญิงเหยียน มีอันใดก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา มิใช่ว่าข้าจะไม่รับซื้อเสียหน่อย เหตุใดจู่ๆ ต้องลงมือด้วยเล่า!”
จีอู๋ซวงโวยวายพลางแสร้งทำทีน้อยใจ แต่ในขณะเดียวกันเขากลับใยิ่ง ตัวตนของสตรีที่อยู่ตรงหน้าเขายามนี้ช่างลึกลับนัก ทักษะทางร่างกายของนางไม่ธรรมดาเลย เขามิได้สังเกตด้วยซ้ำว่ามีมีดซ่อนอยู่ตรงปลายนิ้วของนาง
เพียงคิดว่าตี้หลิงหานกำลังนั่งจับตาดูทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอยู่ในห้องลับ และแม่นางน้อยที่เขาสนใจกุมมือของเขาเอาไว้ ขณะที่จิตใจกำลังสั่นไหวและตกอยู่ในภวังค์ หลังมือของเขาก็เกิดแผลขึ้นหนึ่งรอยเสียแล้ว
ทั้งที่เป็แค่าแเล็กๆ มิได้สาหัส แต่จีอู๋ซวงกลับะโลั่นเสียงดัง
จากนั้นในเวลาต่อมา เขาจึงเห็นฮวาเหยียนเปิดขวดกระเบื้องดังกล่าวออก และโรยผงยาเล็กน้อยลงบนาแที่หลังมือเขา
ผงยามีกลิ่นขมสะอาดชนิดหนึ่ง แต่หากดมอย่างละเอียดจะพบว่ามีกลิ่นหวานอยู่บางเบา จีอู๋ซวงเกร็งร่างจากจิตใต้สำนึก เขาขมวดคิ้ว คิดว่าตนเองดมผิด แต่ต่อมาเมื่อเขาหรี่ตามอง กลับพบว่าาแที่โรยด้วยผงยากำลังค่อยๆ สมานติดกันจนหายดี เหลือไว้เพียงรอยแผลเป็สีชมพูอ่อนเท่านั้น
เขาเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อ “ผงยานี้มีส่วนผสมของหญ้าเกล็ดปลาและโสมดำพันปี”
ฮวาเหยียนไม่นึกว่าจีอู๋ซวงจะสามารถแยกส่วนผสมของโอสถิญญาได้จากการดมกลิ่น นางจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ที่แท้จีอู๋ซวงรู้วิชาแพทย์หรือ?
“หญ้าเกล็ดปลาและโสมดำพันปี เป็ยาอายุวัฒนะที่แม้พบง่ายแต่กลับได้มายาก ทว่าเ้าสามารถนำมันมากลั่นจนเป็ผงได้ ์ ตกลงแล้วเ้าเป็เทพเซียนมาจากที่ใดกันแน่?”
จีอู๋ซวงตื่นเต้นเสียจนพูดไม่ออก เขายืนขึ้นคิดอยากคว้ามือของฮวาเหยียนมาจับไว้ ความตื่นเต้นของเขามีมากเทียบเท่ายามได้พบหน้ามารดาด้วยซ้ำ
ฮวาเหยียนมองอากัปกิริยาของเขา นางกล่าวอันใดไม่ออก ต้องตื่นเต้นขนาดนี้เชียวหรือ?
“ใช่ ผงยาขวดนี้คือโอสถจินฉวน ตัวยาผสมหญ้าเกล็ดปลาและโสมดำพันปี ทั้งยังมียาเสริมอันล้ำค่าอีกมากผสมอยู่ คุณค่าของหญ้าเกล็ดปลาและโสมดำพันปีมีมากเพียงใด หลงจู้คงรู้อยู่แก่ใจ ถึงขั้นที่หญ้าิญญาลึกลับก็มิอาจเทียบชั้นได้
โอสถจินฉวนนี้สามารถรักษากล้ามเนื้อที่มีอาการาเ็เล็กน้อยได้อย่างรวดเร็ว และในอาการาเ็สาหัสก็สามารถหยุดเืได้ทันทีเพื่อรักษาชีวิตและรวมพลังลมปราณได้ สำหรับการประลองยุทธ์ หากพกขวดยานี้ไว้ ยามวิกฤติย่อมเปรียบดั่งชีวิตที่สองเลยทีเดียว ข้าคิดว่าหลงจู้คงทราบมูลค่าของมันอย่างชัดเจนดีอยู่แล้ว”
ฮวาเหยียนเปิดปากกล่าวเสียงเบา
“ข้าทราบดี”
ยามนี้อารมณ์ของจีอู๋ซวงเคร่งเครียดอย่างหาที่เปรียบมิได้ สติที่เกียจคร้านถูกเขาเก็บกลับมาตั้งนานแล้ว ขณะนี้มือของเขาสั่นด้วยความตื่นเต้น และดวงตาที่มองไปทางฮวาเหยียนก็เปี่ยมด้วยเปลวเพลิงลุกโชน
“แม่นางเหยียน เ้าจะขายเท่าไรหรือ? โปรดเอ่ยราคามาได้เลย”
จีอู๋ซวงกล่าว
ฮวาเหยียนหาได้มีท่าทีรีบร้อน นางหยิบขวดกระเบื้องออกมาจากอกเสื้ออีกขวด “ข้ามิคิดว่าหลงจู้จะมีความสามารถทางการแพทย์ เช่นนั้นหลงจู้มิลองดูสมุนไพรในเครื่องเคลือบขวดนี้ด้วยเล่า”
สิ้นเสียงนาง จีอู๋ซวงก็ไม่รอช้าพุ่งตัวไปหยิบขวดกระเบื้องเคลือบนั้นมาเทออก คราวนี้ไม่ใช่ผงยาแต่เป็เม็ดยาสีดำสนิท ขนาดใหญ่เท่านิ้วของเด็กทารก ในหนึ่งขวดบรรจุประมาณสิบเม็ด หลังจากเขาเปิดฝาออกและดมกลิ่น ทั้งร่างก็พลันใจนชะงัก “ใบไม้เลื้อยซวนเทียนเป็วัสดุหลักของยา ส่วนหญ้าิญญาลึกลับใช้เป็ยาเสริมในการฝึกฝน”
“ถูกต้อง หลงจู้ช่างเก่งกาจนัก เป็ที่รู้กันดีว่าใบไม้เลื้อยซวนเทียนสามารถกลั่นน้ำออกมาได้ หากผู้บำเพ็ญเพียรใช้มันก็จะส่งผลดีต่อการฝึกเป็อย่างยิ่ง อีกทั้งทุกคนยังคุ้นเคยกับหญ้าิญญาลึกลับอยู่แล้ว ว่าเป็สิ่งที่ช่วยคลายปัญหาเส้นลมปราณที่มิอาจทะลวงข้ามผ่านได้
โอสถเซวียนลี่ขวดนี้มีเพื่อใช้เสริมการฝึกฝนพลังปราณของเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรโดยเฉพาะ ในระหว่างการต่อสู้ เพียงกินยาหนึ่งเม็ดเข้าไปใน่เวลาวิกฤติ ฐานบำเพ็ญเพียรก็จะเพิ่มขั้นถึงสองขั้นทันทีและคงอยู่ถึงครึ่งชั่วยาม”
ฮวาเหยียนค่อยๆ อธิบาย
สมุนไพรเหล่านี้ล้วนผ่านการปรุงจากหยวนเป่า เขาให้นางนำมาขาย ยังไม่ต้องเอ่ยถึงหญ้าิญญาลึกลับที่ยากจะพบเห็นซึ่งผสมอยู่ในนั้น เพียงระดับความสามารถในการปรุงยาของหยวนเป่าก็ยากจะหาผู้ใดเทียบเป็ที่สองในต้าโจวแล้ว เ้าตัวน้อยที่เมื่อวานมีเวลาว่างจึงมอบขวดยานี้ให้นางนำมาขาย เพราะเกรงว่านางจะรวบรวมเงินสามล้านตำลึงไม่ทัน
เมื่อเห็นว่าจีอู๋ซวงรู้จักยาเหล่านี้ ฮวาเหยียนก็โล่งใจ และตอนนี้นางสามารถต่อรองราคาได้มากกว่าเดิม
“โอสถเซวียนลี่ เป็แม่นางที่ขนานนามให้มันหรือ?”
“อืม นับว่าใช่”
ฮวาเหยียนพยักหน้า นามของโอสถเซวียนลี่นั้นเป็นางกับหยวนเป่าคิดขึ้นมา สะดวก เรียบง่าย ทั้งเข้าใจง่าย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้