สำหรับทุกอย่างที่เจียงไป๋ทำ จ้าวอู๋จี๋พึงพอใจมาก เขาทั้งหัวเราะทั้งพยักหน้า
ต่อมาเหมือนจะคิดอะไรออก รอยยิ้มที่อยู่บนหน้าหายไปแล้ว และยากที่จะปริปากพูดอีก เขาพูดด้วยสีหน้าท่าทางที่ยากจะเคร่งขรึมว่า “เสี่ยวไป๋ ฉันรู้ว่ากำลังของนายน่าตกตะลึง แต่บนโลกใบนี้มีเื่ราวมากมายที่ไม่ใช่แค่ว่านายเก่งกาจคนเดียวก็ทำได้ กำลังของคนคนเดียวมีขีดจำกัด ถึงจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็มีขีดจำกัด ยิ่งไปกว่านั้นโลกใบนี้ก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่นายคิด คนที่เก่งกาจก็มีมาอย่างไม่ขาดสาย การเป็คนไม่ควรจะเอาแต่ตีรันฟันแทง นั่นก็จะร่วงลงไปอยู่ชั้นล่างๆ ในที่สุด ที่สำคัญคือการชอบแสดงความน่าเกรงขามและตีรันฟันแทง ในที่สุดเกรงว่าจะนำมาซึ่งความเดือดร้อนที่ใหญ่โต ตอนหนุ่มฉันก็เคยเสียเปรียบ ดังนั้นฉันหวังว่านายจะไม่เดินซ้ำรอยฉันอีก”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้เจียงไป๋เงยหน้าขึ้นอย่างแปลกใจ
เดิมทีเขาคิดว่าจ้าวอู๋จี๋ก็เป็แค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง มีกำลังในเวลานี้ได้ สิ่งที่อาศัยคือวิธีการและอุบาย ตอนนี้พอได้ยินอย่างนี้แล้วก็ไม่เหมือนกับที่เขาคิด หรือว่าเมื่อก่อนจ้าวอู๋จี๋ก็เป็ยอดฝีมือหรือ?
ราวกับมองเห็นความสงสัยที่อยู่ภายในใจของเจียงไป๋ หวางเป้าจึงพูดอย่างภูมิใจว่า “ตอนที่เ้าพ่อจ้าวหนุ่มๆ ก็เป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ร้อยปีของวงการวูซูจีน … ”
น่าเสียดายที่ยังพูดไม่จบ ก็ถูกจ้าวอู๋จี๋ขัดเสียก่อน
จ้าวอู๋จี๋โบกมือและพูดแทรกหวางเป้าเบาๆ ว่า “ตอนนี้จะพูดเื่เหล่านี้ทำไม ฉันก็อดหวนนึกถึงอดีตไม่ได้ นายพูดเื่นี้จะทำให้เจียงไป๋หลงผิดได้ อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป๋นายจะต้องจำไว้ว่า โลกนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น ัแห่งตี้ตูหลี่ชิงตี้ วีรบุรุษแห่งเหอเป่ยอู่เทียนซี พยัคฆ์แห่งหนานเจียงเฉิงเทียนกัง าาแห่งตงเป่ยน่าหลานจงเต๋อ คนเหล่านี้ไม่มีใครง่ายดายสักคน พูดตรงๆ ครั้งก่อนนายไปปินไห่แล้วกลับมาได้อย่างปลอดภัย ก็ล้วนเหนือความคาดหมายของฉัน อู่เทียนซีคนนั้นไม่รู้ว่าทำไมถึงปล่อยนายมาได้ อาจจะมีเหตุผลอะไรที่ไม่อยากให้ใครรู้ หรือว่าไพ่ใบสุดท้ายของคนคนนั้นมีปัญหาอะไรแล้ว แต่นายต้องเข้าใจว่า นายในตอนนี้ถึงจะเก่งกาจ แต่ก็ไม่อาจเที่ยวใช้อำนาจอย่างไม่คำนึงได้ ก่อนที่ฉันจะตาย พวกเขาไม่กล้าทำอะไรหรอก แต่หลังจากที่ฉันตายแล้วก็จะต้องเอ่อล้นกันวุ่นวาย ถึงเวลานั้นนายกับเป้าจื่อจะรับมือไหวหรือไม่ ก็แล้วแต่โชคชะตาของพวกนายแล้ว”
คำพูดของจ้าวอู๋จี๋ดึงดูดความสนใจของเจียงไป๋มาก
ครั้งก่อนอู่เทียนซีก็ทำถึงขนาดนั้นแล้ว แต่ยังไม่ได้ทุ่มสุดตัวหรือ?
เจียงไป๋สูดหายใจลึก สำหรับคนสองสามคนที่จัดอยู่ในอันดับที่มีชื่อภายในใจเขารู้สึกเคารพยำเกรง
“แต่ … สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญ เสี่ยวไป๋นายต้องจำคำพูดต่อไปนี้ของฉันไว้ ไม่ว่าเวลาไหน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ล้วนจำคำพูดประโยคนี้ไว้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เห็นได้ชัดว่าจ้าวอู๋จี๋เงียบไป ไม่รู้ว่าเป็เพราะร่างกายที่ทำให้เขาพูดมากเกินไปไม่ได้ หรือว่ากำลังรอให้เจียงไป๋รับปาก
เจียงไป๋รีบตอบรับอย่างรู้สถานการณ์ดีว่า “พี่วางใจได้ ฉันจะจำไว้แน่นอน”
ล้อเล่นน่า สามารถทำให้จ้าวอู๋จี๋ฝากฝังไว้อย่างเคร่งขรึมได้ แน่นอนว่าไม่ใช่เื่เล็กๆ เป็ธรรมดาที่เจียงไป๋จะไม่กล้ามองผ่าน
หากรู้ว่าบุคคลอย่างอู่เทียนซี หลี่ชิงตี้ น่าหลานจงเต๋อ เฉิงเทียนกัง เขาก็เป็แค่ปากกาด้ามหนึ่งที่เคยพก ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะมอบหมายให้อย่างเอาจริงเอาจัง แน่นอนว่าไม่ได้ง่ายดาย
“โลกใบนี้มีคนที่มีความสามารถนับไม่ถ้วน ผู้ที่แข็งแกร่งมีมากราวกับเมฆ แต่นายในอนาคตก็ใช่ว่าจะแตะไม่ได้ ฉันตั้งความหวังไว้กับนายมาก บางทีหลายปีข้างหน้าแม้แต่หลี่ชิงตี้ก็อาจจะสู้นายไม่ได้ แต่มีหนึ่งคนที่ทั้งชีวิตนี้ของนายอย่าได้ไปแหย่เขาเด็ดขาด!”
“ใคร?” เจียงไป๋ถามอย่างแปลกใจ
“ฉวีฉางเฉิง! ทั้งชีวิตนี้ล้วนอย่าได้ไปแหย่ฉวีฉางเฉิง!” จ้าวอู๋จี๋พูดอย่างเคร่งขรึมเหลือเกิน
สำหรับฉวีฉางเฉิงก็เต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง
คาดเดาได้ไม่ยากว่า ครั้งนั้นที่จ้าวอู๋จี๋เคยสู้กับฉวีฉางเฉิง ก็ไม่ได้พอฟัดพอเหวี่ยง หากไม่ใช่ฉวีฉางเฉิงปราบราบคาบ อย่างน้อยจ้าวอู๋จี๋ก็สู้อย่างยากลำบากพอสมควร ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่พูดอย่างนี้
และด้วยคำพูดของจ้าวอู๋จี๋ ทำให้ภายในใจของเจียงไป๋ยิ่งเคร่งครัด “เวลานั้นฉันยังร่างกายแข็งแรง จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม ตะลุยไปทั้งเทียนตู ไม่มีใครขวางได้ หลี่ชิงตี้ อู่เทียนซี น่าหลานจงเต๋อ มีใครบ้างที่ไม่เสียเปรียบในมือของฉัน? ฉันเข้าใจว่าตนไร้เทียมทาน แต่พอพบกับฉวีฉางเฉิง ถึงได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน ด้วยความบุ่มบ่ามจึงก่อเื่เดือดร้อนยิ่งใหญ่ และตกอยู่ในสภาพนี้ แต่พอใกล้ตายก็มานั่งเสียใจ … สายไปแล้ว … สายไปแล้ว!”
่เวลาหนึ่งในรถได้เข้าสู่ความเงียบสงัด คนทั้งสามไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
จ้าวอู๋จี๋เหมือนจะเข้าสู่การหวนนึกถึงเื่เก่าๆ
หวางเป้ามีใบหน้าที่ขมขื่น
สำหรับเจียงไป๋ในหัวเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
และก็มาถึงที่พักของเจียงไป๋อย่างไม่รู้ตัว เขาลงจากรถแล้วก็ยังไม่ได้สติ
“ระบบ ผมอยากรู้ว่าอาการป่วยของจ้าวอู๋จี๋ หากผมอยากจะรักษาเขา ต้องใช้แต้มบารมีเท่าไร?”
เมื่อเข้ามาในห้องเจียงไป๋ก็ได้สติแล้ว เขานึกถึงระบบที่ลึกลับ และกลับมาเชื่อใจอีกครั้ง เขาอดที่จะถามเื่ที่ก่อนหน้านี้อยากจะถามไม่ได้
หากสามารถช่วยรักษาจ้าวอู๋จี๋โดยผ่านแต้มบารมีจำนวนหนึ่งได้ แบบนั้นก็จะดียิ่ง
“หนุ่มน้อย ถูก แค่แสนสอง!”
น้ำเสียงที่หยอกเย้าของระบบดังขึ้น ทำให้เจียงไป๋สะอึกอยู่ตรงนั้นไปเลยทีเดียว และพูดไม่ออกอยู่นาน
แสนสอง?
แต้มบารมีหนึ่งแสนสองหมื่นแต้ม พอที่จะให้เขาแลก “การฟื้นฟูเหลือล้น” ขั้นสมบูรณ์แบบได้ แทบจะได้รับวัยหนุ่มที่เป็ะและชีวิตยืนยาว บวกกับร่างกายที่แทบจะเป็ะแล้ว
จะรักษาคนต้องใช้มากขนาดนี้เชียวหรือ?
ไม่เกินไปหน่อยหรือ?
“แสนสองยังถือว่าถูกหรือ ทำไมคุณไม่ไปตายซะ? เขาเป็โรคอะไรกันแน่?”
เจียงไป๋อดกลอกตาใส่ไม่ได้ และถามต่อทันที
“ถูกคนทำร้ายาเ็ อวัยวะภายในได้รับาเ็ หากไม่ใช่เพราะร่างกายของคนคนนี้แข็งแกร่ง และไม่ธรรมดา ทั้งยังมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งเป็ที่สุดอีก คงได้กลายเป็เนื้อเละๆ ไปนานแล้ว แน่นอนว่าคนที่ลงมือก็มีการบันยะบันยัง และไม่มีเหตุที่จะเอาชีวิตเขาในทันที ดังนั้นการรักษาก็ลำบากพอสมควร ก็พอๆ กับสร้างร่างกายใหม่อีกสองสามร่าง ดังนั้นราคานี้ไม่แพงแม้แต่น้อย”
เสียงของระบบดังขึ้น ทำให้เจียงไป๋ล้มเลิกความคิดนี้ในที่สุด
“จับรางวัลเถอะ … ”
เจียงไป๋ถอนหายใจ ตอนที่เขาไม่มีความหวังอะไรแล้ว ก็มักจะชอบจับรางวัล เพราะเขารู้สึกว่าดวงของตนเองเหมือนจะไม่เลว ของที่การจับรางวัลขั้นกลางให้ก็ล้วนดีมาก
ในเมื่อใช้แต้มบารมีซื้อไม่ได้ สู้จับรางวัลดูสักหน่อย
ลองเสี่ยงดวงสักหน่อยก็ดี ไม่แน่ว่าจะหาวิธีการอะไรพบ
“การจับรางวัลขั้นกลางเริ่มต้น”
วินาทีต่อมา เครื่องสล็อตแมชชีนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเจียงไป๋แล้ว ยังคงเป็เครื่องเดิม และไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ตามกฎกติกาเดิม เจียงไป๋ก็ไม่ได้ศึกษาอะไรอีกมากมาย ก็แค่ขอให้เครื่องสล็อตแมชชีนหมุน
หลังจากสิบกว่าวินาที เสียงของระบบก็ดังขึ้นอีก “ยินดีด้วย เ้าได้รับรางวัลความสามารถสีม่วง ทักษะปืนควบคู่การต่อสู้”
แค่ฉับพลันข้อมูลนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าสู่หัวของเจียงไป๋
ทักษะปืนควบคู่การต่อสู้ที่ว่า เมื่อก่อนเจียงไป๋ก็เคยเห็นในหนัง คือความสามารถอันแข็งแกร่งที่นำเอาวูซู การต่อสู้ อาวุธปืนมาผสมผสานเข้าด้วยกัน
“ทักษะปืนควบคู่การต่อสู้” ที่ระบบให้ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ายิ่งชนะไปอีกขั้น ในระหว่างที่เจียงไป๋จับรางวัลนี้ วิธีการใช้และหลักการประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวกับอาวุธปืน คู่กับความรู้ที่มีความยากสูงของการต่อสู้ วิถีะุ การยิงแบบสวิงและอื่นๆ ค่อยๆ หลั่งไหลเข้ามา ทำให้เจียงไป๋เข้าใจได้ใน่เวลาไม่นาน กำลังในการต่อสู้ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
หาก “ทักษะปืนควบคู่การต่อสู้” ปรากฏในก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็ คงจะช่วยเจียงไป๋ได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่มาปรากฏตอนนี้ก็แค่เสริมส่วนที่ตกหล่น ทำให้เจียงไป๋ที่ไม่เข้าใจเื่อาวุธปืน ได้เข้าใจถึงการใช้และเทคนิคขั้นสูงของปืนทุกประเภทได้ในเวลาอันสั้น กำลังก็เพิ่มขึ้นมากมาย ส่วนข้อบกพร่องก็หายไป แต่การเติบโตที่แท้จริงกลับมีข้อจำกัด
และนี่ก็ทำให้เจียงไป๋ต้องจำใจอยู่บ้าง
ผลลัพธ์อย่างนี้ทำให้เขาไม่อาจจะพอใจได้ ถึงแม้จะเป็รางวัลสีม่วง แต่เขาดูแล้วก็ยังคิดว่าสู้รางวัลสีฟ้าไม่ได้อยู่ดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้