“เร่เข้ามา ทุกท่านมาดูสิเ้าคะ เวินซีนางเป็สะใภ้ของบุตรชายคนที่สามของข้า ปกตินางจะรังแกสตรีเฒ่าอย่างข้า ทั้งยังมิให้ข้าวปลาข้าทาน”
“ข้าเห็นว่าจ้าวต้านเองก็ลำบาก จึงมิได้เอาความใด แต่วันนี้พวกเขาอยู่สุขสบายดี แต่ข้ากลับต้องทนหิวอยู่ในบ้านหลังเล็กซอมซ่อ ทำได้อย่างไรกัน?”
“จ้าวต้านเป็บุตรที่ข้าเลี้ยงมาจนโต ข้าทั้งอดทน แต่สะใภ้นางนี้กลับจะบีบให้ข้าตายเสียให้ได้ คราวก่อนข้าเพียงนำข้าวสารจากบ้านนางมา นางก็วางยาคนเฒ่าคนแก่ ์ช่างไร้ตาเสียจริง”
ทันทีที่เปิดร้าน เวินซีก็เห็นท่านย่าจ้าวล้มลงกับพื้นตรงหน้าร้านและไม่ยอมลุก นางแต่งตัวซอมซ่อ มีรอยเย็บปะเต็มตัว ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับคนที่เสียสติไปแล้ว ต่างกับวันแรกที่ได้เจอกันอย่างสิ้นเชิง
ทุกๆ วันจะมีคนมาต่อแถวรออยู่ที่หน้าประตูร้านจำนวนมาก แต่เมื่อท่านย่าจ้าวโวยวายเช่นนี้ ผู้คนที่มุงดูก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีก
“ไม่คิดเลยนะว่าเวินซีจะเป็คนเช่นนี้?”
“สตรีผู้หนึ่งทำเื่ชั่วช้าได้เช่นนี้เชียวหรือ”
“ข้าเห็นนางปิดร้านเร็วทุกวัน คิดว่ากิจการต้องดีเป็แน่ ไม่คิดเลยว่านางจะปฏิบัติต่อคนในครอบครัวเช่นนี้ จ้าวต้านผู้นั้นทนกับนางได้อย่างไรกัน? เกรงว่าเขาคงไม่มีทางเลือกสินะถึงต้องอยู่กับนาง”
......
เมื่อมีผู้คนเห็นอกเห็นใจ ท่านย่าจ้าวก็ร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม ในตอนนั้นเองนางถึงได้กระจ่างว่าเหตุใดถึงมิได้ข่าวคราวของจ้าวต้านบ้างเลย หากมิได้ติดตามครอบครัวของเวินซี คงมิรู้เลยว่าตอนนี้พวกเขามีเงินมากมายเช่นนี้
“ไปให้พ้น” เวินซีมองนางอย่างเ็า
“ไม่” เป็เพราะมีผู้คนเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่จึงทำให้นางมั่นใจ “เ้าเป็สะใภ้ตระกูลจ้าว ยามนี้มีเงินแล้ว เลี้ยงข้าหน่อยจะเป็ไร?”
“เลี้ยงท่าน? ให้เลี้ยงกระต่ายป่ายังเชื่องกว่า” เวินซีไม่อยากเสียเวลากับหญิงชราผู้นี้เพราะตนเองจะต้องขายของ นางจึงกระตุกแขนเสื้อให้มีกลิ่นหอมๆ โชยออกมา พร้อมกับผงสีขาวที่ร่วงหล่น
เพราะมีบทเรียนจากคราวที่แล้ว ท่านย่าจ้าวจึงปิดปากกับจมูกไว้แน่น “ข้าเป็มารดาของจ้าวต้านนะ”
“มารดาไม่แย่งอาหารของบุตรหลานหรอก อีกอย่างนะ เครื่องหอมนี้ออกฤทธิ์โดยการัั”
ทันใดนั้นใบหน้าของท่านย่าจ้าวก็บวมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางอยากจะพูดแต่ก็รู้สึกว่าบังคับปากมิได้ มือก็บวมจนถึงขนาดที่มีบางส่วนผิวปริ เืไหลออกมาไม่หยุด
ในเวลานั้นผู้คนที่มุงดูอยู่ก็ใและพากันถอยห่าง
“เวิน... ซี...” ท่านย่าจ้าวพูดอย่างยากลำบาก
“เครื่องหอมนี้ข้าคิดขึ้นใหม่น่ะ หากััมันจะทำให้ร่างกายบวมพอง” เวินซีส่งสายตาเ้าเล่ห์
ริมฝีปากของท่านย่าจ้าวสั่น จนฟังไม่ออกว่าพูดอันใด
ในขณะนั้นประตูร้านก็ถูกเปิดกว้างจนสุด ผู้คนที่้าซื้อเครื่องหอมเดินเลี่ยงหญิงชราที่ยังอยู่บนพื้นและเข้าร้านไป
ส่วนท่านย่าจ้าวยังคงไม่ยอมและคิดจะลุกขึ้น แต่ก็มีเครื่องหอมโปรยลงมาอีกทำให้นางหมดแรงไปอีกครั้ง ก่อนที่เวินซีจะหันกลับเข้าร้านไปทำงานต่อ
กว่าที่ยาจะหมดฤทธิ์ก็เป็เวลากลางคืนแล้ว หลังจากที่ท่านย่าจ้าวถูกสั่งสอนไปเช่นนั้นจะดื้อรั้นได้อีกอย่างไร นางไม่กล้าหาเื่อีก เพียงแค่นั่งอยู่นิ่งๆ ที่หน้าประตู
เมื่อจ้าวต้านกลับมาเห็นนาง สีหน้าก็แปลกใจ “เหตุใดท่านแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“จ้าวต้าน เ้ายังจำได้อีกหรือว่ามีข้าเป็แม่? ยามนี้เ้าร่ำรวยแล้ว เ้าจะไม่สนใจข้ามิได้นะ”
“ท่านแม่ ผู้ที่ร่ำรวยคือเวินซี ไม่เกี่ยวกับข้า ปลาตัวนี้ข้าจับมา ท่านนำกลับไปเถิดขอรับ”
ท่านย่าจ้าวจะยอมรับปลาตัวนั้นไว้ได้อย่างไร นางลุกขึ้นจากพื้น ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้และคว้าข้อมือของจ้าวต้านไว้
“จ้าวต้าน บุรุษเป็ผู้ปกครองเรือนมาแต่โบราณ เ้าพูดสิ่งใด เวินซีจะไม่มีทางขัดเ้าแน่”
“ท่านแม่ ครอบครัวข้ามีเวินซีเป็ผู้ปกครอง ท่านกลับไปเถิด” จ้าวต้านยังคงยืนกรานเช่นเดิมและยกปลาให้
ท่านย่าจ้าวหงุดหงิด นางถือปลาไว้แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ปลาตัวเดียวจะดีกว่าความสุขสบายทั้งชีวิตได้อย่างไร นางกัดฟันและนอนลงบนพื้นอีกครั้ง โดยทิ้งปลาไว้ข้างๆ
จ้าวต้านเห็นว่านางไม่ฟัง จึงเดินไปเก็บปลาขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดแล้วเดินเข้าไปในร้าน
ขณะนั้นเวินซีกำลังจัดการบัญชี เมื่อเห็นปลากับเสื้อผ้าที่เปียกโชกของเขาก็เอ่ยปาก “เ้ามิต้องออกไปล่าสัตว์แล้ว อยู่บ้านรักษาตัวให้ดีเถิด”
เมื่อก่อนเขาล่าสัตว์เพราะต้องหาเลี้ยงชีพ แต่ยามนี้พวกเขามีเงิน ย่อมอยู่อย่างสุขสบายได้แล้ว
“ข้าชินแล้วน่ะ แม้มิได้ออกไปล่าสัตว์ข้าก็อยู่ไม่สุข ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” จ้าวต้านวางปลาไว้ในครัวก่อนจะไปที่สวนหลัง
“คุณหนู เป็เพราะท่านเลยขอรับ ข้ามิเคยได้เห็นเงินทองมากมายเช่นนี้มาก่อน”
ขณะนั้นจ่างกุ้ยกำลังช่วยนับเงินอยู่ด้วย
“ต่อไปจะมีมากกว่านี้อีก” เวินซียังไม่พอใจกับเงินทองเพียงแค่นี้
เมื่อทำบัญชีเสร็จแล้วก็มีคนนำเงินไปที่ร้านเก็บเงิน โดยมีเงินร้อยตำลึงของเ้าอำเภอที่แลกเป็ธนบัตรเพื่อความสะดวกส่งมาถึงมือของนาง
รายได้ในไม่กี่วันนี้เพียงพอให้เวินซีเปิดร้านใหม่ได้หลายร้านทีเดียว ถึงเวลาที่นางจะต้องคิดเื่ขยายสาขาแล้ว
เมื่อจัดการงานทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เป็เวลากลางดึก เวินซีเหนื่อยมากและอยากพักผ่อน แต่เมื่อเข้าไปในห้องก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
เสื้อผ้าที่เปียกโชกของจ้าวต้านกองอยู่บนพื้น เขาสวมเพียงเสื้อชั้นใน นั่งพิงหัวเตียงด้วยสายตาที่แดงก่ำและมีกลิ่นเืที่คลุ้งอยู่ในอากาศ
“จ้าวต้าน?” เวินซีเพิ่งสังเกตเห็น แม้จะเอ่ยออกไป แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ นางจึงเดินเข้าไปอีกสองสามก้าว จ้าวต้านดูระแวดระวังมาก ถือกริชไว้ในมือและจู่โจมนางอย่างกะทันหัน เขาเคลื่อนไหวเร็วมากจนนางแทบจะหลบไม่ทัน
หนอนกู่แผลงฤทธิ์อีกแล้วหรือ?
เขายกกริชขึ้นอีกครั้งและปักลงบนเก้าอี้ไม้ที่อยู่ด้านหลังเวินซี ด้วยการเคลื่อนไหวที่ว่องไว เขาพลันโจมตีต่อเนื่องอีกครั้ง แต่เวินซีก็รีบหลบ
ในตอนที่กริชแทงเข้ากับผนังไม้ นางใช้โอกาสนี้ใช้มือสับที่หลังคอของเขา แต่กลับถูกจับไว้ได้ทัน
การแผลงฤทธิ์ครานี้ ทักษะการต่อสู้ของจ้าวต้านสูงขึ้นมาก เวินซีรับมือได้ยากยิ่งขึ้นและพลาดท่ากระแทกเข้ากับกำแพง นางกำเครื่องหอมไว้ก่อนจะสาดผงอ่อนกระดูกออกไป จ้าวต้านจึงไร้เรี่ยวแรงอยู่บนพื้นพร้อมกับกริชที่ตกลงมา สายตาของเขาอำมหิตมาก
นี่มิใช่สายตาของนักล่าสัตว์ธรรมดาๆ แน่
เวินซีขมวดคิ้วอย่างระแวดระวังแล้วโปรยผงยาอีกครา เมื่อมั่นใจว่าเขาหมดแรงแล้วจึงค่อยๆ เข้าไปใกล้ ก่อนจะช่วยพยุงขึ้นมาอย่างลำบาก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงครวญครางดังอู้อี้ เมื่อตรวจดูร่างกายของเขาจึงพบว่าที่หลังมีรอยมีดและเืออก ซึ่งเป็าแใหม่
เวินซีหรี่ตาลง พยุงจ้าวต้านขึ้นเตียงและถอดเสื้อของเขาออก จากนั้นพันแผลให้แน่นแล้วให้ยาช่วยนอนหลับ นางถึงวางใจได้ในที่สุดและตัดสินใจไปพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น ในตอนที่เวินซีตื่นขึ้นมา จ้าวต้านมิได้ออกไปล่าสัตว์ เพียงแค่นั่งมองดูผ้าสีขาวบนร่างกาย
“ตื่นแล้วหรือ?” กระนั้นเขาก็มิได้พูดถึงาแ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินซีจึงตัดสินใจยังไม่เอ่ยปากถามก่อน พวกเขาเป็เพียงสามีภรรยากันปลอมๆ เื่นี้เดิมทีก็มิได้เกี่ยวข้องกับนาง
“หนอนกู่ในร่างของเ้ามิได้มั่นคงนัก ่นี้อย่าลืมอาบน้ำยา หมดแล้วมาบอกข้าได้”
“อื้ม”
บรรยากาศระหว่างทั้งสองแปลกไป เวินซีไม่รู้จะพูดอันใด
“คุณหนูเวินซี ที่ร้านเกิดเื่แล้วขอรับ” จู่ๆ จ่างกุ้ยก็ปรากฏตัวขึ้นราวกับมาช่วยขัดจังหวะและขอให้เวินซีรีบออกจากห้อง
ขณะนั้นที่ประตูร้านมีเืหมูสาดใส่ ส่วนท่านย่าจ้าวก็หายตัวไปไม่เห็นแม้แต่เงา ลูกค้าที่จะมาใช้บริการต่างใกลัวจนพากันถอยห่าง ไม่กล้าเข้ามาในร้าน
“ท่านย่าจ้าวทำอย่างนั้นหรือ?” เวินซีมองดูรอยเืที่แห้งแล้ว
“ขอรับ มีคนเห็นน่ะขอรับ”
“ทำความสะอาดให้เรียบร้อยก็พอ” เวินซีมิได้สนใจเื่พวกนี้มากนัก แต่ไม่รู้ว่าคนโบราณจะคิดว่ามันเป็เื่อัปมงคลหรือไม่
ในวันนี้ที่ร้านมีลูกค้าน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ร้านก็โล่งจนรู้สึกแปลกไป เวินซีจึงถือโอกาสนี้ให้จ่างกุ้ยออกไปซื้อส่วนประกอบยาทั้งหมดสำหรับสินค้าตัวต่อไป
เมื่อจ่างกุ้ยกลับมาก็ดูมีท่าทีลับๆ ล่อๆ เขามิได้นำส่วนประกอบยากลับมาด้วย แต่กลับกอดขวดโหลหลายขวดมาแทน
“คุณหนูเวินซี ตระกูลเวิน...เหมือนว่าตระกูลเวินจะกลับมามีชีวิตอีกคราแล้วขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้