เมื่อหลินฟู่อินกลับถึงบ้านก็พบว่าประตูบ้านเปิดเอาไว้อยู่แล้ว ภาพนี้ทำให้นางยกยิ้มเล็กๆ คิดว่าคงเป็ย่าหลี่ที่เปิดประตูทิ้งไว้ให้นางั้แ่เช้า
ย่าหลี่กำลังประคองอ่างไม้ใส่น้ำล้างหน้าออกมาเททิ้ง นางสวมชุดฤดูร้อนสะอาดสะอ้านสีน้ำเงิน เส้นผมรวบเป็มวยปักปิ่นเงินประดับ
“โอ” เมื่อเห็นหลินฟู่อินกลับมา ย่าหลี่ก็ไม่มองอย่างอื่นอีก นางทิ้งอ่างไม้ในมือ เร่งร้อนก้าวออกมาราวกับสายฟ้า
“บรรพบุรุษน้อยของข้า! เมื่อคืนไม่กลับบ้านทำเอาข้าใเกือบตายเชียว!” ย่าหลี่ว่าพร้อมกับลากตัวนางกลับเข้าบ้าน “หากไม่ใช่ข้าพอจะรู้เื่รู้ราวอยู่บ้างคงไปตามหาตัวเ้าที่บ้านเดิมแล้ว!”
“ทำท่านย่าเป็ห่วงแล้ว ข้าไม่เป็ไรเ้าค่ะ ไม่มีใครมาแจ้งข่าวหรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินถาม
ย่าหลี่ตบหน้าตักตัวเอง “ก็นั่นแหละ คนผู้นั้นอยู่ๆ ก็เข้ามาในบ้านทำข้าใแทบตาย ยังบอกว่าเ้าไปช่วยรักษาขุนนางท่านหนึ่ง ได้ยินเช่นนั้นก็พอโล่งใจ แต่พอคิดจะถามอะไรอีกสักหลายคำ คุณพระ คนผู้นั้นก็หายไปกลางอากาศ… ทำเอาข้าหวาดกลัวแทบตายแล้ว!”
หลินฟู่อินช่วยประคองย่าหลี่ไปพลาง ฟังเสียงนางบ่นไปพลาง น้ำเสียงของอีกฝ่ายดูแล้วทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลจริงๆ
“เมื่อคืนข้านอนไม่หลับทั้งคืน ได้แต่นึกว่าหากเ้าเป็อะไรไปข้าจะอธิบายยังไงดี?”
“ข้าไม่ดีเอง ทำให้ท่านย่าเป็ห่วงแล้ว!” หลินฟู่อินเอ่ยขออภัย ภายในใจรู้สึกจนปัญญา
“ไม่เป็ไร ข้าไม่ได้โง่เขลา เ้ากลับมาปลอดภัยเช่นนี้ข้าจะได้จุดธูปสามดอกถวายพระโพธิสัตว์ ใครใช้ให้เ้าเป็คนมีความสามารถเล่า?” ย่าหลี่ลูบมือหลินฟู่อินด้วยความเอ็นดู “ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเื่ที่เ้ารักษาคนได้เป็เื่ดี ทว่าตอนนี้กลับเหมือนจะเป็เื่น่าหวาดหวั่นเสียแล้ว”
“ท่านย่าอย่าได้กังวลไปเลยเ้าค่ะ ต่อให้มีเื่ไม่คาดฝันอยู่บ้าง แต่ข้ายืนยันว่าไม่ใช่เื่ร้ายแรงแน่นอน” หลินฟู่อินหัวเราะออกมา “ขุนนางผู้นั้นต้องบำรุงร่างกาย ข้าต้องดูว่าเราพอจะมีไก่โตเต็มวัยบ้างหรือไม่?”
“นี่ บ้านเ้าไม่มีหรอก มารดาเ้า…” ย่าหลี่ทอดถอนใจ “นางไม่ชอบดูแลไก่ เป็ด หมูพวกนั้นมาโดยตลอด นางรักความสะอาดเป็อย่างยิ่ง เ้าไม่ทราบหรือ?”
แต่จริงๆ บ้านหลังนี้มีไก่อยู่หลายตัวทีเดียว ทั้งหมดล้วนเป็ท่านพ่อหลินคอยดูแล ดังที่ย่าหลี่กล่าวว่าฉู่ซื่อรักความสะอาด ดังนั้นไก่ทั้งหลายจึงเป็ท่านพ่อหลินเลี้ยงดูเองทั้งหมด
ท่านพ่อหลินอยากให้ลูกและภรรยาได้กินดีอยู่ดี ไก่ที่เลี้ยงไว้ในปีก่อนจะถูกเชือดในตอนท้ายปี
ตอนนี้ไก่ที่เหลืออยู่ในบ้านของหลินฟู่อินมีแต่ไก่ไข่ทั้งนั้น
“ข้าจะไปเอาจากที่บ้านข้ามาให้” ย่าหลี่กล่าวขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายของหลินฟู่อิน “ในเมื่อเป็ขุนนางยังไงก็ต้องดูแล สักสองสามตัวเป็ยังไง?”
หลินฟู่อินพยักหน้าอย่างยินดี กับท่านย่าหลี่ผู้นี้นางไม่ต้องสุภาพมากพิธีแล้ว
ย่าหลี่สั่งให้หลินฟู่อินไปล้านหน้าล้างตาแล้วทานอาหารเช้า ก่อนเ้าตัวจะไปดูเด็กๆ ที่หลับอยู่อีกครั้ง แล้วจึงกลับไปยังสวนที่บ้านของนางที่มีเล้าไก่ทำจากไม้ไผ่อยู่
แม้ตอนนี้นางจะอยู่กับหลินฟู่อินแล้ว แต่นางก็ยังคอยมาดูแลสวนเล็กๆ แห่งนี้อยู่เสมอ ในนี้มีทั้งไก่ เป็ด และหมูที่ได้รับการดูแลอย่างดี ทั้งยังมีผักที่งอกเงยสีเขียวชอุ่ม…
หลินฟู่อินเข้าไปดูน้องๆ ทั้งสองที่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข นางไม่ได้เห็นเ้าซาลาเปาสองลูกมาตั้งหนึ่งคืน
ในตอนนั้น สิ่งที่นางกลัวที่สุดคือการไม่ได้กลับมาอีก หากเป็เช่นนั้นแล้วเด็กทั้งสองนี้จะทำอย่างไร?
โชคดีที่ทุกอย่างไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อนึกถึงหวงฝู่จิน แม้จะเ็าและปากเสีย แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้ไร้เหตุผลอะไร
“ฟู่อิน ทำอะไรอยู่ในบ้าน ปู่เ้ามาหานะ!”
เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูโหวกเหวกดังเข้ามา หลินฟู่อินก็นิ่วหน้าอย่างรังเกียจ
จากนั้นนางก็ครอบมุ้งให้น้องๆ ด้วยความระมัดระวัง กระชับเสื้อผ้าของตนแล้วเดินออกไป
ปู่หลินสวมชุดสีน้ำเงินเข้ม เดินยกมือไพล่หลังเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ท่านปู่” หลินฟู่อินเอ่ยทัก
ชายชราพยักหน้า เดินตรงเข้าไปในบ้านเพื่อหาที่นั่งทันที
จากนั้นก็ตามมาด้วยอู๋ซื่อ หลินต้าซาน และจ้าวซื่อ
คนที่ร้องโวยวายหน้าบ้านแน่นอนว่าเป็จ้าวซื่อ
ดวงตาของนางหรี่เล็กมองหลินฟู่อิน ไร้ซึ่งรอยยิ้ม “นี่ ท่านปู่ของเ้าแทบไม่เคยได้มาบ้านหลังนี้ เ้าเป็หลานมีเงินทองแต่กลับไม่ยกน้ำชาดีๆ มาให้อย่างนั้นหรือ?”
“สะใภ้ใหญ่อย่าพูดมาก วันนี้มีธุระต้องพูดคุย” ปู่หลินออกปากขัดจ้าวซื่อด้วยความไม่พอใจ
โดนตำหนิต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้ จ้าวซื่อก็ได้แต่หุบปากด้วยสีหน้าไม่ยินยอม พลางถลึงตามองหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินนึกรำคาญ คนด่าจ้าวซื่อคือปู่หลิน แล้วเหตุใดต้องมาจ้องนางด้วย?
“ท่านปู่ ท่านย่า ท่านลุง ท่านป้านั่งลงก่อน ข้าจะไปยกน้ำมาให้” แม้หลินฟู่อินจะไม่ค่อยชอบให้คนพวกนี้เข้าบ้าน แต่อย่างน้อยเื่ที่ต้องทำก็ยังต้องทำอยู่
เห็นนางปฏิบัติตัวด้วยความสุภาพเช่นนี้ ปู่หลินก็พยักหน้าอย่างพอใจ แต่ปากยังกล่าว “ฟู่อินไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้ามาถามเ้า ได้ยินจากซานหลางของลุงเ้าว่าเห็นลูกสามตกน้ำนอกหมู่บ้าน เ้าให้เหล่าเฉียนกับลูกออกตามหาตามแนวแม่น้ำหรือ?”
หลินฟู่อินยิ้ม เข้าใจทันทีว่าบ้านของปู่หลินมาที่นี่ทำไม หากเป็ไปเพราะความใส่ใจเป็ห่วงนางก็ยินดี แต่หากมีจุดประสงค์อื่นก็อย่าหาว่านางเป็ผู้เยาว์ที่ไม่เคารพผู้ใหญ่แล้วกัน
อู๋ซื่อ จ้าวซื่อ และหลินต้าซานต่างก็ตั้งใจหันมามองหลินฟู่อิน อู๋ซื่อเห็นเด็กสาวไม่ตอบอะไรสักพักก็ตวาด “เป็ใบ้หรือยังไง? หรือเ้าหูหนวก? ไม่ได้ยินที่ปู่เ้าถามหรือ?”
หลินฟู่อินปรายตามองอู๋ซื่อ จากนั้นจึงหลุบตาลงแล้วย้อนถามแทนการตอบคำถาม “ท่านย่าช่างเร่งร้อนนัก เป็ห่วงท่านพ่อหรือเ้าคะ?”
“เป็ห่วงหรือ? เหตุใดข้าต้องเป็ห่วงเื่…” สายตาเย็นเยียบของปู่หลินที่มองนางทำให้อู๋ซื่อชะงัก สุดท้ายจำต้องเปลี่ยนใจ แล้วพูดว่า “แน่นอนว่าข้าย่อมต้องเป็ห่วง ยังไงก็คือลูกชายข้า คลานออกมาจากท้องข้าเชียว!”
ปู่หลินเห็นคนมาด้วยกันยังฉลาดพอที่จะไม่พูดอะไรเพ้อเจ้อ จึงส่งเสียงอืมอย่างพอใจ
แต่เมื่อเห็นหลินฟู่อินไม่ยอมตอบคนถามของตนอยู่นาน สีหน้าก็มืดครึ้ม
“ฟู่อิน?” น้ำเสียงเข้มขึ้น แสดงถึงความไม่พอใจ ทว่าด้วยสถานะผู้าุโของตนจึงไม่อยากจะโวยวายใส่ผู้เยาว์นัก
สายตาของหลินฟู่อินลึกล้ำ ริมฝีปากค่อยๆ อ้าออกแล้วพูดเสียงเบา “ท่านปู่พูดถูก ข้าขอให้ท่านปู่เฉียนกับท่านลุงเฉียนทั้งสองที่อยู่ข้างบ้านช่วยตามหาท่านพ่อจริงๆ”
เื่นี้ยอมรับไปก็ไม่ผิดอะไร นางเป็ลูกสาว ให้คนช่วยตามหาพ่อที่ไม่รู้ว่าเป็หรือตาย ใครจะพูดกันว่าทำไม่ได้
แต่เมื่อยอมรับแล้ว จ้าวซื่อกลับแทรกขึ้นมา “จะตามหาพ่อเ้าเหตุใดไม่กลับไปบ้านเดิมให้ท่านลุงของเ้าช่วย? กลับให้คนนอกที่ไม่ได้สนิทสนมกันช่วยแทน? เหตุใดจึงไม่รู้ความเช่นนี้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้