วันที่สองเจียงไป๋ก็ตื่นแต่เช้าตรู่ เขาสวมเสื้อผ้าแล้วออกจากบ้าน โดยไม่รอให้เสี่ยวเทียนมารับ เขานั่งรถเมล์ตรงไปที่มหาวิทยาลัยเทียนตู ก็เพื่อไม่ให้ผู้หญิงบ้าๆ อย่างเหยาหลานตามมาวุ่นวายอีก
สำหรับเื่เงิน อีกสักครู่ค่อยให้เสี่ยวเทียนมาเอาบัตรของธนาคารที่มหาวิทยาลัยไปให้เหยาหลานก็ได้ ทางด้านธนาคารแค่โทรศัพท์ไปก็ได้แล้ว
ในระหว่างที่อ่านหนังสือเจียงไป๋ก็รู้สึกเมามันอย่างไม่รู้ตัว อันความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ผู้ที่ไม่เมามันก็แค่ไม่เข้าใจ แต่พอเข้าใจก็อดเคลิบเคลิ้มไม่ได้ เจียงไป๋ก็เช่นกัน เขาในตอนนี้เหมือนกับพื้นผิวมหาสมุทรแห้งแล้งที่กำลังดูดซึมน้ำไม่หยุด และเพิ่มพูนให้ตนเองอย่างไม่หยุดเช่นกัน ความสุขอย่างนั้นไม่คุ้มค่าที่จะบอกกล่าวกับผู้อื่น
ไม่ทันไร่เช้าก็ผ่านไปเสียแล้ว แค่พริบตาเดียวก็เที่ยง
เจียงไป๋จัดการหนังสือที่กองอยู่ตรงหน้า และจัดแบ่งให้เข้าที่เพื่อเตรียมที่จะออกไปกินข้าว
นี่ก็แทบจะเป็กิจวัตรคงที่ในทุกๆ วันของเขา โดยหลังจากเื่ของไอ้เด็กจางเทียนอั๋งแล้ว หลินหว่านหรูก็ไม่มาส่งข้าวให้เขาอีก เจียงไป๋จะไม่เพิ่มรายการที่จะต้องออกไปกินข้าวเที่ยงก็คงไม่ได้ เถ้าแก่ร้านอาหารเล็กๆ หน้ามหาวิทยาลัยสองสามคนตอนนี้ต่างก็คุ้นเคยกับเจียงไป๋มาก
“อ้าว? หว่านหรู วันนี้ทำไมเธอถึงมาได้ล่ะ?”
เขาเพิ่งจะออกจากประตูห้องสมุดมา ก็เห็นร่างที่อรชรร่างหนึ่งกำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตู
สาวน้อยมัดผมแกละติดโบ สวมชุดกระโปรงสีขาว น่ารักไร้เดียงสา นั่นไม่ใช่ว่าเป็หลินหว่านหรูที่เป็น้องสาวคนสวยเหมือนบัวเพิ่งพ้นน้ำ เป็หนึ่งในสี่ของดาวมหาวิทยาลัยคนนั้นหรือ?
“พี่ พี่ชาย ขอโทษด้วย ที่ไม่ได้มาเยี่ยมพี่นานแล้ว”
เมื่อเห็นเจียงไป๋ออกมา หลินหว่านหรูก็ตะลึงงัน หลังจากนั้นก็หน้าแดงพลางพูดเสียงต่ำกับเจียงไป๋
เื่ในครั้งก่อนเธอเสียขวัญไปไม่น้อย แต่ก็ไม่ใช่เพราะกลัวหรือหวาดผวา แต่เพราะเจียงไป๋ทำให้เธอช็อกมาก
เจียงไป๋ที่เดิมเธอคิดว่าไม่เอาถ่าน แม้แต่งานก็รักษาไว้ไม่ได้ จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปแบบที่เธอไม่รู้จักด้วยซ้ำ ความแข็งแกร่ง เผด็จการ โดยเฉพาะมีลูกสมุนมากมายอย่างนั้น มีรถหรู แม้แต่คนที่ขนานนามว่าเป็สี่คุณชายใหญ่อย่างจางเทียนอั๋งก็ล้วนถูกเจียงไป๋จัดการ จนตอนนี้ก็ไม่กล้ากลับประเทศแล้ว
ทุกอย่างนี้ได้ทำลายทัศนคติของหลินหว่านหรู ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะสู้หน้าเจียงไป๋ได้อย่างไร
่เวลานี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเจอเจียงไป๋ ก็แค่ไม่รู้ว่าพอเจอแล้วควรจะพูดอะไร
เมื่อก่อน เธอพอที่จะไปมาหาสู่กับเจียงไป๋ได้ แต่ตอนนี้ หลินหว่านหรูรู้สึกว่าหากเธอเจอเจียงไป๋อีกก็ไม่รู้ว่าควรจะเข้าหน้าอย่างไร ดังนั้นจึงหลบหน้าเจียงไป๋อยู่หลายวันแบบนี้
“ไม่เป็ไร อย่างเราสองคนจะต้องพูดเกรงใจกันอีกหรือ! ทำไม วันนี้มีธุระอะไร?”
เจียงไป๋หัวเราะพลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ต่อให้เขาจะโกรธใครก็ตาม แต่จะโกรธหลินหว่านหรูได้หรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น จริงๆ แล้วเื่นี้แม่สาวน้อยคนนี้ก็ไม่ได้ทำผิด อย่างทุกก็ไม่ใช่เพื่อเขาหรอกหรือ?
ก็แค่เธออายุยังน้อย คงจะรับเื่เหนือกว่าที่เธอเห็นเป็ปกติอยู่ทุกวันไม่ได้ชั่วคราวเท่านั้น มีอะไรแปลกกัน
“เื่นั้น … เื่นั้น … ปีนี้หนูกับหม่าซูเยี่ยนได้เข้าร่วมชมรมเต้นรำ วันนี้หลิวลี่ชมรมเต้นรำจะฉลองวันเกิด และ้าเชิญพวกเราไปกินข้าว ทุกคนตกลงแล้ว เดิมทีหนูบอกไปแล้วว่าไม่ไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ก็เลยตามน้ำไป มีเพื่อนสองคนบอกว่าต้องพาแฟนไปด้วย หลังจากนั้นหม่าซูเยี่ยนก็บอกว่าต้อง … ต้องให้หนูพาพี่ไป … ”
หลินหว่านหรูก้มหน้า ตอนที่พูดมีอาการหน้าแดงทั้งหน้าแล้ว ทั้งหัวก็แทบจะหมุดเข้าไปในกลางร่องอกที่เป็เนินออกมาเล็กน้อยนั้นแล้ว เหมือนกับว่าไปทำเื่อะไรที่ไม่อยากให้ใครรู้มา จนทำให้คนที่อยู่โดยรอบมองกันใหญ่
“พี่ … พี่อย่าเข้าใจผิด หนูไม่ได้หมายความอย่างอื่น หนูก็แค่ … หนูก็แค่ … ”
เมื่อพูดจบ หลินหว่านหรูก็คิดอะไรออกทันที จึงรีบเงยหน้าขึ้น และพูดอธิบายอย่างสับสนจนหน้าแดง
แต่พอถึงท้ายสุดก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว กว่าจะปลุกความกล้ามาหาเจียงไป๋ถึงที่นี่ได้ และพูดอย่างนี้ ก็ใช้สติปัญญาความกล้าของเธอไปหมดแล้ว
หากจะให้เธออธิบายอีก?
หลินหว่านหรูที่ปกติเยือกเย็นเป็น้ำแข็ง ฉลาด และเป็นักเรียนที่เรียนเก่ง แต่กลับพูดอะไรไม่ออกในตอนนี้
“พอแล้วๆ พี่รู้แล้ว นี่ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ตอนเย็นใช่ไหม? ตอนเย็นพี่ไปด้วยก็ได้ ต้องเตรียมอะไรไหม? จะให้เสี่ยวเทียนมารับพวกเราไปไหม?”
เจียงไป๋หัวเราะแล้วลูบหัวหลินหว่านหรูที่น่ารักเบาๆ ต่อมาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงรีบเก็บมือด้วยสีหน้าเคอะเขิน แต่ไม่นานเขาก็เก็บอาการอยู่
แต่กลับทำให้ใบหน้าน้อยๆ ของหลินหว่านหรูที่เดิมทีแดงอยู่แล้ว เวลานี้แดงจนแทบจะละลาย
“อย่า … อย่าเด็ดขาด เพื่อนๆ ของหนู … เพื่อนๆ ก็ยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ของพี่เลย”
เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธข้อเสนอของเจียงไป๋
หลินหว่านหรูก็ไม่อยากให้คนอื่นๆ ใช้แว่นตาสีมองเธอกับเจียงไป๋
สถานการณ์ของเจียงไป๋หากเปิดเผยออกมา ถึงหม่าซูเยี่ยนจะไม่พูด แต่เกรงว่าคนอื่นๆ จะต้องมีข้อคิดเห็น ถึงจะเป็แค่ข้อคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ และไม่มีเจตนาร้ายก็ตาม แต่หลินหว่านหรูก็ไม่ยอม
เธอไม่อยากให้คนอื่นรู้สึก และยิ่งไม่อยากให้เจียงไป๋รู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับเจียงไป๋ก่อนหน้านี้ไม่บริสุทธิ์ ถึงจะมีปัจจัยอื่นๆ ก็ตาม ในสายตาของหลินหว่านหรูแล้วก็ล้วนรับไม่ได้
ก่อนหน้านี้เธอหลบหน้าเจียงไป๋ นั่นก็ไม่ใช่เป็เพราะเหตุนี้หรือ?
“ได้สิ ได้สิ แล้วแต่เธอเลย”
เจียงไป๋ยักไหล่ หลังจากนั้นท่ามกลางสายตาที่อิจฉาของคนนับไม่ถ้วน เขาก็กินข้าวกลางวันแบบง่ายๆ กับหลินหว่านหรู พอส่งเธอกลับไปเขาก็กลับมาที่ห้องสมุด และตะวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว
“เฮ้! พี่ชาย พวกเราอยู่นี่!”
พอเดินมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย ไกลออกไปก็เห็นหลินหว่านหรูและหม่าซูเยี่ยนกับเด็กผู้หญิงเจ็ดแปดคนยืนอยู่หน้ามหาวิทยาลัย
นั่นคือทัศนียภาพที่สดใส แค่้าจะละสายตาก็ทำไม่ได้
ด้านข้างยังมีเด็กผู้ชายสองคนเห็นได้ชัดว่าเป็แฟนของเพื่อนหลินหว่านหรู เจียงไป๋เพิ่งจะเดินออกมา หลินหว่านหรูยังไม่ทันได้พูด หม่าซูเยี่ยนก็ะโโบกมือเป็คนแรกแล้ว
“สวัสดีทุกคน!”
เจียงไป๋เดินมาและทักทายอย่างเงียบๆ เขายิ้มให้อย่างสุภาพเรียบร้อย
เด็กผู้หญิงของชมรมเต้นรำสองสามคนนี้มีแค่สองคนที่เจียงไป๋ไม่รู้จัก คนอื่นๆ เป็เพราะหลินหว่านหรูจึงได้พบเห็นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย รวมทั้งเด็กผู้ชายสองคนนี้ เมื่อก่อนเจียงไป๋ก็เคยเจอ แต่ก็ยังไม่เคยพูดคุยด้วย
หลังจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว หม่าซูเยี่ยนก็กอดแขนเจียงไป๋ไว้ และพูดกับผู้หญิงแปลกหน้าที่อยู่ข้างๆ อีกสองคนพลางหัวเราะว่า “คนนี้ก็คือพี่ชายญาติห่างๆ ของดาวมหาวิทยาลัยพวกเรา … ฮ่าๆ หากพวกเธอรู้สึกว่าเป็พี่ที่ตกหลุมรัก ฉันก็ไม่มีความเห็น ทั้งสองคนก็เป็คู่กันมาั้แ่เด็กๆ เล่นกันมาอย่างไม่ได้คิดอะไร! หลินหว่านหรูของพวกเราั้แ่เด็กๆ ก็ … ”
“ซูเยี่ยน! เธอพูดเพ้อเจ้ออะไร!”
ยังพูดไม่ทันจบ หลินหว่านหรูที่อยู่ข้างๆ ก็แสดงพลังออกมามากกว่าปกติ เธอดึงเจียงไป๋ออกจากหม่าซูเยี่ยนให้มาอยู่ข้างๆ กาย หลังจากนั้นก็เอามือปิดปาก
ทำให้คนอื่นๆ หัวเราะกันยกใหญ่ทันที
และทำให้เจียงไป๋กับหลินหว่านหรูรู้สึกอึดอัด ตอนที่สีหน้าของหลินหว่านหรูแดง เธอชำเลืองมองเจียงไป๋เล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเขาไม่โกรธ เธอก็แอบดีใจ
“ฮ่าๆ ฉันไม่พูดเพ้อเจ้อก็ได้ มา พี่ชาย ฉันจะแนะนำให้พี่รู้จักสาวสวยสองคนนี้ก็คือสาวสวยประจำชมรมเต้นรำของพวกเรา หลิวลี่กับเหลียงจิ้ง พี่คงยังไม่เคยเห็น หลิวลี่พี่ไม่มีโอกาส เพราะเธอมีแฟนแล้ว แต่สำหรับเหลียงจิ้งวันไหนหากพี่ไม่ชอบดาวมหาวิทยาลัยของเราแล้ว ก็ลองพิจารณาเหลียงจิ้งของพวกเราได้ เธอก็เป็คนดี เป็ดาวของคณะวรรณกรรมคนหนึ่ง แน่นอนว่าถ้าพี่จะจีบเธอก็คงยาก เหลียงจิ้งของพวกเรารอบรู้ทุกอย่าง หากไม่ใช่คนหนุ่มที่มีความรอบรู้ทางศิลปวัฒนธรรมเกรงว่าคงจะพูดกับเธอได้ไม่กี่คำ” หม่าซูเยี่ยนหัวเราะเสียงดัง และก็ไม่ได้พูดเื่นี้อีก เธอหันไปแนะนำเด็กผู้หญิงแปลกหน้าอีกสองคนให้รู้จักกับเจียงไป๋
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้