ปู่หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลงยิ่งกว่าเดิม “ข้าไม่รู้ว่าเ้าจัดยาอะไรให้ย่ากับป้าของเ้า แต่ข้าได้ยินมาว่าแม่ของเ้ามีความรู้เื่ยา และยังสอนเ้าไว้มากมาย เ้าควรจะรู้จักมีหัวคิดและรู้เสียบ้างว่าการให้ของเช่นนั้นไปมันจะทำให้พวกเขาไม่สบายใจ”
หลินฟู่อินได้ยินแล้วก็อยากจะแผดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ
ตาเฒ่านี่ยังคิดจะล้างความอับอายให้อู๋ซื่อกับจ้าวซื่ออยู่อีกหรือ? ทั้งยังว่านางเพราะคิดว่านางกินดีกว่าปู่ย่าและลุงป้า แต่กลับเอาเส้นก๋วยเตี๋ยวไปให้คนอื่น?
“ปู่ บ้านข้ามีแค่เส้นก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น พ่อข้าเองก็ยังไม่กลับมา ตัวข้าเองยังกังวลอยู่เลยว่าหากเส้นก๋วยเตี๋ยวหมดแล้วข้าจะเอาอะไรกิน” หลินฟู่อินกล่าวด้วยศีรษะที่ก้มต่ำ แลดูกังวล
ปู่หลินถึงกับสำลัก นางผู้นี้กำลังแสดงตนว่านางเป็เพียงเด็กกำพร้าที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีกินในวันพรุ่งนี้หรือเปล่า แต่เหล่าคนเฒ่าคนแก่ร่วมตระกูลกลับไม่แม้แต่จะสนใจนางอย่างนั้นหรือ?
และถึงอย่างนั้น นางก็ยังใจกว้างพอที่จะแบ่งปันให้บ้านสองอีก?
ใบหน้าของตาเฒ่ายับยู่ไปด้วยคำพูดของหลินฟู่อิน
ในตอนที่เขากำลังจะหนีกลับ สายตาของเขาก็ปราดไปเห็นใบหน้าโศกเศร้าของหลินต้าเหอ ใจเขาพลันสั่นไหว
ลูกคนรองเป็คนที่เชื่อฟังเขามากที่สุดในบรรดาพี่น้องสามคนมาั้แ่เมื่อก่อน แต่เพราะเขาให้กำเนิดบุตรชายไม่ได้เสียที เขาจึงค่อยๆ เลือนหายไปจากสายตาของปู่หลิน
และหากค่าของลูกชายตกต่ำ จึงเป็เื่แน่นอนที่ภรรยาของลูกชายคนดังกล่าวจะถูกตีค่าไว้ต่ำเช่นกัน
แต่เพื่อรักษาหน้า เขาจึงหยิบถุงเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หยิบออกมาจำนวนหนึ่ง นับมาสิบเหรียญแล้วยื่นให้หลินต้าเหอ “เอาเงินนี่ไปซื้อเกลือหรืออะไรซะ แล้วก็ออกไปหางานนอกทำด้วย ส่วนไร่ที่ให้ไปนั่น หากเ้าปลูกอะไรขึ้น รายได้ทั้งหมดก็ให้พวกเ้าเก็บไว้ใช้เองซะ พอฤดูเก็บเกี่ยวตอนหน้าร้อนมาถึงพวกเ้าจะได้มีอาหารกิน”
หลินต้าเหอรับเอาไว้อย่างปลื้มปิติทันที พลางผงกหัวขอบคุณไม่หยุด
น้อยครั้งที่ปู่หลินจะอ่อนโยนกับเขาเช่นนี้ เขาแทบหลั่งน้ำตา แต่เฟิงซื่อยังแอบดึงเสื้อเขาไว้เพื่อเรียกสติ
หลินฟู่อินเห็นภาพนี้แล้วก็คิด ตาเฒ่านี่ยังมีความเป็คนเหลืออยู่พอสมควร ไม่แปลกใจเลยที่หลินต้าเหอจะยอมถูกกดขี่มาเป็สิบปีโดยไม่บ่น
แม้ในท้ายที่สุดเขาจะไม่อยากเสียค่าดูแลมหาศาลต่อเดือนนั่นจนยอมโดนขูดรีดต่อก็ตาม
แต่เขาคงไม่ได้คิดจริงๆ ใช่หรือไม่ว่าเงินสิบเหรียญมันจะพอให้มีชีวิตรอดไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยวได้น่ะ
แล้วปู่หลินก็เดินจากไปพร้อมสองมือที่ไขว้ไว้ด้านหลัง
เฟิงซื่อบ่นใส่หลินต้าเหอ “ผลงานใหญ่เสียจริงนะ เงินสิบเหรียญทองแดงนี่มันจะไปทำอะไรได้กัน?”
แต่หลินต้าเหอกลับกล่าวออกมาด้วยเสียงอุบอิบ “พวกเรายังไม่ทันส่งเงินให้ท่านพ่อเลย แต่ท่านพ่อกลับส่งเงินช่วยเหลือเรามาก่อนหรือนี่”
หลินฟู่อินได้ยินเช่นนั้นจึงคิดอย่างสิ้นหวังอยู่ในใจ หลินต้าเหอผู้นี้ช่างเป็ทาสที่ดีของคำว่ากตัญญูเสียจริงๆ
หากลูกสาวของทั้งสองทำไม่สำเร็จในตอนนั้น บ้านสองคงได้ถูกสูบเืจนตายไปหมดแล้วเป็แน่
“จะว่าไป ฟู่อิน ข้าได้เมล็ดผักกาดมา เ้าอยากได้หรือไม่?” เฟิงซื่อไม่อยากสนพ่อคนดีของนางแล้ว สายตาเหลือบไปเห็นถุงข้างหม้อ จึงหันมาถามฟู่อิน
ผักกาด?
ผักกาดขาวหรือ?
หรือกะหล่ำ?
“เอา” นางกล่าวไว้ก่อน
เฟิงซื่อตักเอาเมล็ดออกมากองใหญ่ ก่อนจะส่งที่เหลือทั้งหมดให้ฟู่อิน “บ้านข้าไม่มีที่ไว้ใช้ปลูกแล้ว เ้าเอาทั้งหมดนี่ไปได้เลย”
หลินฟู่อินเห็นว่าทั้งหมดมันมีเกือบหนึ่งกิโล นางจึงหยิบเศษเหรียญทองแดงออกมาหนึ่งเหรียญเพื่อยื่นให้เฟิงซื่อ “ป้ารอง ถ้าเยอะขนาดนี้ ข้าซื้อ”
“ไม่ได้นะ!” เฟิงซื่อปฏิเสธทันควัน นางไม่ได้คิดจะขอเงินฟู่อิน ใบหน้านางจึงแดงเป็ลูกตำลึงด้วยความอับอาย
หากมันเป็แค่เมล็ดกำเล็กๆ ยังพอว่า แต่นี่เป็เมล็ดหนึ่งกิโลเต็ม นางต้องจ่าย
นางได้ความคิดตอนที่เห็นเมล็ดเหล่านี้ ไม่ว่ามันจะเป็ผักกาดขาวหรือกะหล่ำ แต่ก็ต่างเป็ของที่น่าเก็บ หากนางนำไปปลูก และทำห้องเก็บไว้ นางก็จะเก็บมันไว้ขายตอนหน้าหนาวได้
“ป้ารอง ท่านรับเงินนี้ไว้เถอะ เมล็ดนี่มีประโยชน์กับข้ามาก หากข้าต้องเข้าเมืองเพื่อไปซื้อเอง จะยิ่งเสียเงินมากกว่านี้อีกไม่ใช่หรือ?” หลินฟู่อินว่า
เมื่อเฟิงซื่อคิดถึงความยากลำบากในอนาคตต่อจากนี้ นางจึงยอมรับมันไว้ แต่บอกหลินฟู่อินไว้ด้วย “ฟู่อิน ป้ารองผู้นี้ไม่ได้ยุ่งมากนัก ข้าไปช่วยเ้าดูแลน้องชายน้องสาวของเ้าได้นะ อาเฟิงและอาฟางที่เ้าเห็นนี่ข้าก็เลี้ยงมาเอง ข้ามีประสบการณ์พอตัว…”
หลินฟู่อินพยักหน้ารับแล้วกล่าวขอบคุณนาง ก่อนจะบอกลา
นางจะสบายใจกว่าหากย่าหลี่เป็ผู้ดูแลเด็กๆ
เมื่อหลินฟู่อินกลับออกมาแล้ว นางจึงคิดอย่างถี่ถ้วน บ้านของนางมีที่แม้ไม่มากนัก
ตัวที่มันเพียง 1.25 ไร่ก็จริง แต่พื้นที่ของมันทำให้ดูเหมือนมีสองถึงสองไร่ครึ่ง
เพราะพ่อของนางชอบการออกล่ามากกว่า จึงละเลยการเพาะปลูกแล้วจ้างให้คนมาดูแลที่แทน
แม้มันไม่ได้ถูกดูแลไว้อย่างดีเลิศอะไรนัก แต่ก็ยังดีกว่าโดนทิ้งร้างไปเลย
ฉู่ซื่อในความทรงจำของนางนั้นไม่เคยออกจากบ้านเลย เอาแต่อยู่ในสวนหลังบ้านทั้งวัน
หลินฟู่อินนึกย้อนไปอย่างละเอียด นางรู้ดีว่าที่ 1.25 ไร่ที่มีนั้น พ่อของนางถูกหลอกขายมา และมันไม่ใช่ที่ที่ดีเลย
ทั้งห่างจากแม่น้ำ แล้งง่าย ข้าวที่ลงไว้ขาดน้ำบ่อยจนเป็ผลให้ออกมาเป็ข้าวคุณภาพต่ำ
ทั้งยังอยู่บนเนินเขา วัชพืชจึงขึ้นง่ายกว่าผักที่จะปลูก
ตัวเนื้อดินนี่ยิ่งแย่
เพราะมันอยู่กลางหมู่ไม้ สารอาหารจึงถูกแย่งไปหมด
นอกจากนี้ ที่จ้างไปยังมีแต่คนลงเมล็ด แต่ไม่ได้จ้างคนไปดูแล การที่มันจะกลายเป็แค่ที่ร้างจึงไม่น่าแปลกใจเลย
หลินฟู่อินมองเมล็ดผักกาดในมือพลางคิดแผนไปในใจ
เมื่อกลับถึงบ้าน นางจึงเขียนแผนในใจลงในบันทึกที่แม่ของนางเหลือไว้ให้เพื่อจดสิ่งต่างๆ
แล้วย่าหลี่ก็เข้ามา
“ฟู่อิน เกือบลืมไปเลย แหวนเงินนี่เป็ของที่แม่เ้าเหลือไว้ให้ใช่หรือไม่?”
หลินฟู่อินเดินไปดู จำได้เลือนรางว่าแหวนเงินสลักคำว่า ‘โชคลาภ’ นี้ เป็ของที่นางถือไว้กับตัวตอนที่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้
“นี่เป็แหวนที่ข้าเจอบนเตียงของแม่เ้าในตอนที่ข้าช่วยนางเก็บของดูต่างหน้า ข้ากลัวว่าย่ากับป้าของเ้าจะเห็น ข้าเลยเอาไปซ่อนไว้ และหลายวันมานี้ก็มีเื่เยอะมากจนข้าลืม” ย่าหลี่อธิบาย
“ใช่ แม่ของข้าให้ข้าไว้เป็ของดูต่างหน้าก่อนนางจะเสียไป” หลินฟู่อินยื่นมือไปรับมา
ย่าหลี่กล่าว “เช่นนั้นก็จงดูแลมันให้ดี แล้วอย่าวางไว้ซี้ซั้ว ข้าพาเด็กๆ ไปดื่มนมก่อนนะ”
หลินฟู่อินพยักหน้า หลังจากที่ย่าหลี่ออกไปแล้ว นางจึงมองแหวนนั้นอย่างถี่ถ้วน ดูธรรมดานัก
แต่ฉู่ซื่อเคยมีปิ่นปักผมทองคำเล็กๆ อยู่บนหัวนาง ต่างหูหยกหายาก และกำไลทองบนข้อมือซ้าย แล้วทำไมนางถึงอยากให้แหวนเงินบ้านๆ นี่กับนางกันนะ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้