“ป้ารอง ข้าว่าการอยู่ในกระต๊อบไม้นั่นมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย แล้วหน้าร้อนก็มีพายุบ่อย อยู่ที่นั่นไม่ไหวแน่”
เฟิงซื่อเองก็เศร้าขึ้นมาเมื่อนึกถึงบ้านที่ตนอาศัย จึงกล่าวด้วยความเศร้าสร้อย “มันเป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ มีแต่ต้องหาทางรอดไปให้ได้เท่านั้น”
อาฟางกำหมัดแน่น แล้วเอ่ยปลอบเฟิงซื่อ “ท่านแม่ ข้ากับพี่มีความฝัน ฝันที่จะหาเงินให้ได้มากๆ แล้วสร้างบ้านหลังใหญ่เหมือนบ้านน้องฟู่อินเพื่อให้พวกท่านได้อยู่!”
ใบหน้าโศกเศร้าของเฟิงซื่อพลันมีรอยยิ้มขึ้นมา แต่ก็กล่าวว่า “ข้าเข้าใจความอยากทดแทนบุญคุณของพวกเ้า แต่ผู้หญิงน่ะต่างกับผู้ชาย หากไม่มีฟู่อินช่วย แล้วเราจะหาเงินได้ยังไง? จากนี้ก็อย่าพูดอะไรแบบนั้นอีก ไม่อย่างนั้นจะถูกหัวเราะใส่เปล่าๆ”
อาเฟินจึงกล่าว “ท่านแม่ เป็ผู้หญิงแล้วมันทำไมกัน? ดูฟู่อินสิ ขนาดท่านลุงเล็กไม่อยู่ แต่นางก็ยังใช้ชีวิตอย่างสบายได้ ในหมู่บ้านนี้มีเด็กคนไหนที่เก่งกาจเท่านางอีก? เชื่อพวกข้าเถอะ ว่าอาฟางกับข้าจะทำให้พวกท่านมีชีวิตที่สุขสบายได้!”
เฟิงซื่อหัวเราะออกมาอย่างหมดแรง แต่ชัดเจนว่าในใจนางมีความสุขมาก
หลินฟู่อินก็หัวเราะ แล้วกล่าว “พี่อาฟางและพี่อาเฟินกล่าวถูกแล้ว ผู้หญิงเองก็ขยันและมีความสามารถมากไม่แพ้ผู้ชาย ป้ารองเชื่อพวกนางเถอะ!”
แม้เฟิงซื่อกำลังพยายามสอนลูกๆ ของนาง แต่เมื่อได้ยินคนอื่นชมลูกเช่นนี้ ก็ช่วยขจัดความเศร้าจากใบหน้าของนางไปจนหมด
นางยังคงจำสมัยที่นางยังเด็กได้ ทั้งเต็มไปด้วยความมั่นใจ รู้สึกว่าทำได้ทุกอย่าง ใครกันที่บอกว่าผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชาย?
แต่เมื่อนางแต่งเข้าบ้านหลิน นางก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวสองคน และร่างกายยังาเ็จากการให้กำเนิดอาฟาง จนไม่อาจให้กำเนิดบุตรได้อีก หลังจากนั้นก็โดนแม่สามีอู๋ซื่อ และพี่สะใภ้จ้าวซื่อรังแกเหยียดหยามมาตลอด
ความมั่นใจและความคาดหวังต่อชีวิตอันมีความสุขในตอนแรกได้มลายหายไปจนสิ้น… มันคงเกินมือนางจริงๆ
เฟิงซื่อหรี่ตาลง แล้วนึกถึงคำพูดของหลินฟู่อิน นางััได้ว่าทุกครั้งที่หลินฟู่อินพูดอะไรกับนาง มันมักจะมีความหมายแฝงอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับตอนที่นางลุกขึ้นต่อต้านบ้านใหญ่เป็ครั้งแรก หากไม่ใช่เพราะนางคอยบอกใบ้สิ่งต่างๆ อยู่เรื่อยๆ แล้วเข้ามาช่วย ตอนนี้บ้านรองคงมีชีวิตที่แย่กว่านี้อีกไม่ใช่หรือ?
และครั้งนี้นางก็พูดถึงกระต๊อบไม้ที่พวกนางใช้หลบลมฝนอยู่ กระต๊อบที่บ้านใหญ่ใช้เก็บฟืนนั่น นางตั้งใจจะสื่ออะไรกับนางหรือ
ไม่ได้มีแค่เฟิงซื่อที่คิดเช่นนั้น
อาฟางเองก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นในสมอง
“ฟู่อิน เ้าจะบอกว่า… พวกข้าควรสร้างบ้านหรือ” สุดท้ายสมองของคนวัยเยาว์ก็แล่นได้ไวกว่า อาเฟินจึงมองหลินฟู่อินด้วยสายตาใสกระจ่าง
หลินฟู่อินพยักหน้าประทับใจ “ห้องเก็บฟืนนั่นคงอยู่ได้ถ้าแค่ไม่กี่วัน แต่นึกภาพการอยู่ที่นั่นต่อไปอีกครึ่งปีหรือหลายปีได้หรือไม่?”
“เช่นนั้นไม่ไหวแน่” เฟิงซื่อกล่าวทันที
“แต่พวกข้าไม่มีเงิน ไม่มีที่” อาฟางกลับมาเจ็บใจหลังจากความดีใจผ่านพ้นไปแล้ว
อาเฟินเองก็เงียบไป
หลินฟู่อินปรบมือพร้อมรอยยิ้ม แล้วกล่าว “ข้าเพิ่งได้เงินก้อนใหญ่มา ทำให้ข้าสามารถจ่ายค่าจ้างล่วงหน้าให้ท่านป้ารอง ลุงรอง และสองพี่น้องได้ถึงครึ่งปี จะรับค่าจ้างล่วงหน้าหรือไม่?”
อาเฟินและอาฟางเข้าใจสิ่งที่นางจะสื่อทันที
นั่นเป็เงินที่นางได้มาจากการขายสมุนไพรกองนั้น
ตอนแรกพวกนางดีใจมากที่หลินฟู่อินมีวิธีทำเงิน แถมยังช่วยครอบครัวของพวกนางด้วย
แต่เมื่อนางได้เงินมาแล้วเช่นนี้ สิ่งแรกที่นางทำกลับเป็การจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อให้พวกนางนำไปสร้างบ้าน สองพี่น้องจึงรู้สึกว่าเป็บุญคุณมากขึ้นไปอีก
ทั้งสองตัดสินใจว่าแม้ชีวิตจากนี้จะสุขสบายขึ้น แต่พวกนางต้องไม่ลืมทดแทนบุญคุณของหลินฟู่อินผู้เป็ญาติคนนี้
ไม่สิ ไม่ใช่แค่ญาติ
แม้แต่น้องสาวแท้ๆ ก็คงไม่ช่วยมากขนาดนี้
“น้องฟู่อิน พวกข้าอยากได้ค่าจ้างล่วงหน้าครึ่งปี!” อาเฟินตัดสินใจทันที
อาฟางเองก็เห็นด้วย
ส่วนเฟิงซื่อนั้นนิ่งไปแล้ว เด็กพวกนี้กำลังพูดเื่อะไรกัน?
คุยกันไม่กี่คำ แล้วก็ตัดสินใจจะสร้างบ้านให้นางแล้วหรือ?
มันจะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร…
“ถ้าอย่างนั้น พี่อาเฟิน ท่านต้องคิดถึงเื่ที่ตั้งแล้ว” หลินฟู่อินกล่าว
อาเฟินก้มหน้าลง อาฟางเองก็จมอยู่ในความคิด
เฟิงซื่อกำลังตะลึงงันมองทั้งสามคน
เด็กพวกนี้เอาจริงหรือ
จะว่าไปแล้ว นางเองก็เคยฝันอยากมีบ้านเป็ของตัวเอง แล้วใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับสามีและลูกๆ เหมือนกัน
ในตอนนั้นที่ฉู่ซื่อยังมีชีวิตอยู่ ฉู่ซื่อไม่เคยรู้เลยว่านางอิจฉาฉู่ซื่อมากแค่ไหน
แต่เอาเข้าจริง ทั้งในหมู่บ้านหูลู่ และคนจากหมู่บ้านรอบๆ มีใครบ้างเถอะที่ไม่อิจฉาฉู่ซื่อ?
แม้ว่าแม่สามีของนางจะไม่ชอบนาง แต่สามีก็รักนาง
แม้นางจะมีลูกสาวเพียงคนเดียวในตลอดเวลากว่าสิบปี แต่หลินสามก็ยังปฏิบัติต่อนางราวกับสมบัติล้ำค่า
ช่างเป็่เวลาที่ยอดเยี่ยม
“ท่านแม่ ถ้าข้าจำไม่ผิด ที่รอบๆ กระต๊อบนั่นเป็ที่ของบ้านใหญ่ใช่หรือไม่?” อยู่ๆ อาเฟินก็เงยหน้าขึ้นมาถาม
เฟิงซื่อส่ายหน้า “ในตอนที่สร้างบ้านเก่า หลี่เจิ้งอยากให้ปู่ของเ้าไปสร้างบ้านบนที่ตรงนั้น โดยให้ราคาที่มาแค่ห้าตำลึงเงิน แต่เพราะใต้พื้นดินมันเป็หินฮวากั่ง [1] ปู่ของเ้ารู้สึกว่ามันไม่คุ้มราคาจึงไม่ซื้อ แต่ที่มีกระต๊อบอยู่ตรงนั้นสองหลังเป็เพราะมันอยู่ใกล้บ้านใหญ่เฉยๆ”
ได้ยินเฟิงซื่อกล่าวเช่นนั้นแล้ว อาฟางและอาเฟินก็คอตก
หลินฟู่อินหันไปมอง ตอนที่นางไปดูคราวก่อน มันมีที่ว่างหลายที่อยู่รอบๆ กระต๊อบไม้นั่น
แต่ที่ว่างเ่าั้มันมีต้นไม้เล็กๆ งอกอยู่ จึงไม่เหมาะกับการใช้ทำไร่ แล้วพื้นหินข้างใต้นั่นก็ยิ่งไม่เหมาะสำหรับบ้านหลังใหญ่ด้วย
ชาวหมู่บ้านหูลู่ต่างก็แบ่งที่ของบ้านตนไว้ทำไร่ทำสวน แต่เพราะพื้นเป็พื้นหิน มันจึงไม่เหมาะกับการใช้ปลูกผัก จึงไม่มีใครสนจะซื้อที่ตรงนั้น
แต่ถ้าหลินฟู่อินคิดไม่ผิด หากจัดการเอาไม้พวกนั้นออก แล้วเชื่อมที่เป็ผืนเดียวกันได้แล้ว มันจะมีพื้นที่มากกว่าหกถึงเจ็ดไร่ ห้าตำลึงเงินถือว่าถูกมาก
“ท่านแม่ เราไปคุยกับหลี่เจิ้งเพื่อขอซื้อแค่ส่วนเดียวไม่ได้หรือ?” อาเฟินถามหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
เฟิงซื่อส่ายหน้าแล้วยิ้มอย่างลำบากใจ “ถ้าซื้อแค่หนึ่งหรือสองส่วนได้ ป่านนี้มันคงโดนซื้อไปหมดแล้ว ประเด็นคือหลี่เจิ้งบอกไว้ว่าถ้าจะซื้อก็ต้องซื้อทั้งผืน”
อาเฟินและอาฟางคอตกด้วยความผิดหวังอีกครั้ง
หลินฟู่อินพิจารณาครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ข้าว่ามันคุ้มที่จะซื้อด้วยเงินห้าตำลึงเงินนะ”
เฟิงซื่อยิ้ม แล้วบอกนาง “เ้าไม่เข้าใจ มองจากข้างบนไม่เห็นก็จริง แต่ใต้ดินบางส่วนมันเป็หินฮวากั่ง จึงปลูกผักไม่ได้ ต่อให้จะใช้ปลูกบ้าน เ้าก็ขุดลึกมากไม่ได้อีก เพราะอย่างนั้นตลอดหลายปีมานี้มันถึงไม่มีใครซื้อ”
หลินฟู่อินกะพริบตาถี่ ต่อให้มีเหตุผลเช่นนั้น มันก็ยังคุ้ม เพราะนี่ราคาต่อไร่ยังไม่ถึงตำลึงเงินเลย
ส่วนเื่วิธีพัฒนาดิน นางมีวิธีให้เลือกใช้มากมาย การซื้อขายครั้งนี้ไม่สูญเปล่าแน่
ที่ดินผืนนี้ จะปล่อยให้หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด!
-----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หินฮวากั่ง หมายถึง หินแกรนิต
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้