ฮูหยินซ่งมองดูจ้าวต้าน นางมักจะรู้สึกว่าบุรุษที่อยู่ตรงหน้านั้นดูแปลกๆ แต่ก็บอกมิได้ว่าแปลกอย่างไร เมื่อเห็นว่าสีหน้างุนงงของเขาดูไม่เหมือนการแสร้งทำ จึงถอนหายใจเบาๆ
หากบุรุษผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ เขาคงไม่ยอมให้ตนเองอยู่ในสถานที่เช่นนี้
นกอินทรีไม่พอใจชีวิตบนพื้นดินหรอก
นางรีบร้อนเกินไป
“ข้าอาจจะตาฝาดจำคนผิดไป อย่าได้ถือสาเลยนะ” นางยิ้มให้จางๆ
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น ฮูหยินซ่ง ข้าน้อยขอตัวก่อนนะขอรับ” จ้าวต้านมีแววตาสีดำที่ยากจะหยั่งถึง เขาเบี่ยงตัวเลี่ยงฮูหยินซ่ง
ในตอนที่เขากลับไป เวินซีได้เปลี่ยนเป็ชุดไว้อาลัยและกำลังจะออกจากบ้าน
“จะไปที่ใด?” จ้าวต้านเห็นเข้าจึงเอ่ยถาม น้อยครั้งนักที่กลับมาแล้วจะมิได้เห็นนางปรุงยา
เขาวางกระต่ายลงบนโต๊ะ หยิบปิ่นปักผมที่ฮูหยินซ่งให้มาเมื่อครู่ออกจากกระเป๋า จากนั้นมายืนตรงหน้าเวินซี “ฮูหยินซ่งให้เ้าน่ะ”
เมื่อเห็นปิ่นปักผม เวินซีก็ยื่นมือออกไปรับ แต่ไม่คิดเลยว่าจ้าวต้านจะเป็คนเสียบให้นางเอง ทั้งสองอยู่ใกล้กันจนััได้ถึงลมหายใจ
“งามมาก ต่อไปเ้าแต่งเนื้อแต่งตัวบ้างสิ เ้างามอยู่แล้ว ทำดีกับตนเองหน่อย” จ้าวต้านเอ่ยพลางมองนางไปด้วย
ปกติผมของนางมักจะถูกรวบไว้อย่างลวกๆ โดยไม่มีเครื่องประดับผมใด ยามนี้เมื่อเสียบปิ่นปักผมก็งามขึ้นไปอีกแบบ เป็ความงดงามที่ทำให้คนลุ่มหลงได้ เขารู้สึกว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้านั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ
เวินซียิ้มเล็กน้อยพลันลูบปิ่นปักผม ของพวกนี้มีเพียงเด็กสาวเท่านั้นที่จะชอบ ซึ่งนางผ่าน่อายุนั้นมาแล้ว แต่เมื่อเห็นสายตาของจ้าวต้านจึงไม่อยากจะเอ่ยขัด
“ข้าจะไปที่ตระกูลเวิน เ้าไปเปลี่ยนเป็ชุดขาวไว้อาลัยเถิด กลับไปกับข้า”
ตระกูลเวิน?
จ้าวต้านขมวดคิ้วไม่พอใจนัก แต่ก็ยอมไปเปลี่ยนชุดแต่โดยดี
ณ จวนตระกูลเวิน
เวินอวิ๋นโปเดินไปมาอย่างกระวนกระวายอยู่ที่ประตู เมื่อเห็นร่างของเวินซีก็รีบลงบันไดไปทักทาย
เขาเผยรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้า ก่อนจะยื่นมือออกไป “รีบเข้ามาเถิด”
แต่เวินซีก็หลบมือนั้นแล้วเดินเข้าไป
เวลานี้ตระกูลเวินได้แขวนผ้าขาวไว้ทั่วบ้านตามเงื่อนไขของนาง โคมไฟสีแดงก็ถูกแทนที่ด้วยโคมผ้าทอสีขาว บรรยากาศอึมครึมและเงียบสงัด
มีโลงศพ ป้ายชื่อศพที่ใหม่เอี่ยม และเทียนสีขาวที่จุดอยู่ในห้องโถง แต่ภายในกระถางกลับมีกระดาษเงินกระดาษทองอยู่เพียงนิดเดียว ทุกอย่างเป็เพียงสิ่งที่ทำขึ้นเฉพาะหน้า
เวินซีเก็บซ่อนสายตาที่ไม่พอใจ แล้วหยิบกระดาษเงินกระดาษทองออกมาเผา โดยมีจ้าวต้านทำตามเช่นกัน
“เวินซี ยามนี้ข้าจัดการทุกอย่างตามที่เ้าขอแล้ว เ้าควรกลับบ้านได้แล้วนะ สตรีอยู่ตัวคนเดียวด้านนอก มันไม่ค่อยดีหรอก”
“พ่อรู้ว่าเ้าโกรธ แต่ให้โอกาสพ่อได้แก้ตัวสักคราเถิด พ่อจะชดใช้ให้เ้า”
เวินอวิ๋นโปได้แต่พูดไปเรื่อย ในขณะที่เวินซีมิได้ฟังเขาสักนิด นางเอาแต่ก้มหน้าเผากระดาษอย่างจริงจัง เวินอี๋เหนียงมีญาติไม่มากนัก กระดาษเงินกระดาษทองพวกนี้เห็นทีจะต้องเผาให้มากหน่อย
“เวินซี หากเ้ากลับจวน ข้าจะให้อำนาจในการดูแลตระกูลเวินแก่เ้าทั้งหมด” เวินอวิ๋นโปยังไม่วายยื่นผลประโยชน์ให้
“นายท่าน บ้าไปแล้วหรือเ้าคะ?” ในขณะนั้นเอง ฮูหยินใหญ่เวินที่เงียบอยู่ข้างๆ มาตลอดก็ทนไม่ไหว เดิมทีงานศพครานี้ถือเป็การตบหน้านางจังๆ ไหนจะถูกนางลูกนอกคอกของเวินอี๋เหนียงมาแย่งอำนาจไปอีก นางจะยอมได้อย่างไร
“ข้าไม่มีบุตรชาย มีเพียงเวินซีและเวินเยียนบุตรสาวสองคน ผู้ที่มีความสามารถย่อมได้อำนาจไป เหตุใดจะมิได้?” เวินอวิ๋นโปดุด่านางอย่างโมโห
ฮูหยินใหญ่เวินอยากจะพูดมากกว่านั้น แต่เมื่อเห็นสายตาที่มืดดำของเขา นางก็หันไปมองเวินซีด้วยความไม่พอใจ
“นายท่าน ข้ารู้สึกไม่สบาย ข้าขอตัวกลับไปก่อนนะเ้าคะ” นางจึงหาข้อแก้ตัวและรีบออกจากห้องโถงไป
เมื่อกลับมาที่ห้องก็เห็นเวินเยียนก็กำลังทำเครื่องหอมอยู่ เวินอวิ๋นโปขังนางไว้เพราะกลัวว่าหากนางเห็นเวินซีแล้วจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
ฮูหยินใหญ่เวินจึงเล่าเื่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโถงให้บุตรสาวฟังด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ
“นางชั่วเวินซี หากนางเป็ผู้กุมอำนาจ ในตระกูลเวินจะเหลือพื้นที่ของเราสองแม่ลูกได้อย่างไร? ลูกข้า เ้าคือความหวังของแม่ เ้าต้องคิดหาวิธีไล่นางออกไปนะ”
“เพียงแค่เห็นนางตอนนี้ข้าก็ปวดหัวจะเป็บ้าแล้ว”
“ท่านแม่วางใจเถิดเ้าค่ะ ลูกมีแผนอยู่แล้ว วันนี้นางเวินซีไม่มีทางออกไปจากตระกูลเวินได้แน่” เวินเยียนมองเครื่องหอมในมือด้วยสายตาดุร้าย
เมื่อได้ยินคำสัญญาของบุตรสาว ฮูหยินใหญ่เวินจึงวางใจ
“เสี่ยวชุ่ย” เวินเยียนเอ่ยเรียกเบาๆ
สตรีรับใช้ที่เฝ้าประตูอยู่จึงตอบรับแล้วเปิดประตูเข้ามาพร้อมคำนับด้วยความเคารพ “ฮูหยิน คุณหนู มีรับสั่งอันใดเ้าคะ?”
“อีกครู่หนึ่ง เ้าหลอกเวินซีให้ไปที่สวนหลังคนเดียว” ในระหว่างที่พูดนั้นเวินเยียนก็หยิบเศษเงินออกมา “หลังจากที่ทำเื่นี้จบ เ้าจะได้เป็อิสระ ข้าจะรับประกันความสุขสบายของเ้าไปทั้งชีวิต ข้าชอบทำงานกับคนฉลาด เ้าเข้าใจใช่หรือไม่?”
“เสี่ยวชุ่ยเข้าใจเ้าค่ะ” เสี่ยวชุ่ยนำเศษเงินเก็บใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไปทันที
ถึงเวลาแล้ว เวินเยียนลุกขึ้นและเดินไปที่สวนด้านหลัง นางจงใจหลีกเลี่ยงคนรับใช้มาตลอดทางเพื่อไม่ให้ใครพบเห็นตัว จนไปหยุดอยู่ที่ห้องบรรพบุรุษ
เพราะห้องนั้นอยู่ที่มุมของจวนจึงไม่มีผู้ใดสนใจ นางผลักประตูไม้หนักๆ ออก ในแวบแรกก็ได้เห็นฮูหยินผู้เฒ่าเวินนั่งอยู่ตรงกลางห้องโถง
เมื่อมีคนมา ฮูหยินใหญ่เวินก็กระตือรือร้นเป็อย่างยิ่งและลุกขึ้นจากพื้น “เวินเยียน บิดาเ้าบอกให้เ้ามาหรือ? เขาให้เ้ามาปล่อยข้าใช่หรือไม่?”
นางอยู่ในสถานที่เส็งเคร็งนี้จนแทบจะเป็บ้าแล้ว นางเฝ้าร้องขอให้ตนเองออกไปอยู่ทุกวัน
“ท่านย่า เวินเยียนคิดถึงท่านน่ะเ้าค่ะ ข้าอยากจะพูดคุยกับท่าน” เวินเยียนเอ่ยปากอย่างสุภาพ
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเวินเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเริ่มผลักนางออกอย่างไม่สบอารมณ์ “ออกไป!”
“ท่านย่าอยู่ที่นี่มาตลอด คงไม่รู้เื่ด้านนอก ตระกูลเวินใกล้จะพังทลายแล้ว เวินซีเป็คนทำเ้าค่ะ”
ประโยคนี้ทำให้ฮูหยินใหญ่เวินหยุดการเคลื่อนไหว “เ้าหมายความอย่างไร?”
“นางเวินซีสืบทอดเวินอี๋เหนียง เปิดร้านเครื่องหอมแข่งกับตระกูลเวิน นางใส่ร้ายเราหลายครา จนเวลานี้ตระกูลเวินไร้ซึ่งความเชื่อใจจากผู้คน ยากที่จะก้าวเดินต่อไปได้เ้าค่ะ”
“ท่านพ่อโง่เขลายิ่งนัก เขาขอร้องให้เวินซีกลับจวน ทั้งยังคิดจะมอบอำนาจของตระกูลเวินให้นางด้วย”
ฮูหยินผู้เฒ่าเวินโกรธจัด พร้อมกับคิดว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ล้วนเป็เพราะเวินซี อารมณ์โกรธแค้นก็เดือดพล่าน นางอยากจะออกไป แต่ก็ถูกเวินเยียนดึงตัวไว้
“ท่านย่าออกไปข้างนอกยามนี้มีแต่จะทำให้ตระกูลเวินถูกวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น เวินเยียนมีแผนเ้าค่ะ ไม่รู้ว่าท่านย่าอยากจะฟังหรือไม่?”
สีหน้าของเวินเยียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ ในขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าเวินลังเล แต่นางก็ไม่มีทางเลือกอื่น จึงทำได้เพียงพยักหน้า
ในเวลาต่อมาที่ห้องโถง เวินอวิ๋นโปถูกฮูหยินใหญ่เวินเรียกตัวไป ส่วนเวินซีเผากระดาษเงินกระดาษทองหมดแล้ว จึงคิดจะจากไปในตอนที่เวินอวิ๋นโปไม่อยู่ แต่ก็ถูกสตรีรับใช้ผู้หนึ่งขวางทางไว้
“คุณหนูเวินซี ข้าชื่อเสี่ยวชุ่ยเ้าค่ะ ข้าเป็สตรีรับใช้ข้างกายของเวินอี๋เหนียง”
“มีเื่อันใด?”
“ในห้องของเวินอี๋เหนียงยังมีของอีกมากมาย น่าจะมีของคุณหนูด้วยเ้าค่ะ คุณหนูเวินซีอยากจะไปเอาของสักหน่อยหรือไม่เ้าคะ? ฮูหยินใหญ่ทนเห็นของพวกนั้นมิได้ นางจะให้คนมาจัดการ ข้าคิดว่าหากคุณหนูนำกลับไป จะได้ไว้ดูต่างหน้า”
เวินซีกับจ้าวต้านพลันมองหน้ากัน
“ได้ จ้าวต้านรอข้าที่นี่นะ ข้าจะรีบกลับมา” นางเอ่ยบอกเขาแล้วเดินออกไป
ส่วนจ้าวต้านอยากจะตามไปด้วยแต่ก็ถูกเสี่ยวชุ่ยสกัดไว้ เมื่อเขาคิดว่าสวนด้านหลังไม่เหมาะที่จะให้บุรุษเข้าไป จึงทำได้เพียงรออยู่ด้านนอก
ไม่มีใครเหลียวแลเวินอี๋เหนียง เรือนที่นางอาศัยอยู่คือมุมสุดของสวนหลัง เสี่ยวชุ่ยมีธุระอื่นจึงมิได้มานำทาง เวินซีจึงใช้เวลาเดินหาอยู่นานกว่าจะพบ
ในห้องนั้นเรียบง่าย มีเพียงเตียง โต๊ะ และตู้เสื้อผ้า ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นเพราะไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เป็เวลานาน นางมองดูรอบๆ ก็พบสูตรเครื่องหอมที่เขียนด้วยลายมือ จึงตั้งใจเก็บไว้อย่างระมัดระวัง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งของใดเหลืออยู่แล้วก็กลับไปที่ห้องโถง
ในเวลานั้นเวินอวิ๋นโปกลับเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นว่าทั้งสองทำท่าจะจากไป จึงรีบเอ่ยรั้งพวกเขา
“อยู่ทานข้าวก่อนเถิด ครอบครัวเดียวกัน พูดคุยกันดีๆ สักครั้งนะ”
“มิต้องหรอกเ้าค่ะ” แต่เวินซีก็ปฏิเสธอย่างเ็า
เวินอวิ๋นโปกำลังจะพูด แต่ในขณะนั้นเองก็มีคนรับใช้วิ่งมาที่ห้องโถงอย่างรีบร้อน เขาหายใจหอบ ขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสอง
“นายท่าน แย่แล้วขอรับ ฮูหยิน...ฮูหยินผู้เฒ่าเสียแล้วขอรับ”
สิ้นเสียงนั้น ห้องโถงที่กว้างขวางก็เงียบลงทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้