บทที่ 31 ข้าคือภรรยาของเขา
กับดักของลั่วถูทำเอาพวกเฉิงอิงถึงกับตะลึงจนอ้าปากค้าง กับดักแค่สองชิ้น ก็ใส่หน้าไม้ไปแล้วสามสิบคันเต็มๆ อันที่จริงแล้วการควบคุมหน้าไม้ให้ยิงออกไปโดยไม่ใช้คนและเติมลูกศรสำหรับยิงครั้งที่สองเอง ถ้าไม่สนใจความแม่นยำก็ทำได้อยู่หรอก แต่ว่าบนร่างของคนขนศพผู้หนึ่งมีหน้าไม้แกร่งกี่คันกันแน่? เดิมทีพวกเขาคิดว่าเขาคิดว่าลั่วถูคงวางกับดักไว้แค่สองที่เท่านั้น ทว่าเมื่ออันที่สามและสี่ถูกยิงออกมา สีหน้าของเขาก็มีแต่ความตื่นตะลึง นี่มันใช้หน้าไม้เป็หกสิบเจ็ดสิบคันแล้ว เ้าเด็กคนนี้ขนมาอย่างไรกัน แต่เขาก็พอจะทำความเข้าใจได้ในไม่นานนัก เกรงว่าสนามรบบนหุบเขาแห่งนี้คงถูกเ้าเด็กนี่เก็บกวาดไปหมดแล้ว คงได้หน้าไม้แกร่งมาไม่น้อย และหน้าไม้ที่ว่าก็ถูกลั่วถูติดตั้งไว้ในสนามรบแห่งนี้แทบทั้งหมดนั่นเอง
นักรบเผ่ามารกลุ่มนั้นแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว ในหุบเขาแห่งนี้พวกเขาไล่ตามนักรบเผ่ามนุษย์มาไล่เลี่ยกันแท้ๆ ทว่าเหตุใดถึงได้มีกับดักโผล่ออกมามากมายได้ขนาดนี้? หรือว่าที่นักรบเผ่ามนุษย์จงใจเข้ามาในหุบเขาแห่งนี้เป็เพราะพวกเขาวางกับดักไว้ั้แ่แรกแล้ว จากนั้นจงใจล่อพวกเขาเข้ามาจากนั้นเปิดฉากสังหารตอบโต้อย่างนั้นหรือ?
นักรบเผ่ามารเกือบร้อยคน ทว่าเพียงไม่ถึง่เวลาจิบชาหนึ่งถ้วยกลับถูกจัดการไปมากกว่าหกสิบเจ็ดสิบคนแล้ว การยิงแบบสุ่มเข้าใส่จากทุกทิศทาง ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าควรป้องกันทางไหนจึงจะปลอดภัยกว่ากันแน่
การเก็บกวาดทั้งสนามรบไม่ได้ยากอย่างที่คิด ราคาที่ต้องจ่ายไปในศึกนี้คือนักรบเผ่ามนุษย์ที่าเ็แค่ไม่กี่คน แต่กลับทำให้นักรบเผ่ามารทั้งกลุ่มแตกพ่ายไปได้ ในขณะที่พวกลั่วถูรีบมุ่งหน้าไปให้ถึงกำแพงศพสองแถวสุดท้ายที่อยู่ไม่ไกล นักรบเผ่ามารก็ได้แต่หนีหัวซุกหัวซุนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พวกเขาไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่าในหุบเขาแห่งนี้แท้จริงแล้วยังมีหน้าไม้แกร่งซ่อนไว้อีกเท่าไรกันแน่ อีกทั้งไม่รู้ว่าลูกศรจากหน้าไม้เ่าั้จะยิงมาจากทางไหนอีก พวกเขากลัวจนขวัญกระเจิงไปตั้งนานแล้ว!
อาการาเ็ของแม่ทัพตงหลี่สาหัสมาก แต่การรักษาตลอดการเดินทางที่ผ่านมาทำให้อาการคงที่ชั่วคราว อย่างไรเสียก็เป็ถึงระดับศิษย์าขั้นเก้า พลังชีวิตกล้าแกร่ง ถึงจะถูกปรมาจารย์โจมตีจนาเ็สาหัส แต่ก็สามารถหนีมาได้ไกลขนาดนี้ ขอแค่อย่าไม่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็คงไม่มีอันตรายถึงชีวิตแล้ว ส่วนเื่ระดับพลังจะลดลงหรือไม่นั้น คงต้องค่อยว่ากันอีกที
“ลั่วอูฐ ครั้งนี้เ้าทำผลงานครั้งใหญ่เข้าแล้ว... ” ซ่งตงตบบ่าของลั่วถูด้วยความยินดี ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข ทั้งที่ตอนแรกมันเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เขาเพิ่งจะเปิดิญญาได้ไม่นานก็ถูกเกณฑ์มาเป็ทหารเสียได้ และครั้งแรกที่เข้าสนามรบ เดินทัพไปได้ครึ่งทางก็โดนลอบโจมตีเข้าอีก ภายใต้ความวุ่นวายจู่ๆ ก็กลายเป็ทหารพ่ายเสียอย่างนั้น กว่าจะแย่งม้าหนีออกมาได้ก็แสนยากลำบาก สุดท้ายพอกลับเข้ารวมกลุ่มกับทัพหลักที่หนีมาเช่นกัน ก็ถูกตามล่าไม่หยุดไปอีกสองร้อยลี้ ในตอนที่สถานการณ์กำลังตึงมือ กลับเจอเข้ากับลั่วถูที่แกล้งตายอยู่ใต้กองศพ จากนั้นสถานการณ์ทั้งหมดก็พลิกกลับในเสี้ยววินาที ภายใต้ลูกศรที่ยิงออกไปแบบสุ่ม ทำให้พวกนักรบเผ่ามารถูกโจมตีจนไม่เหลือความมั่นใจอีกต่อไป ในที่สุดเขาก็ได้พักหายใจหายคอสักที ครั้งนี้เป็ผลงานของลั่วถูเสียส่วนมาก และเขาที่เป็สหายของลั่วถู จะรู้สึกยินดีร่วมไปด้วยก็เป็เื่ปกติ
“ก็แค่อยากจะให้บทเรียนกับไอ้พวกนั้นบ้าง เกือบถูกพวกมันฆ่าตายมาหลายหน นานๆ ทีจะโอกาสเอาคืนเสียหน่อย... ” ลั่วถูเองก็อารมณ์ดีขึ้นมากทีเดียว
“สหายลั่ว ท่านแม่ทัพเชิญเ้าไปพบ... ” ทหารส่วนตัวผู้หนึ่งเดินมากล่าวกับลั่วถูด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยเกรงใจอย่างท่วมท้น เห็นได้ชัดว่าศิษย์ากลุ่มนี้ปฏิบัติกับลั่วถูเป็อย่างดี ถึงลั่วถูจะเป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง คนขนศพที่ยังไม่แม้แต่จะเปิดิญญา แต่วันนี้กลับช่วยชีวิตพวกเขาทั้งกลุ่มไว้ได้อย่างแท้จริง
“ลั่วถูคำนับท่านแม่ทัพ... ” ลั่วถูคำนับด้วยความเคารพอย่างสูง คนผู้นี้เป็ถึงแม่ทัพเป็ศิษย์าขั้นเก้า ถ้าหากมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ ถ้าอยู่ในเมืองม่อหลานต้องมีประโยชน์มากแน่ โอกาสเช่นนี้หากไม่รับไว้คงเสียดายแย่ อีกทั้งชื่อเสียงของตระกูลตงหลี่เองก็เป็ที่รู้จักและทรงอิทธิพลกับกองทัพไม่น้อย ผู้คนล้วนทราบเื่นี้กันดี
“เ้าทำได้ดีมาก ครั้งนี้ แม่ทัพอย่างข้าต้องขอขอบใจเ้า นี่คือป้ายหยกประจำตัวแม่ทัพของข้า เมื่อกลับไปถึงเมืองแล้ว เ้าสามารถไปที่กองทัพและใช้สิ่งนี้เพื่อขอพบข้าได้ ข้าแม่ทัพจะรับปากคำขอของเ้าอย่างหนึ่ง!” แม้ท่าทีของตงหลี่จะยังดูอ่อนแออยู่บ้าง แต่สายตาที่ใช้มองลั่วถูกลับเฉียบคม ภายใต้สถานการณ์คับขันเช่นนี้ การที่คนธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถช่วยพวกเขาพลิกสถานการณ์ได้ย่อมไม่ใช่เื่ง่าย
แม้ตงหลี่จะเคยได้ยินมาบ้างว่าอย่าได้ประมาทคนขนศพ โดยเฉพาะพวกคนขนศพที่ทำภารกิจสำเร็จมาหลายครั้งแล้วแต่ยังรอดชีวิตอยู่ ต่อให้ยังไม่เปิดิญญา เกรงว่ากลยุทธ์อื่นๆ ของพวกเขาก็ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์าระดับต้นเลย เมื่อก่อนเขาไม่เคยเชื่อ แต่ตอนนี้เริ่มจะเชื่อขึ้นมาบ้างแล้ว ความสามารถในการสังหารไม่ได้มาจากการใช้วรยุทธ์เท่านั้น บางครั้งแผนการที่ละเอียดซับซ้อน กลับมีประโยชน์มากกว่าวรยุทธ์เสียอีก
“ขอบพระคุณท่านแม่ทัพขอรับ... ” ลั่วถูไม่ลังเลที่จะรีบป้ายหยกแผ่นนั้นเลย การได้การรับคำสัญญาจากปากแม่ทัพคนหนึ่ง ช่างมีค่ายิ่งกว่าเหรียญม่วงหลายร้อยเหรียญเสียอีก
“พวกหน้าไม้ของเ้า ใช่ของที่เก็บกวาดมาจากสนามรบแห่งนี้หรือไม่?” ชายผิวคล้ำด้านหลังตงหลี่ กล่าวถามออกมาอย่างสงบนิ่ง
ลั่วถูััได้ถึงแรงกดดันในทันที ลมปราณของคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งยิ่งกว่าลมปราณของใต้เท้าตงจื่อที่พบในป่าวันนั้นเสียอีก เกรงว่าระดับของคนผู้นี้อย่างน้อยต้องเป็ระดับศิษย์าขั้นห้าขึ้นไปแน่นอน เพียงแต่เขาไม่คุ้นเคยกับเื่ในกองทัพเท่าไรนัก และไม่แน่ใจว่าคนผู้นี้มีตำแหน่งอะไรในกองทัพ
“เรียนใต้เท้า เป็เช่นนั้นจริง อย่างไรเสียหน้าไม้พวกนี้ข้าก็ขนไปไม่ได้ สู้ติดตั้งไว้ที่นี่เสียดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะทิ้งไปก็น่าเสียดาย คิดไม่ถึงว่ากลับมีประโยชน์ นับว่าเอาของเหลือทิ้งมาใช้ประโยชน์ได้แล้ว!” ลั่วถูกล่าวอย่างจริงใจ เขาไม่มีทางปฏิเสธแน่ ไม่เช่นนั้น คนพวกนี้จะสงสัยได้ว่าบนร่างของเขาอาจมีสมบัติมิติอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นใครจะไปแบกหน้าไม้มากขนาดนี้ได้ จำนวนขนาดนี้ มันมากเกินกว่าคนคนเดียวจะแบกไหวอยู่แล้ว!
“ท่านแม่ทัพ เกรงว่าพวกเราคงต้องเดินทางตลอดทั้งคืน ข้ากังวลว่าคนของเผ่ามารจะตามมาอีกครั้ง!” คำกล่าวของลั่วถูไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย จากที่พวกเขาดู ลั่วถูไม่ได้โกหก หน้าไม้แกร่งมากมายเช่นนี้ เขาไม่มีทางขนได้อยู่แล้ว อีกอย่างถึงจะขนไปจนถึงนอกเมืองม่อหลานได้ ก็เอาเข้าเมืองไม่ได้ง่ายๆ อยู่ดี อาวุธจำพวกธนูและหน้าไม้ทั้งหมดถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ถ้าทหารป้องกันเมืองพบเข้า ก็มีแต่ต้องถูกยึดทันที ดีไม่ดีอาจถูกจับในฐานะไส้ศึกหรือสายลับก็ได้ จะอย่างไรเสียพลังทำลายล้างของอาวุธพวกนี้ก็แข็งแกร่งเกินไป ต่อให้เป็เพียงคนธรรมดาที่ในมือมีหน้าไม้ ก็สังหารยอดฝีมือในกองทัพได้ ดังนั้นคนจำนวนมากจึงฝังหน้าไม้ไว้นอกเมือง เมื่อจะออกไปข้างนอกค่อยขุดขึ้นมาใช้ และก่อนกลับเข้าเมืองก็ฝังลงไปอีกครั้ง สำหรับนอกเมืองหากในมือมีธนูหรือหน้าไม้แกร่งเสียอย่าง ใครหน้าไหนก็ไม่กล้ายุ่งทั้งนั้น อย่างไรเสียนอกเมืองก็มีอันตรายมากมาย การมีอาวุธทรงพลังเช่นนี้ต่างหากถึงจะป้องกันตัวได้ ส่วนพวกดาบกระบี่ ในเมืองไม่ได้ห้ามไว้
“ดี พวกเรากลับเมืองม่อหลานกัน... ” ตงหลี่พยักหน้า หลังจากนั้นค่อยๆ หลับตา ราวกับไม่อยากพูดมากอีกแม้แต่ประโยคเดียว
ลั่วถูได้แต่หัวเราะ “หึหึ” ภายใต้สายตาของทุกคนเขากำลังเริ่มเก็บกวาดสนามรบ ส่วนพวกศิษย์าได้แต่ทำสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด เพราะเห็นเขาไปลูบคลำบนร่างของศิษย์มารเกือบร้อยคน แม้แต่เหรียญขาวซิงเหินสักเหรียญก็ไม่ปล่อยให้รอดสายตา
พอเห็นพฤติกรรมของลั่วถู คนอื่นๆ ก็เริ่มลังเล ถึงจะเป็เหล่าศิษย์าก็ไม่มีใครได้เหรียญซิงเหินมากนักเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้ในเมื่อคนขนศพเริ่มลงมือแล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าไปแย่งธุรกิจของลั่วถู และไม่มีหน้าที่ที่ต้องทำเช่นนั้นด้วย อย่างไรเสียเมื่อครู่ก็ได้คนผู้นี้ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
ลั่วถูค้นหาละเอียด เจียงิ่เองก็เริ่มทำเื่พวกนี้เช่นกัน ซ่งตงมีบางอย่างที่ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจียงิ่และลั่วถูเท่าไรนัก เขาไม่เคยเห็นลั่วถูยอมปล่อยให้มีพวกไร้ประโยชน์คอยติดสอยห้อยตามสักครั้ง อีกทั้งยังเสียงเหมือนสตรีอีกต่างหาก แต่ว่าคนคนนั้นเดินตามหลังลั่วถู น่าจะเป็ลูกน้องที่ลั่วถูรับเข้ามาใหม่ ดังนั้นเขาจึงปิดตาข้างหนึ่งทำเป็ไม่รู้ไม่เห็นเสีย... แต่ทักษะการค้นศพของเ้าหมอนี่นับว่ามีฝีมือทีเดียว แม้แต่ฟันทองที่ซ่อนไว้ในปากก็ไม่เว้น
เดิมทีลั่วถูคิดว่าเจียงิ่จะแยกตัวไปคนละทาง เขาจึงเตรียมตัวรีบเดินทางกลับไปเมืองม่อหลานพร้อมกับแม่ทัพตงหลี่ ส่วนเจียงิ่คงกลับเมืองเผ่าิญญาของนางกระมัง แต่ที่ทำให้ลั่วถูต้องมึนงงก็คือ ในตอนที่เขาออกเดินทางพร้อมกับคนอื่น เจียงิ่กลับเดินตามหลังเขามาอย่างไม่ลังเล แถมยังไม่กล่าวอะไรอีกต่างหาก ตามติดกับเงาร่างหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น เอาแต่เดินก้มหน้าตามหลังเขาไม่เกินสามสี่ก้าวเท่านั้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซ่งตงก็มั่นใจในทันที เ้าคนแปลกหน้าผู้นี้ต้องเป็ลูกน้องที่ลั่วถูรับมาใหม่แน่นอน ดูไม่ออกเลยว่าลั่วถูก็มีฝีมือไม่เลว ขนาดเป็คนขนศพยังสามารถรับลูกน้องขนศพได้ด้วย
“ลั่วอูฐ หมอนี่คือศิษย์ที่เ้ารับมาใหม่ใช่ไหม?” ซ่งตงถามด้วยความสนใจ
“นี่มัน... เฮ้อ อธิบายยากนิดหน่อยน่ะ!” ลั่วถูยิ้มอย่างอับอาย เื่นี้จะเล่าอย่างไรดี ถ้าพูดคงไม่แคล้วถูกซ่งตงคงหัวเราะเยาะแน่ ทว่าจะให้เตะผู้ติดตามของตัวเองทิ้งต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้หรือ? แล้วถ้าเ้านี่เปิดเผยเื่ทั้งหมดออกมา ก็คงมีแต่ถูกผู้คนหัวเราะเยาะอยู่ดีไม่ใช่หรือ
“อธิบายยาก? เ้าหมายความอย่างไรกัน?” ซ่งตงไม่เข้าใจ เื่นี้ไม่เห็นอธิบายยากตรงไหน รับลูกน้องมาก็บอกว่ารับสิ ไม่เห็นมีเื่อะไรซับซ้อน ทำไมถึงจะอธิบายยากกัน
“ข้าจะบอกเ้า แต่เ้าอย่าเที่ยวไปพูดจาส่งเดชเชียว...” ลั่วถูทำหน้าลึกลับกล่าวด้วยวาจาแ่เบา
“นี่ไม่ใช่นิสัยของเ้าเลยนะ...” ซ่งตงทำหน้าประหลาด ลั่วถูทำอะไรลงไปหรือ
“นางเป็สตรี... ”
“อะไรนะ... ” ซ่งตงแทบจะะโออกมา แต่กลับโดนลั่วถูเอามือปิดปากไว้เสียก่อน ทำให้ศิษย์าหลายคนถึงกับหันหน้ามามอง ซ่งตงได้แต่โบกมือปฏิเสธด้วยความอับอาย ทำให้ผู้คนได้แต่ทำสีหน้าไม่เข้าใจยิ่งกว่าเดิม
“ได้อย่างไรกัน เ้าหาภรรยาได้ั้แ่เมื่อไร?” ซ่งตงถามด้วยความใ นี่เพิ่งไม่เจอกันไม่กี่วัน เ้าหมอนี่ถึงกับพาสตรีมาขนศพด้วยเสียแล้ว
“นางไม่ใช่ภรรยาข้า... ”
“ข้าคือภรรยาของเขา เขาแค่อาย เลยไม่กล้ายอมรับ... ” เจียงิ่ได้ยินเื่ที่ซ่งตงคุยกับลั่วถูอย่างชัดเจน ขณะที่ลั่วถูกำลังจะอธิบาย เจียงิ่กลับะโเสียงดังเสียอย่างนั้น ทำเอาลั่วถูได้แต่อ้าปากค้าง จ้องไปที่เจียงิ่ด้วยความสับสน และหันไปมองซ่งตงด้วยสีหน้าหมดคำจะพูด ได้แต่อ้ำอึ้งเล็กน้อยและกล่าวอย่างตะกุกตะกัก “ซ่งตง อย่าไปฟังนางพูดจาเหลวไหล... ”
“อ๋อ ไม่เป็ไร ข้าเข้าใจ... ” ซ่งตงมองลั่วถูอย่างมีเลศนัยและหันไปมองเจียงิ่ ราวกับว่าเข้าใจแล้ว จากนั้นผิวปากเดินหนีลั่วถูไปไกล
“ซ่งตง มันไม่ใช่อย่างที่เ้าคิดนะ... ”
“อืม ไม่ต้องรีบร้อน ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น พวกเ้าคุยกันดีๆ พี่ชายอย่างข้าจะเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้พวกเ้าแน่!” ซ่งตงไม่ได้หันกลับมา แต่ผิวปากด้วยความยินดี เขาดีใจมาก ลั่วถูเป็เพื่อนที่ดีของเขา คนธรรมดาที่เปิดิญญามาแล้วถึงหกครั้งก็ยังไม่สำเร็จ จนต้องมาทำงานต้อยต่ำอย่างคนขนศพ ตอนนี้มีสตรีผู้หนึ่งยินยอมเป็ภรรยาของสหายเขา ช่างเป็เื่น่ายินดีอย่างยิ่ง ถึงแม้เื่นี้จะรวดเร็วไปเสียหน่อย ทว่าตัวเขาเองก็ชอบความรวดเร็วเช่นนี้เหมือนกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้