คำพูดต่อมาเจียงไป๋ได้ยินไม่ชัด เพราะผู้อำนวยการกู้คนนั้นออกจากประตูไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยิน ก็แค่เจียงไป๋ี้เีฟังแล้ว เพราะล้วนมีแต่คำด่าทอเสียๆ หายๆ เห็นได้ชัดว่าเวลานี้ผู้อำนวยการเขตกำลังโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
“ครับ! ครับ! ท่านผู้อำนวยการเขตวางใจ ท่านวางใจ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน … จะ้าจัดการให้เรียบร้อยแน่นอน … ”
สองนาทีต่อมา ผู้อำนวยการกู้ที่เมื่อครู่ยังคงถือตัวสูงส่งคนนั้น เดินเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากเข้ามาแล้ว เขาไม่มีท่าทางถือตัวสูงส่งอย่างเมื่อครู่อีก และมองเจียงไป๋ที่อยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าที่ยำเกรง
แค่กริ๊งเดียวก็ต่อสายถึงคนที่มีตำแหน่งสูงสุดในเมืองเทียนตูได้ อย่างไรเขากู้จางสู้ก็แหย่ไม่ได้
อย่าเห็นว่าเขาเป็ผู้อำนวยการกระทรวงศึกษา แต่นั่นก็เป็แค่รอง และยังเป็แค่ระดับเขต ในเขตเซี่ยตงก็ถือว่าเป็คนใหญ่คนโต แต่พออยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโตที่แท้จริง จะต่างอะไรกับมดตัวน้อยๆ ?
นี่ก็ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายพูดแค่ประโยคเดียวเขาก็แทบจะตกงานแล้ว หากไม่ใช่เพราะผู้อำนวยการเขตเป็ญาติสนิทของเขา ตอนนี้ก็คงจะไม่ใช่แค่โทรศัพท์มาหาเฉยๆ
“เื่นี้ … คุณเจียง ผม … ผมสำนึกผิดแล้ว ภรรยาของผมไม่ประสีประสา ลูกชายก็เป็เด็กสารเลว สร้างความเดือดร้อนให้คุณแล้ว คุณวางใจ ผมจะไปทันที สำหรับเื่ของคุณหลานสาว ผมสัญญาว่าพรุ่งนี้ลูกชายผมจะย้ายโรงเรียน ต่อไปก็จะไม่รบกวนคุณหลานสาวอีก … ”
ผู้อำนวยกู้ทั้งเช็ดเหงื่อทั้งก้มหน้าโค้งตัวพูด
ทำให้หัวหน้าปี้ที่เพิ่งจะลุกขึ้นมา ต้องนั่งก้นทิ่มลงไปอีก และมองเจียงไป๋ด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกใ
เด็กสาวที่สะสวยอย่างจู้ซินซิน หัวหน้าปี้จะไม่รู้จักได้อย่างไร แน่นอนว่าก็รู้ถึงสถานการณ์ในครอบครัวของจู้ซินซิน ดังนั้นเมื่อครู่จึงกล้าถือตัวอย่างมั่นใจ
แต่ตอนนี้ เจียงไป๋แค่โทรศัพท์ไปกริ๊งเดียว แม้แต่ผู้อำนวยการกู้ก็พยักหน้าโค้งตัว และยอมจำนนในที่สุด ทำให้เขารู้สึกว่าวันสิ้นโลกของตนเองกำลังจะมาถึงแล้ว แค่ฉับพลันก็มีอาการฟ้าหมุน คิดไม่ถึงว่าจะลุกไม่ขึ้นแล้ว
“หวอ!!!”
เวลานี้เสียงไซเรนแว่วมา รถตำรวจคันหนึ่งขับมาถึงหลังจากที่อีกฝ่ายแจ้งความไปแค่สองสามนาที
แต่ตำรวจสองสามคนที่เพิ่งลงมาจากรถ เหมือนจะได้รับสายอะไร และก็หันหลังจากไปทันที แม้แต่ประตูใหญ่ของโรงเรียนก็ยังไม่ได้เข้ามา
ทางด้านโทรศัพท์มือถือของคุณนายกู้ก็ดังขึ้นอีก “ฉันว่าเธอหาเื่เดือดร้อนอะไรให้ฉัน! ต่อไปเื่ของเธอก็จัดการเอง อย่ามาหาฉันอีก เธอบอกพี่ชายฉัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่ช่วย คนของอีกฝ่ายพวกเราแหย่ไม่ได้จริงๆ! รีบขอโทษเถอะ! ไม่อย่างนั้นฉันจะพาคนไปจับตัวพวกเธอเอง ถึงเวลานั้นก็อย่ามาว่าฉันไม่เห็นแก่ความเป็พี่เป็น้องล่ะ”
คนที่พูดแน่นอนว่าคือน้องชายของผู้อำนวยการกู้คนนั้น คนที่อยู่ในสถานีตำรวจ เห็นได้ชัดว่าหวางเป้าเพิ่งจะทำอะไรไปนิดหน่อย ไม่ใช่แค่ติดต่อรองนายกเทศมนตรีระดับสูงท่านหนึ่ง แต่ยังติดต่อคนอื่นๆ อีก ทำให้อีกฝ่ายยังไม่ทันได้มาก็ถอยกลับไปแล้ว!
“เื่นี้ … นี้ … ”
คุณนายคนนั้นพูดไม่ออกอีก ฉับพลันก็ตะลึงงันอยู่ตรงนั้น และไม่พูดอยู่นาน เธอยืนมองเจียงไป๋อย่างตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ในสายตานอกจากอาการเหลือเชื่อแล้ว ก็ยิ่งเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่
ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มที่อายุยี่สิบกว่าคนหนึ่งจะมีความสามารถมากมายอย่างนี้ได้ แค่โทรศัพท์ไปกริ๊งเดียว ก็ทำให้สามีที่ตำแหน่งสูงไม่เบาต้องก้มหน้าโค้งตัวให้ คุณอาที่ปกติให้ความเคารพตัวเองมากคนนั้น เวลานี้ก็เกือบจะแตกคอกับตนเองแล้วหรือ?
“ไปเถอะ ไปกันเถอะ ต่อไปหัดสั่งสอนลูกชายเธอให้ดี”
สำหรับคนประเภทนี้แล้ว เจียงไป๋ี้เีจะสนใจ เขาโบกมือและพูดอย่างทนไม่ไหว
ผู้อำนวยการกู้รีบลากภรรยาและลูกชายของตัวเองออกไปราวกับได้รับการยกโทษ และก็ไม่พูดอะไรอย่างอื่นอีก
หัวหน้าปี้ก็แอบหนีตามไปด้วยแล้ว เขาไม่มีความเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย
ในห้องเหลือแค่หวางหยางและพ่อของเขา รวมทั้งซูเหมย ยังมีจู้ซินซินกับเซียวหลานหลาน แต่ละคนมองหน้ากัน และไม่พูดอะไรอยู่นาน
“แบบนั้น … เื่นี้ก็ชัดเจนแล้ว คุณพาหวางหยางกลับไปก่อนเถอะค่ะ กลับไปพิจารณาตัวเองที่บ้านสักหน่อย ตั้งใจเขียนหนังสือพิจารณาตัวเอง แล้วค่อยมาโรงเรียน”
สักพักซูเหมยก็กระแอมเล็กน้อย และพูดกับพ่อของหวางหยาง น้ำเสียงเธอสุภาพอ่อนโยน ไม่ได้โหดเกินไป
อีกฝ่ายรีบรับปากแล้วออกไป
หลังจากที่พวกเขาไปแล้ว จู้ซินซินกับเซียวหลานหลานก็ถูกไล่ให้กลับห้องเรียนไปแล้ว
“นายบอกว่านายเป็พวกสังคมมืดไม่ใช่หรือ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเหมือนพวกคุณชายล่ะ? เป็คุณชายของครอบครัวผู้นำคนไหน? แค่กริ๊งเดียวก็ทำให้รองผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาเขตเซี่ยตงของพวกเราใจนหนีไปแล้ว? นี่ก็ไม่ใช่เื่ที่พวกผู้มีอิทธิพลมืดจะทำได้”
ซูเหมยมองเจียงไป๋พลางพูดอย่างหยอกล้อ ในน้ำเสียงมีการเยาะเย้ย
“ได้สิ ได้สิ ผมยอมรับผมไม่ใช่พวกอิทธิพลมืดอะไร ผมเป็นักธุรกิจ ธุรกิจก็ถือว่าทำได้ไม่เลว ดังนั้นจึงรู้จักเพื่อนไม่น้อย เื่เมื่อครู่ เป็เพื่อนคนหนึ่งช่วยจัดการให้ เขาเก่งกว่าผมมาก คุณก็เห็นแล้วว่าแค่กริ๊งเดียวก็จัดการปัญหาได้ ผมก็แค่แอบอ้างบารมีเพื่อนมาข่มขู่เท่านั้น … หากให้ผมจัดการเอง ก็ไม่มีความสามารถอย่างนั้นหรอก”
เจียงไป๋หัวเราะพลางตอบกลับ และไม่พูดพล่ามทำเพลงอีก เขาพูดอย่างจริงจัง บอกว่าตนเองเป็นักธุรกิจ
“ความสามารถของเพื่อนนายนี่ไม่เบาจริงๆ สามีฉันรู้จักน้องชายของผู้อำนวยการกู้คนนี้ ในสถานีตำรวจเทียนตูก็เป็คนใหญ่คนโตมีชื่อเสียง เป็ถึงผู้กองของหน่วยรักษาความสงบ แค่ก้าวเดียวก็จะก้าวไปเป็บุคคลระดับเมืองแล้ว อีกสองปีคนที่จะถูกเลือกเป็รองผู้อำนวยการก็มีเขา แม้แต่เขาก็ใกลัวนายเพราะแค่กริ๊งเดียว ไม่รู้จริงๆ ว่าเพื่อนคนนั้นของนายเป็ใครกันแน่!”
ซูเหมยกระตุกคิ้วพลางพูดอย่างลังเล ดวงตาที่ใสแวววาวนั้นเต็มไปด้วยความแปลกใจ
เมื่อครู่เธอไม่พูด ก็ไม่ได้แปลว่าเธอไม่รู้อะไรทั้งนั้น
จริงๆ แล้ว สำหรับผู้อำนวยการกู้คนนั้น เธอเข้าใจลึกซึ้งกว่าเจียงไป๋
ก็เพราะเข้าใจ จึงรู้ว่าน้องชายของเขาคนนั้นมีความสามารถมากมายแค่ไหน แต่คนอย่างนี้ กลับถูกเจียงไป๋แค่กริ๊งเดียวจัดการเสียอยู่หมัด ทำให้ซูเหมยอดแปลกใจไม่ได้
“ดูแล้ว ตำแหน่งของสามีคุณก็ไม่ได้ต่ำต้อย ทำอะไร? ชื่ออะไร?”
เจียงไป๋หัวเราะ เขาเข้าไปใกล้ๆ เธอ มือข้างหนึ่งลูบไล้บนใบหน้าของเธอ
“นายถามอย่างนี้ทำไม?”
ซูเหมยปัดมือที่ไม่สงบเสงี่ยมของเจียงไป๋ออกอย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นก็เขม่นตาใส่เจียงไป๋
“พวกเราสองคนก็แค่ญาติพี่น้องห่างๆ เป็ธรรมดาที่ผมจะถามถึงเขา เผื่ออนาคตเจอกันแล้วไม่รู้จัก แบบนั้นก็แย่มาก?”
เจียงไป๋พูดอย่างหน้าไม่อาย
หากเป็เมื่อก่อน เขาจะไม่พูดอย่างนี้เด็ดขาด แต่ผ่านตอนเย็นของเมื่อวานไปแล้ว ความสัมพันธ์ของเขากับซูเหมยก็สนิทกันขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นจึงเริ่มล้อเล่นกันเป็ส่วนตัวแล้ว
“นายนี่มันคนเลวหน้าไม่อาย! เมื่อก่อนทำไมฉันถึงมองไม่ออกว่านายเป็คนอย่างนี้! รีบไปให้พ้น!”
ซูเหมยได้ยินคำนี้แล้วก็หน้าแดง และพูดกับเจียงไป๋อย่างโมโห
ในระหว่างที่พูด ยังยื่นเท้าของตัวเองออกมาเตะขาของเจียงไป๋ แต่ไม่ได้ออกแรง ดูแล้วเหมือนจะจีบกันอยู่ จนทำให้ใครๆ ก็ผุดความคิดขึ้นมามากมายอย่างไม่หยุด
“ฮ่าๆ … แบบนั้นก็ได้ ผมไป! ต่อไปคุณก็อย่ามาหาผมอีกล่ะ!”
“รีบไปให้พ้น!”
“หากคุณยังไม่ท้อง ยังจะมาหาผมอีกไหม?”
“หากฉันจะไปหาใครก็คงจะไม่ไปหาอันธพาลอย่างนายหรอก! ครั้งหน้าฉันจะไปหาชายแก่ๆ มาประชดนาย ฉัน!”
ในระหว่างการหยอกเย้าของเจียงไป๋ ซูเหมยสวนกลับอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
สองสามนาทีต่อมา ซูเหมยที่ทนเจียงไป๋ไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอจึงผลักคนหน้าไม่อายออกไปจากประตู หลังจากนั้นก็ปิดประตูห้องทำงานอย่างไม่ลังเล
ทำให้เจียงไป๋หัวเราะยกใหญ่ แล้วก็เดินจากไปท่ามกลางสายตาที่แปลกประหลาดของนักเรียนสองสามคน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้