หลงเซี่ยวหนานได้ยินว่ามู่จื่อหลิงจะไม่มาเปลี่ยนยาให้เขาอีก ในใจก็มีความผิดหวังระลอกหนึ่งโดยพลัน ทว่าสงบลงอย่างรวดเร็ว
เขาพยักหน้า กล่าวด้วยความอ่อนโยนนอบน้อม “สิ่งเหล่านี้ข้าจะจัดการให้ท่านหมอมาทำ ในเมื่อพี่สะใภ้สามมีธุระ เช่นนั้นข้าก็ไม่รั้งไว้ หวังว่าครั้งหน้าจะมีโอกาสได้ขอบคุณพี่สะใภ้สามดีๆ”
มู่จื่อหลิงในยามนี้วุ่นวายกับการเก็บข้าวของ มิได้สนใจวาจาของหลงเซี่ยวหนานเท่าใดนัก โบกมืออย่างใจกว้าง กล่าว “ไม่ต้องแล้ว ฉีอ๋องให้ค่ารักษาข้ามาไม่น้อย มิจำเป็ต้องขอบคุณอีก”
หลงเซี่ยวหนานและหลงเซี่ยวเจ๋อได้ยินคำพูดนี้ก็สบตากันแล้วชะงักไป ถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจพร้อมกันว่า “ค่ารักษาอันใด?”
พี่สามกับพี่สะใภ้สามมิใช่สามีภรรยาหรือ เหตุใดยังต้องคิดค่ารักษาด้วยเล่า?
พี่สะใภ้สามขาดเงินมากหรือ? ต่อให้พี่สะใภ้สามขาดเงินก็ไปขอพี่สามได้เลยนี่นา พี่สามต้องให้อย่างแน่นอน เหตุใดนางต้องใช้วิธีนี้มาหาเงิน
มู่จื่อหลิงไม่สนใจความหมายของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย คิดว่าพวกเขารังเกียจที่ตนเองละโมบในเงินทอง จึงอธิบายตามใจคิด
“หมอมิใช่พระโพธิสัตว์ ประกอบอาชีพเป็หมอรักษาคนย่อมเพื่อเงิน ฉีอ๋องให้ข้ารักษาองค์ชายห้า ข้าไปคิดเงินกับเขาก็ไม่เกินไปกระมัง”
คำพูดของมู่จื่อหลิงทำให้สองคนชะงักงันไปแล้ว นี่ล้วนเป็สิ่งใดกับสิ่งใด พี่สามกับพี่สะใภ้สามตอนนี้มีความสัมพันธ์ใดต่อกัน ยามนี้พวกเขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
มู่จื่อหลิงเก็บข้าวของเรียบร้อย นำล่วมยาสะพายไว้บนหลัง ไม่สนใจคนปัญญาอ่อนทั้งสองคน กล่าวโดยไม่เสียเวลาครุ่นคิดว่า “เอาเถิด ข้าไปแล้ว”
เห็นมู่จื่อหลิง้าไป หลงเซี่ยวเจ๋อจึงได้สติคืนมา พูดอย่างรีบร้อนว่า “รอก่อน พี่สะใภ้สาม ข้าไปกับท่านด้วย”
มู่จื่อหลิงมิได้ปฏิเสธ เตรียมจะจากไปพร้อมหลงเซี่ยวเจ๋อ กลับถูกเงาคนผู้หนึ่งขวางเอาไว้เสียก่อน
“เหตุใดเปิ่นหวงจื่อเพิ่งมาถึง พวกเ้าก็จะไปแล้วเล่า” หลงเซี่ยวหลีก้าวเข้ามาอย่างหยิ่งผยอง
ชั่วขณะที่หลงเซี่ยวหลีเห็นมู่จื่อหลิงนั้น สายตาก็ฉายแววตื่นตะลึง ไม่คิดเลยว่าคุณหนูใหญ่ที่เป็กระสอบฟางแห่งจวนจงอี้โหวจะเป็สาวงามล่มเมืองเพียงนี้
เหตุใดเมื่อก่อนเขาจึงไม่รู้เลย แต่ตอนที่เขามาก็ได้ยินว่าคนงามผู้นี้มิใช่กระสอบฟางอะไรนั่น มีวิชาแพทย์ แล้วยังยอดเยี่ยมยิ่งนัก
สตรีผู้นี้ยังรักษาโรคทางสมองที่ทรมานของหลงเซี่ยวหนานมานานปีได้ ไทเฮาชราผู้นั้นถึงกับยกคนยอดเยี่ยมเช่นนี้ให้แต่งกับหลงเซี่ยวอวี่ ช่างเสียของจริงๆ
หลงเซี่ยวเจ๋อเห็นหลงเซี่ยวหลี จึงกล่าวตักเตือนอยู่ข้างมู่จื่อหลิง “เขาคือองค์ชายใหญ่ พี่สะใภ้สามระวังตัวด้วย”
มู่จื่อหลิงได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้หลงเซี่ยวเจ๋อเคยพูดกับนางว่าคนผู้นี้คือโอรสของฮองเฮา
คนผู้นี้โเี้อำมหิต ซ่อนคมมีดไว้ภายใต้รอยยิ้มแย้ม ทั้งยังเ้าชู้ประตูดิน ยามปกติมักอาศัยยศตำแหน่งตนเอง บังคับฝืนใจหญิงสาวชาวบ้านอย่างไม่เกรงกลัวโดยสิ้นเชิง ส่วนในจวนนั้นมีสนมเป็พรวน เทียบได้กับวังหลังอันมากมายของฮ่องเต้
ยามนี้อยากไปก็ไปไม่ได้แล้ว เพียงมองแวบแรกก็รู้ว่าเป็ผู้ที่รับมือยากนัก
ไม่รอให้พวกมู่จื่อหลิงเอ่ยปาก หลงเซี่ยวหลีก็เดินไปใกล้มู่จื่อหลิงอย่างว่องไว จ้องดวงตาที่ทอประกายของนาง กล่าวอย่างเ้าชู้ “อ้าว! ที่แท้ก็เป็น้องสะใภ้สามนี่เอง มีน้ำมีนวลถึงเพียงนี้ มานี่ ให้พี่ใหญ่ดูให้ชัดๆ หน่อยเร็ว”
เขาพูดพลางยื่นมือมาจะเชยคางบอบบางของมู่จื่อหลิง
ในใจมู่จื่อหลิงบังเกิดความขยะแขยง ทำท่าจะหลบออก แต่หลงเซี่ยวเจ๋อก็โผล่มาตรงหน้านางในชั่วพริบตา ปัดมือปลาหมึกที่ยื่นมาทางนาง
เขายิ้มอย่างเ้าเล่ห์ “ที่แท้ก็เป็เสด็จพี่ใหญ่ ไม่พบกันนาน”
หลงเซี่ยวหลีถึงกับกล้ายื่นมือมาหาพี่สะใภ้สาม ทั้งยังต้องตาพี่สะใภ้สาม ท่าจะเบื่อหน่ายการมีชีวิตอยู่
ยามนี้หลงเซี่ยวหนานเองก็เดินเข้ามาเช่นกัน โค้งคำนับหลงเซี่ยวหลีน้อยๆ “เสด็จพี่ใหญ่ ไม่มีธุระไม่มาอุโบสถ มิทราบว่าวันนี้มาด้วยเื่อันใด”
เขาเองก็เห็นสายตาที่หลงเซี่ยวหลีใช้มองมู่จื่อหลิง เขานั้นย่อมรู้สันดานของหลงเซี่ยวหลีอยู่แล้ว จึงรู้สึกเป็ห่วงมู่จื่อหลิงขึ้นมา
หลงเซี่ยวหลีได้ยินวาจานี้ ในดวงตาก็ทอประกายเหยียดหยาม กล่าวอย่างถือดี “ทำไม ไม่มีเื่ก็ไม่ต้อนรับเปิ่นหวงจื่อหรือ?”
“ที่ใดกัน เสด็จพี่ใหญ่เสด็จมา ข้าย่อมต้อนรับยิ่งนัก เพียงแต่ร่างกายของข้ามิใคร่สบาย จึงไม่สะดวกทักทาย” สีหน้าของหลงเซี่ยวหนานยังคงอ่อนโยนเช่นเดิม ไม่ได้ถูกรัศมีของหลงเซี่ยวหลีกดข่มเลยแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าหลงเซี่ยวหลีมิใช่ผู้ที่ควรจะยั่วโทสะ แต่ยามนี้เขาคิดเพียงแค่ต้องทำให้พวกมู่จื่อหลิงออกไปโดยราบรื่น
“หึ! เปิ่นหวงจื่อมาทักทายน้องสะใภ้สามมิได้หรือ?” หลงเซี่ยวหลีแค่นเสียงเย็น
เขาได้ยินไทเฮาพูดว่าฉีหวางเฟยที่เพิ่งแต่งให้หลงเซี่ยวอวี่นั้นไม่ง่ายดาย วันนี้นางจะเข้าวังมาเปลี่ยนยาให้หลงเซี่ยวหนาน เขาจึงมาพบด้วยความสงสัยใคร่รู้
นึกไม่ถึงว่าจะแตกต่างจากที่เขาคิดจริงๆ ไม่เพียงงามล่มแคว้นล่มเมือง อีกทั้งแต่งเข้ามาไม่นานยังเอาชนะใจผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้หลงเซี่ยวหนานและหลงเซี่ยวเจ๋อปกป้องนางปานนี้
สาวงามเฉลียวฉลาดเช่นนี้! มิได้มาคงรู้สึกผิดต่อตนเองแล้ว
“ได้ จะมิได้ได้อย่างไร” หลงเซี่ยวเจ๋อยังคงมีท่าทางกวนประสาท รอยยิ้มไร้เดียงสา
ยามที่พูดนั้น ฝีเท้าเองก็มิได้ขยับแม้ครึ่งก้าว ยังคงบังมู่จื่อหลิงไว้ด้านหลังอย่างมุ่งมั่น
มู่จื่อหลิงที่อยู่ด้านหลังเขาซาบซึ้งขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าหลงเซี่ยวเจ๋อจะปกป้องนางเช่นนี้
ทว่านางมิอาจหลบอยู่ด้านหลังเป็ผู้สังเกตการณ์ได้ แม้ลำดับาุโของนางจะต่ำกว่าหลงเซี่ยวหลี แต่ฐานะของนางสูงกว่าหลงเซี่ยวหลีหนึ่งขั้นใหญ่!
นางไม่เชื่อว่านางจะจัดการเขาไม่ได้ ต่อให้นางเป็คนธรรมดาสามัญนางก็ไม่เกรงกลัว
มู่จื่อหลิงตบหลังของหลงเซี่ยวเจ๋อเบาๆ แสดงท่าทางให้เขาหลีกทาง ทว่าหลงเซี่ยวเจ๋อกลับมิขยับเขยื้อน นางจึงได้แต่ออกมาเองอย่างจนปัญญา
“พี่สะใภ้สาม” หลงเซี่ยวเจ๋อร้องเรียกอย่างเป็กังวล มู่จื่อหลิงเหลือบมองเขา แสดงท่าทางว่าไม่เป็ไร
มู่จื่อหลิงมองเมินสายตาโลมเลียของหลงเซี่ยวหลี กล่าวอย่างคลุมเครือ “ที่แท้ก็เป็องค์ชายใหญ่ ได้ยินชื่อเสียงมิสู้พบหน้าจริงๆ”
หลงเซี่ยวหลีผู้นี้ถึงกับกล้าจ้องตนด้วยสายตาโลมเลียอย่างไร้ยางอาย
ก่อนหน้านี้ได้ยินหลงเซี่ยวเจ๋อพูดเกี่ยวกับเื่ชั่วร้ายของเขา ยามนี้ได้พบคนตัวเป็ๆ ทำเสียนางยังมิกล้าเยินยอเลย
หน้าตาท่าทางก็เหมือนมนุษย์ แต่การกระทำวาจากลับเป็สุนัขในร่างมนุษย์
“ที่แท้น้องสะใภ้สามก็แอบทำความเข้าใจเปิ่นหวงจื่ออย่างเงียบๆ สามารถได้รับความสนใจจากคนงามเช่นนี้ ช่างเป็ความโชคดีทั้งสามชาติสามภพของเปิ่นหวงจื่อนัก ตายก็มิเสียดาย”
หลงเซี่ยวหลีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พูดออกมาอย่างหน้าด้านหน้าทน ไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งในวาจาของมู่จื่อหลิงอย่างสิ้นเชิง
มู่จื่อหลิงถูกวาจานี้ทำให้สะอิดสะเอียนนัก
ความโชคดีทั้งสามชาติสามภพ? ตายก็ไม่เสียดาย?
เช่นนั้นเ้าไม่ไปตายเสียเล่า นางเคยพบคนหลงตัวเองมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นผู้ใดหลงตัวเองเช่นหลงเซี่ยวหลีมาก่อน ดูท่าหลงเซี่ยวหลีจะรับมือได้ยากกว่าที่นางคิดไว้เสียแล้ว
นางยิ้มบางๆ อย่างเยือกเย็น “ยามเดินเล่นตามถนน เปิ่นหวางเฟยได้ยินเหล่าขอทานตามหัวมุมถนนประกาศ ‘คุณงามความดี’ ขององค์ชายใหญ่อย่างโจ่งแจ้งโดยมิได้ตั้งใจเข้า ดูท่าชื่อเสียงขององค์ชายใหญ่คงดังกึกก้องจริงๆ เปิ่นหวางเฟยถึงเลื่อมใสซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ความหมายของวาจามู่จื่อหลิงก็คือผู้ที่ให้ความสนใจเขาเป็ขอทานตามหัวมุมถนนต่างหาก เื่ลับลมคมในที่เขาทำเ่าั้เป็ที่รู้กันไปทั่วแล้ว!
ั้แ่เชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ตลอดจนขอทานตามมุมถนนไม่มีผู้ใดไม่รับรู้เื่ฉาวโฉ่ที่เขากระทำ ได้รับความสนใจจากนางเป็ความโชคดีทั้งสามชาติสามภพ เช่นนั้นได้รับความสนใจจากขอทานก็เป็ความโชคดีทั้งสามชาติสามภพเหมือนกัน
หลงเซี่ยวเจ๋อได้ยินคำพูดนี้ ก็เริ่มกลั้นหัวเราะ ความเป็ห่วงเมื่อครู่เกินความจำเป็โดยสิ้นเชิง!
เขาล่ะต้องเลื่อมใสในคารมคมคายของพี่สะใภ้สามอีกครั้งแล้ว
นกตอนไม่ร้องก็ช่างเถิด พอร้องขึ้นมาทำให้ผู้คนตกตะลึงไปตามๆ กัน!
พี่สะใภ้สามด่าผู้อื่นอย่างอ้อมๆ โดยไม่มีคำหยาบเลย เขาคิดว่าพี่สะใภ้สามร้ายกาจเช่นนี้ เสด็จพี่ใหญ่ต้องเอารัดเอาเปรียบอันใดมิได้แน่ เขาก็รอดูละครน้ำดีแล้วกัน
ใบหน้าของหลงเซี่ยวหนานกลับเต็มไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นั์ตาก็ทอประกายชื่นชม ทำให้เขาต้องมองมู่จื่อหลิงให้มากขึ้นอีกหน่อย
ยามนี้นางเผชิญอันตรายอย่างไม่กริ่งเกรง ในทุกๆ คำแม้จะเป็การประชดประชัน ทว่ากลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายสูงศักดิ์ ทำให้ผู้อื่นหาข้อบกพร่องไม่เจอ
สตรีเช่นนี้ราวกับว่าไปที่ใดกายก็ล้วนเปล่งประกายราศีสูงศักดิ์ที่มิอาจล่วงเกินได้
แต่ดูเหมือนว่าหลงเซี่ยวหลีจะไม่ถูกวาจาของมู่จื่อหลิงทิ่มแทงเลยแม้แต่น้อย เขาหัวเราะอย่างเหิมเกริมกล่าว “ฮ่าๆ กล่าวเช่นนี้ วันหน้าชื่อเสียงของเปิ่นหวงจื่อคงเลื่องลือไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ิเยว่เป็แน่”
คิดไม่ถึงว่าสตรีผู้นี้จะวาจาคมคายเช่นนี้ กล้านำขอทานโสโครกมาทำให้ตนเองอับอายขายขี้หน้า กล่าวว่าตนเองนั้นชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่ว
มู่จื่อหลิงก่นด่ากับตนเองเงียบๆ คนไม่มียางอาย ใต้หล้าไม่มีผู้ต่อต้านได้จริงๆ
หนังหน้าของหลงเซี่ยวหลีผู้นี้หนาเสียจนไร้ยารักษา ล้วนเป็เช่นนี้แล้วยังกำเริบเสิบสานได้อยู่อีก สมแล้วที่เป็โอรสที่ฮองเฮาให้กำเนิด คล้ายคลึงกันยิ่งนัก หน้าเนื้อใจเสือเหมือนกันไม่มีผิด
มู่จื่อหลิงนิ่งสงบ แย้มยิ้มกล่าว “เปิ่นหวางเฟยเองก็จะเฝ้ารอคอยให้องค์ชายใหญ่สร้างคุณูปการเช่นนี้ได้อีก จากนั้นมีชื่อเสียงเลื่องระบือไปทั่วแผ่นดินใหญ่ิเยว่ เป็ที่รู้จักไปพันปี”
ดีที่สุดคือให้คนทั้งใต้หล้ารังเกียจเดียดฉันท์ ชื่อเสียงฉาวโฉ่ระบือไกล โด่งดังไปอีกพันปี!
ั์ตาหลงเซี่ยวหลีทอประกายอย่างจองหองก่อนจะหายวับไป ยิ้มอย่างอวดดี กล่าว “พูดได้ดีๆ สามารถได้รับความคาดหวังจากน้องสะใภ้สามเช่นนี้ เปิ่นหวงจื่อมิทำให้ผิดหวังเป็แน่ หวังว่าน้องสะใภ้สามจะมาร่วมแบ่งปันเกียรติยศนี้กับเปิ่นหวงจื่อในอนาคตอันใกล้”
หญิงสมควรตายผู้นี้ร้ายกาจจริงๆ!
มู่จื่อหลิง รอวันใดที่เ้าตกอยู่ในกำมือของเปิ่นหวงจื่อ จะต้องให้เ้าได้ลิ้มลองรสชาติของการอยากตายก็ตายมิได้จนต้องร้องขอความกรุณาจากเปิ่นหวงจื่อ
มู่จื่อหลิงยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เช่นนั้นเปิ่นหวางเฟยก็จะตั้งตารอคอย เปิ่นหวางเฟยยังมีธุระต้องจัดการ ไม่อยู่เป็เพื่อนแล้ว”
มู่จื่อหลิงกล่าวจบก็มิรอให้หลงเซี่ยวหลีเอ่ยปาก เดินออกไปโดยไม่หันกลับมา ขณะที่เดินผ่านข้างกายหลงเซี่ยวหลี นางก็มิลืมโปรยผงยาที่มิอาจมองเห็นด้วยตาเปล่า
หลงเซี่ยวเจ๋อเห็นมู่จื่อหลิงเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ก็วิ่งติดตามไปข้างหลังนาง
น้ำเสียงดื้อดึงไม่เลิกราของหลงเซี่ยวหลีก็ดังมาจากด้านหลัง “วันนี้ได้พูดคุยกับน้องสะใภ้สามรู้สึกชื่นชอบนัก เปิ่นหวงจื่อจะเฝ้ารอการพบกับน้องสะใภ้สามในครั้งต่อไป”
มู่จื่อหลิง เชื่อเถิดว่าพวกเราจะได้พบกันอีกในเร็ววัน!
มู่จื่อหลิงได้ยินวาจานี้ก็มิได้ชะงักฝีเท้า เดินต่อไปอย่างสบายอกสบายใจ
พบกันอีก? เช่นนั้นก็ต้องมาดูกันว่าเ้ามี ‘คุณสมบัติ’ นั้นหรือไม่
หลงเซี่ยวหนานเห็นหลงเซี่ยวหลีถูกมู่จื่อหลิงยั่วโทสะจนมีสีหน้าเหี้ยมโหด อารมณ์เขาก็ไม่เลวเลย ยังมิวายกล่าวกับหลงเซี่ยวหลีด้วยความปรารถนาดีว่า
“ยากนักที่เสด็จพี่ใหญ่จะอารมณ์ดีเพียงนี้ มิสู้ข้าสั่งให้ห้องเครื่องจัดเตรียมเหล้าและอาหารมาเฉลิมฉลองเสียหน่อย”
ตัวละครเอกไปเสียแล้ว หลงเซี่ยวหลีจึงไม่มีความคิดที่จะอยู่ต่อไป
“หึ” เขาแค่นเสียงเย็น สะบัดแขนเสื้อจากไป
-
ตำหนักคุนหนิง
“หวงเอ๋อร์ ไปพบฉีหวางเฟยมา เป็อย่างไร?” ฮองเฮาประทับอยู่บนบัลลังก์อย่างสูงศักดิ์สง่างาม ถามหลงเซี่ยวหลีที่กลับมาจากตำหนักหนานเหอด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความมืดมน
หลงเซี่ยวหลีเก็บงำสีหน้ามืดมน กล่าวเจือแววลึกซึ้งว่า “เป็ตัวละครที่ดุร้ายจริงๆ เสียด้วย เปิ่นหวงจื่อชื่นชอบนัก”
ฮองเฮาเห็นหลงเซี่ยวหลีในยามนี้ต่างไปจากเวลาปกติเล็กน้อย ก็กล่าวเตือน “หวงเอ๋อร์ การใหญ่ต้องเคร่งครัด เล่นๆ เป็พอ อย่าได้ให้สตรีล่อลวงจิตใจ”
หลงเซี่ยวหลีแย้มยิ้มอย่างทรงเสน่ห์ “เสด็จแม่วางใจ เปิ่นหวงจื่อมีขอบเขต” เขามิเพียงจะเล่นเท่านั้น แต่ยังจะเล่นเป็อย่างดี
ชีวิตนี้เขาผ่านสตรีมานับไม่ถ้วน แต่สตรีที่ฉลาดเฉลียวเช่นนี้เขาไม่เคยพบมาก่อน หากเขาสามารถใช้งานได้ วันหน้าต้องช่วยให้เขาบรรลุการใหญ่เป็แน่
ฮองเฮายิ้มอย่างรู้ทัน “เช่นนั้นก็ดี หากวันใดกลายมาเป็ภัยคุกคาม ก็...”ฮองเฮามิได้พูดต่อไป และทำท่าทางลูบคอ
หลงเซี่ยวหลีเห็นแล้วทว่าไม่ว่าอะไร ราวกับว่าในใจมีกิ่งไผ่ [1] แสดงท่าทีมุ่งมาดปรารถนา!
--------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ในใจมีกิ่งไผ่ แปลว่าการเตรียมพร้อมจิตใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้