ฮวาเหยียนอุ้มเสี่ยวไป๋ไว้ในอ้อมแขน มือเรียวนั้นสางขนบนตัวเสี่ยวไป๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสี่ยวไป๋เองก็รู้สึกสบายมากจนหรี่ดวงตาลง ฮวาเหยียนมองดูฉู่รั่วหลานด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าคำพูดที่นางเอ่ยออกมานั้นกลับเ็าเป็อย่างยิ่ง
ฉู่รั่วหลานกำหมัดแน่น นางหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับอารมณ์โทสะของตนเองมิให้ะเิออกมา "ข้า ขอ โทษ"
ใบหน้าที่กลมแบนเปลี่ยนเป็สีแดงคล้ำราวกับตับของหมู
ท่าทางนั้น ช่าง ‘ดูดี’ เสียจริง กล้ามเนื้อที่มุมปากเองก็กระตุกแล้วเช่นกัน
เหล่าผู้ชมในหออู๋ิล้วนพากันชมละครเื่นี้อย่างเบิกบานใจ เมื่อเห็นสตรีหน้ากลมเอ่ยคำขอโทษอย่างไม่เต็มใจ ไม่รู้ว่าผู้ใดเป็คนเริ่มนำการปรบมือ แต่เพียงครู่เดียวภายในหออู๋ิก็มีเสียงปรบมือดังกึกก้อง
“พี่หญิงมู่ ท่านยอมรับหรือไม่? ”
ฮวาเหยียนหันไปหามู่เฉิงอิน เปล่งเสียงถามออกมาเสียงดัง
ผ้าโปร่งคลุมหน้าสีขาวยังคงบดบังจนเลือนราง ทว่ามู่เฉิงอินกลับมองเห็นหญิงสาวตรงหน้าขยิบตาให้ พาเอาหัวใจของนางอ่อนนุ่มไปจนหมด นางอยากเปิดผ้าโปร่งคลุมหน้าของน้องหญิงเหยียนขึ้นมาจริงๆ
"ยอมรับ"
มู่เฉิงอินเปิดปากกล่าวเสียงเบา ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนยิ่ง ฮวาเหยียนที่มองดูอยู่ถึงกับหัวใจสั่นไหว
พี่สะใภ้นั้นอ่อนโยนและสง่าผ่าเผยยิ่งนัก
“ได้ ในเมื่อพี่สะใภ้… พี่หญิงมู่บอกว่านางให้อภัยแก่เ้าแล้ว เช่นนั้นเื่ราวในวันนี้ก็ถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”
ฮวาเหยียนโบกมือพร้อมกับเปิดปากพูดอย่างใจกว้าง
เมื่อครู่เกือบจะหลุดปากะโคำว่าพี่สะใภ้ออกมาแล้ว
ซ้ำยังรู้ว่าภายใต้สถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้ ฉู่รั่วหลานผู้นั้นแทบจะะเิตัวตายอยู่แล้ว
ฮวาเหยียนเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงหยุดเื่ราวทั้งหมดไว้
ฉู่รั่วหลานรู้สึกรำคาญท่าทางของฮวาเหยียน นางจ้องไปที่ฮวาเหยียนและมู่เฉิงอินด้วยความเคียดแค้นชิงชัง หญิงสาวพ่นลมหายใจเ็าใส่สาวรับใช้ที่หดตัวอยู่ข้างหลังเป็เวลานาน ก่อนจะหมุนกายหันหลังกลับและเดินออกจากหออู๋ิไป เงาร่างทั้งสองร่างนั้นรีบรุดเดินออกไปอย่างรวดเร็วราวกับมีผีไล่ตามหลังอย่างไรอย่างนั้น
...
หลังจากที่นางออกหน้าโกรธเคืองแทนมู่เฉิงอินแล้ว ในที่สุดฮวาเหยียนก็หันกลับมาเพื่อจัดการกับกองหญ้าิญญาลึกลับของนางต่อ
ทุกคนเก็บสายตากลับมา เื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มีการเปลี่ยนเพลงประกอบฉากแล้ว พวกเขาทุกคนล้วนมองตามการเคลื่อนไหวของนาง ในขณะเดียวกันก็จ้องมองไปยังหญ้าิญญาลึกลับ ทันใดนั้นบรรยากาศพลันเปลี่ยนเป็ร้อนแรงขึ้นมาทันที
ดวงตาของแต่ละคนนั้นลุกเป็ไฟ ราวกับว่าพวกเขากำลังจะเผาหญ้าิญญาลึกลับก็ไม่ปาน
ทว่าพวกเขากลับเห็นฮวาเหยียนหยิบถุงหอมสีชมพูขนาดเล็กจากบนโต๊ะคิดเงินส่งไปตรงหน้ามู่เฉิงอิน "พี่หญิงมู่ นี่ข้าให้ท่านเ้าค่ะ ส่วนที่เหลือข้าค่อยขายทิ้ง"
ช่างเป็คำพูดอวดดีของเศรษฐินีจริงๆ !
มู่เฉิงอิน "...! "
เหล่าผู้ชม "...! "
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้ารับเอาไว้ไม่ได้ มันมีค่ามากเกินไป”
มู่เฉิงอินใ นางจึงรีบส่ายหัวเพื่อปฏิเสธ
เมื่อเห็นว่ามู่เฉิงอินปฏิเสธ ฮวาเหยียนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "พี่หญิงมู่ นี่ท่านกำลังดูถูกข้าหรือเ้าคะ? "
มู่เฉิงอินพูดไม่ออก "...! "
ตนดูถูกนางตรงที่ใดกัน? เป็เพราะของสิ่งนี้มีราคาล้ำค่ามากเกินไป นางจะรับเอาไว้ได้อย่างไร?
เหล่าผู้ชมเฝ้ามองไปพลางกลืนน้ำลายคำใหญ่ สายตานั้นแทบจะลุกเป็ไฟ พวกเขา้ามัน พวกเขา้ามันเหลือเกิน
ในใจยิ่งสงสัยในตัวตนและฐานะของฮวาเหยียน สตรีคนนี้แท้จริงแล้วเป็ลูกเต้าเหล่าใคร เหตุใดพวกเขาถึงไม่มีสหายที่ร่ำรวยเช่นนี้บ้าง? อิจฉาแม่นางตระกูลมู่เสียจริง...
"มิใช่..."
มู่เฉิงอินส่ายหัว ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความกังวล
“พี่หญิงมู่ ได้โปรดรับไว้เถิดเ้าค่ะ นี่เป็ของขวัญพบหน้าที่น้องสาวคนนี้อยากมอบให้แก่ท่าน”
ฮวาเหยียนเอ่ย
โดยแก่นแท้อุปนิสัยของนางเป็คนดื้อรั้น หากนางยอมรับใครสักคนหนึ่งแล้ว นางก็จะทำดีกับคนคนนั้นด้วยใจจริง
ไม่ว่านางจะมองมู่เฉิงอินอย่างไรนางก็รู้สึกชอบเป็อย่างยิ่ง จนถือว่านางเป็หนึ่งในสมาชิกของตระกูลมู่อีกคนหนึ่งแล้ว หญิงสาวถือว่าตระกูลมู่เป็ครอบครัวของนาง ในภายภาคหน้ามู่เฉิงอินจะเป็พี่สะใภ้และเป็ครอบครัวของนางไปโดยปริยาย
ถุงหอมถุงเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหญ้าิญญาลึกลับ แท้จริงแล้วไม่สามารถแสดงออกถึงความสุขใจของนางได้ทั้งหมด แต่นางเกรงว่าหากมอบของที่มีค่ามากกว่านี้ให้ อีกฝ่ายอาจจะใเอาได้
“ไม่ได้ ข้ามิอาจรับมันเอาไว้ได้ หญ้าิญญาลึกลับนี้มีค่าเกินไป ข้ามิอาจรับมันเอาไว้ได้จริงๆ ”
มู่เฉิงอินใแทบตาย
ผู้มีบุญคุณต่อนางอย่างน้องหญิงเหยียนจู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็ใกล้ชิดสนิทสนม นางมอบของขวัญที่ล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่ตน นางไม่กล้ารับไว้จริงๆ
“พี่หญิงมู่ หากท่านไม่้า ถ้าอย่างนั้นน้องหญิงคงทำได้เพียงโยนทิ้งไว้ที่ริมทางแล้ว...”
เมื่อสิ้นคำ นางก็ทำท่าจะโยนของออกไปนอกประตู
“น้องหญิงเหยียน เ้า อย่า...”
มู่เฉิงอินรีบหยุดนาง น้องหญิงเหยียนคนนี้ช่างใจร้อนเสียจริง นางจะรับก็ไม่ได้ ไม่รับก็ไม่ได้
สายตาของทุกคนในหออู๋ิร้อนผ่าว เมื่อมองไปที่สตรีสองนางที่ผลักกันไปผลักกันมา พวกเขาปรารถนาจะเข้าไปยื้อแย่งกับพวกนางแทบตาย
“ข้า ถ้าอย่างนั้นข้าจะเก็บไว้ แต่... ข้าขอมอบของขวัญให้น้องหญิงเป็การตอบแทน และข้าก็ขอให้เ้าไม่ปฏิเสธข้าเช่นกัน”
มู่เฉิงอินคัดค้านฮวาเหยียนไม่ได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมรับมัน หญิงสาวยื่นนิ้วที่เรียวยาวของนางหยิบหญ้าิญญาลึกลับขึ้นมาวางบนถาดและก่อนจะเอ่ยกับฮวาเหยียน น้ำเสียงของนางเองก็เปี่ยมด้วยความหัวแข็งเช่นกัน
ฮวาเหยียนเห็นความดื้อรั้นของมู่เฉิงอินก็รู้ว่านี่คือขีดจำกัดของนาง นางจึงถอนหายใจและทำได้เพียงแค่พยักหน้า
"น้องหญิงเหยียน วันนี้ได้น้องหญิงช่วยชีวิตข้าเอาไว้จนได้กลายเป็สหายกัน ช่างเป็ความโชคดีของเฉิงอินเหลือเกิน ของขวัญของน้องหญิงนั้นมีค่ายิ่ง พี่หญิงคงไม่สามารถหาของในระดับที่เท่ากันมาคืนได้ ดังนั้นข้าจึงขอมอบสิ่งนี้ให้น้องหญิง"
มู่เฉิงอินยินยอมรับหญ้าิญญาลึกลับไว้ จากนั้นก็ถอดจี้ทองเล็กออกจากคอแล้วส่งให้ฮวาเหยียน “ข้าไม่มีอะไรจะมอบให้น้องสาวของข้า ั้แ่เด็กข้าได้สวมจี้ทองเล็กๆ นี้ไว้ที่คอของข้า ช่วยปกป้องข้าให้ปลอดภัย นี่คือของขวัญจากพี่สาวที่มอบให้น้องสาวของข้า”
ดวงตาของมู่เฉิงอินทอประกายแสงอ่อนโยน
จี้แม่กุญแจสีทองขนาดเล็กนี้ไม่ได้เป็ของล้ำค่ามีราคามากมายนัก ทว่าน้ำใจนั้นไม่อาจวัดได้
ฮวาเหยียนไม่ใช่คนเสแสร้ง นางมองออกว่าพี่สะใภ้คนนี้ไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น หากนางไม่รับไว้ก็เกรงว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้สึกลำบากใจ ทั้งยังจะไม่รับเอาหญ้าิญญาลึกลับที่นางมอบให้ด้วย
ดังนั้นนางจึงยอมรับแต่โดยดี
“ขอบคุณมากเ้าค่ะพี่หญิงมู่ ข้าชอบมากเลย”
เมื่อได้ยินฮวาเหยียนเอ่ยเช่นนี้ มู่เฉิงอินก็มีความสุขเป็อย่างยิ่ง
เมื่อทุกคนเห็นสองสาวเป็ทั้งผู้ให้และเป็ผู้รับมีที่น้ำใจเช่นนี้ก็ต่างพากันอิจฉาพร้อมกับเป็กังวล ถ้าอย่างนั้นหญ้าิญญาลึกลับนี้ นางจะยังขายอยู่อีกหรือไม่?
ราวกับว่านางเข้าใจความคิดวิตกกังวลในใจของทุกคน ในที่สุดฮวาเหยียนก็ลงมือทำการค้าขาย นางเคาะที่โต๊ะคิดเงินและพูดกับพนักงานตัวน้อยที่จ้องมองนางอยู่ว่า “หนุ่มน้อย เถ้าแก่ของเ้าจะมาเมื่อใด? ข้าจะเตรียมตัวคุยกับเขาเื่การค้าขาย...”
ั์ตาของชายหนุ่มผู้ถูกเอ่ยเรียกนั้นเป็ประกายขึ้นมาในทันใด ความเฉลียวฉลาดของเขาก็มิอาจปกปิดเอาไว้ได้ "แม่นาง ที่ท่านกล่าวถึงการค้าขายนั้นหมายถึง?”
ดวงตาที่เปล่งประกายและคิ้วที่สั่นเทานั้น เป็การบอกว่าเขาเป็นักแสดงอย่างไม่ต้องสงสัย
ฮวาเหยียนมองดูแล้วให้รู้สึกขบขันนัก เป็เพียงแค่พนักงาน แต่กลับรู้จักพูดรู้จักเจรจา มาตรฐานการคัดเลือกพนักงานของหออู๋ินี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
นางยังไม่ลืมว่า พนักงานตัวน้อยคนนี้ เมื่อครู่เขาพูดจายกยอฉู่รั่วหลานจนทำให้ได้รับรางวัลของกำนัลมากมาย ซึ่งเกือบเท่ากับรายได้ของคนทั่วไปในหนึ่งปี
ฮวาเหยียนเคาะโต๊ะคิดเงิน นางมิได้สร้างสถานการณ์หลอกล่อให้รับปาก แต่กลับเอ่ยออกมาตรงๆ ว่า "ข้าวางแผนที่จะขายหญ้าิญญาลึกลับทั้งหมดนี้ให้กับหออู๋ิ ดังนั้นข้าอยากจะถามเถ้าแก่ของเ้าว่าเขาสามารถให้ราคาได้เท่าไหร่"
ความคิดของฮวาเหยียนนั้นชัดเจนยิ่ง หญ้าิญญาลึกลับเหล่านี้มีค่านัก วันนี้ลูกค้าในหออู๋ิรู้ว่านางมีหญ้าิญญาลึกลับมากมาย และพวกเขาต่างก็พากันจับจ้องมองมันตาไม่กะพริบ ยากที่จะรู้ว่ามีผู้ใดที่หน้าซื่อใจคดบ้าง อันที่จริงแล้วนางสามารถแยกขายมันทีละต้นได้ แต่วิธีนั้นเป็วิธีที่เปลืองทั้งแรงและเวลาเพราะนางรีบใช้เงิน
มีอย่าง วันนี้หากนางออกจากหออู๋ิแล้ว ไม่ว่าราคาขายจะเป็เท่าใดก็เกรงว่าจะล่วงเกินหออันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าโจวเข้า
ในตัวของนางยังมีทรัพย์สมบัติอีกมาก ดังนั้นจึงจำเป็อย่างยิ่งที่จะต้องรักษาหน้าตาของหออู๋ิเอาไว้ เผื่อว่าในภายภาคหน้าจะได้ทำการค้าต่ออย่างราบรื่น
นางไม่ใช่คนประเภทที่มองหาแต่ผลประโยชน์ที่อยู่ต่อหน้าเท่านั้น ตอนนี้นางเป็หนี้ตี้หลิงหานอยู่ถึงสามล้านตำลึงและนี่ก็ไม่ใช่เงินก้อนเล็ก หากมีใครสามารถมอบเงินจำนวนนี้ได้ในคราเดียว เกรงว่าอาจต้องเป็ผู้ที่มีรากฐานมั่นคงแข็งแกร่งและคนคนนั้นก็คือผู้ริเริ่มให้กำเนิดหออู๋ินั่นเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน ดวงตาของพนักงานหนุ่มพลันเป็ประกาย
“แม่นาง โปรดรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปเรียกหลงจู้ [1] มาให้นะขอรับ”
เชิงอรรถ
[1] หลงจู้ 掌柜 หมายถึง ผู้จัดการ ผู้ควบคุมดูแลร้านค้า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้