ในที่สุด นางที่อยู่ในยุคโบราณก็กลายเป็ผู้ที่มีเคหสถานแล้ว!
เฉิงชิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
หากเป็ตอนก่อนหน้าที่จะทะลุมิติมาที่นี่ ที่ดินร้อยหมู่นี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลย พื้นที่เพาะปลูกภายในประเทศไม่อนุญาตให้ซื้อขาย แต่พื้นที่เกษตรกรรมฟาร์มปศุสัตว์ของต่างประเทศ เพียงมีเงินก็สามารถซื้อเข้ากระเป๋าได้แล้ว ปีที่นางอายุยี่สิบสี่ปีก็ได้รับของขวัญวันเกิดเป็ฟาร์มปศุสัตว์แห่งหนึ่งในบราซิล
แต่ยามนี้ไม่เหมือนกับวันวาน ตอนนี้นางไม่ใช่คุณหนูใหญ่ผู้ร่ำรวยแล้ว อีกทั้งยังต้องพึ่งมารดาและเหล่าพี่สาวเย็บปักถักร้อยหาเลี้ยงชีพและเลี้ยงดู ‘หนุ่มน้อยเฉิงชิง’ ความยากจนได้บั่นทอนเกณฑ์ความสุขของนาง เคหาสน์เล็กๆ ขนาดหนึ่งร้อยหมู่ สำหรับเฉิงชิงในยามนี้ถือว่าเป็เงินก้อนโตก้อนหนึ่ง… เมื่อคิดว่าเงินที่ซื้อเคหาสน์พร้อมที่นายังเป็ของที่ท่านย่าเลี้ยงจูคายออกมา เฉิงชิงก็ยิ่งมีความสุขแล้ว
นางขอให้นายท่านห้าเฉิงช่วยดูแลโฉนด หมายถึงนำเคหาสน์พร้อมที่นาไปฝากให้นายท่านห้าเฉิงดูแล นายท่านห้าเฉิงก็ยิ่งเห็นทางดูรื่นตาจึงตอบรับโดยไม่ได้บ่ายเบี่ยงแม่แต่น้อย
“งานเล็กน้อยพวกนี้เ้าไม่สนใจก็ดี เ้าควรจดจ่ออยู่กับการเตรียมสอบเข้ารับราชการ การสอบเข้าสถานศึกษาได้เป็เพียงแค่ขั้นพื้นฐานที่สุดเท่านั้น สำหรับตระกูลเฉิงที่เป็ตระกูลบัณฑิต ความสามารถในการเล่าเรียนก็ไม่นับว่าเป็เื่หายาก ต้องเรียนให้ประสบความสำเร็จจนเป็ที่ประจักษ์ ผู้อื่นจึงจะให้ความสำคัญแก่เ้า”
เมื่อนางฟังคำสั่งสอนของนายท่านห้าเฉิงแล้ว เฉิงชิงก็มีข้อสงสัยของตนเอง กลับมายังอำเภอหนานอี๋ได้สามเดือนกว่าแล้ว ไม่รู้ว่าคดีของเฉิงจือหย่วนมีความคืบหน้าหรือไม่
นางยังคงให้ความสนใจกับการรายงานของราชสำนัก ที่ไม่เคยกล่าวถึงคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเมืองเหอไถเลย
“ท่านปู่ขอรับ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจคนในตระกูล แต่ว่าในฐานะบุตร…”
นายท่านห้าเฉิงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ในฐานะบุตรทนมาได้ตั้งนานถึงเพียงนี้โดยไม่ถามไถ่ ก็ถือว่าเชื่อใจคนในตระกูลมากแล้ว
คดีของเฉิงจือหย่วน… นายท่านห้าเฉิงพึมพำกับตนเอง มีบางเื่ที่ไม่อาจกล่าวให้เฉิงชิงฟังได้ กลุ่มก้อนเ่าั้ในราชสำนัก ความวิตกของนายท่านหกเฉิง เด็กหนุ่มอย่างเฉิงชิงไหนเลยจะเข้าใจ?
“ปู่หกของเ้าเคยเขียนจดหมายกลับมา ใต้เท้าข้าหลวงใหญ่จางกลับเมืองหลวงไปกราบทูลรายงานต่อฝ่าาแล้ว”
อย่างที่คิด ภายในราชสำนักต้องมีคนจึงจะสามารถจัดการเื่ราวได้ดี เื่ที่ข้าหลวงใหญ่กลับเมืองหลวง ถ้าวันนี้นายท่านห้าเฉิงไม่เอ่ย เฉิงชิงก็คงสอบถามไม่ได้ข้อมูลเลยแม้แต่น้อย
นางอยู่ห่างจากศูนย์กลางอำนาจไกลเกินไปแล้ว!
เฉิงชิงมองตาปริบๆ นายท่านห้าเฉิงจึงเลือกกล่าวในสิ่งตนเองสามารถกล่าวได้ ถึงแม้ว่าใต้เท้าจางจะกลับเมืองหลวงไปกราบทูลรายงาน แต่ภายในราชสำนักยังมีขุนนางใหญ่ทรงอิทธิพลที่ยังคงมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับคดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเมืองเหอไถ ฮ่องเต้ได้แต่มองขุนนางในข้าราชสำนักปะทะริมฝีปากกัน ฎีกาที่เน่ยเก๋อ[1]ถวายขึ้นไปก็ถูกทิ้งเอาไว้ ผู้ใดก็ไม่อาจไตร่ตรองได้กระจ่างถึงความคิดของฮ่องเต้
“คดียังไม่ไต่สวน บิดาเ้ามีโทษหรือไม่อยู่นอกเหนือการตรวจสอบ พลานุภาพ์ยากคาดเดา ความหมายของปู่หกของเ้าคือนิ่งสงบมองดูความเปลี่ยนแปลง”
เฉิงชิงงงงวย
ก็แค่คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ภายในพื้นที่ถือเป็คดีใหญ่ แต่พอไปถึงในราชสำนักก็ไม่นับว่าเป็อะไรได้?
ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์เว่ยก็ยิ่งควรว่าคดีแบบนี้เป็คดีธรรมดา มีอะไรที่ไม่อาจไต่สวนได้กัน… วันนั้นที่คุ้มกันโลงศพของเฉิงจือหย่วนกลับหนานอี๋ อาสามเฉิงจือซู่ก็ปฏิเสธไม่ให้นำโลงศพเข้าบ้านเดิม ทั้งยังยกความพิโรธของโอรส์มาอ้าง ดังนั้นจึงสั่งให้ข้าหลวงใหญ่มาตรวจสอบคดีนี้
เหตุใดข้าหลวงใหญ่กลับเมืองหลวงไปกราบทูลรายงานแล้ว โอรส์กลับไม่รีบร้อน
ฟ้าร้องดังแต่ฝนกลับตกน้อย[2] เฉิงชิงรู้สึกแปลกใจมาก
นางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับราชสำนักเลย จึงได้แต่เพียงลองวิเคราะห์ดูอย่างระมัดระวัง “ท่านปู่ขอรับ หรือว่าคดีนี้เกี่ยวข้องอะไรกับคนใหญ่คนโต ผู้มีอิทธิพลทำให้โอรส์ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง”
นายท่านห้าเฉิงมองนางอย่างแปลกใจ “หรือว่าเ้าได้ยินข่าวลืออะไร”
“ท่านปู่ ข้าก็แค่เดาไปเรื่อยเปื่อยน่ะขอรับ ข้าอายุยังน้อยประสบการณ์ยังไม่มากพอ หากพูดผิดไปขอท่านอย่าได้เห็นเป็เื่ตลก อุทกภัยที่เมืองเหอไถมีผู้คนาเ็ล้มตายเป็จำนวนมาก เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติก็ถูกยักยอก เสียงร้องเรียนจากประชาชนย่อมมาจากทั่วสารทิศ โอรส์พิโรธหนักจึงสั่งให้ใต้เท้าข้าหลวงใหญ่สืบสวนคดีนี้ นอกจากสงสารราษฎรที่ประสบภัยพิบัติแล้วก็ยังต้องขจัดความโกรธของทวยราษฎร์ ยิ่งคดีถูกไขเร็วขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งสามารถตัดสินโทษของขุนนางที่เกี่ยวข้องกับคดีเร็วขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรมและโกรธเกรี้ยวภายในใจของราษฎรที่ประสบภัยพิบัติจึงจะสามารถแห้งเหือดไปได้! ข้าหลวงใหญ่จะกลับเมืองหลวงไปกราบทูลรายงานแล้ว แสดงว่าย่อมต้องสืบสวนคดีจนใกล้กระจ่าง แต่โอรส์กลับไม่ได้บัญชาให้ไต่สวนในทันที… นอกเสียจากว่าเกี่ยวข้องกับผู้ที่โอรส์ให้ความสำคัญแล้ว ข้าก็นึกเหตุผลอื่นไม่ออกขอรับ”
โอรส์ก็เป็มนุษย์ ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ย่อมมีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา[3]
เฉิงชิงไม่ใช่คนพื้นเมือง ไม่มีจิตใจกลัวเกรงของผู้ที่ต่ำต้อยจนเป็ธุลีแบบนั้นต่อฮ่องเต้ของระบบศักดินา
ไม่ใช่ว่าฮ่องเต้ทุกพระองค์จะเข้าใจเื่ราวในราชสำนักทั้งหมด ฮ่องเต้ที่ความสามารถไม่เพียงพอ ถูกขุนนางที่มีอำนาจครอบงำก็ล้วนมีอยู่ในแต่ละราชวงศ์
คนใหญ่คนโตผู้มีอิทธิพลที่ว่าก็ไม่แน่ว่าจะเป็ผู้ที่ทำให้โอรส์เกรงกลัวเสมอไป หากตรวจสอบไปถึงขุนนางที่โอรส์รักและให้ความสำคัญ หรือบุคคลในฝ่ายในที่โอรส์รักและโปรดปราน หรือพระญาติฝ่ายนอกที่ทำให้โอรส์สับสน… ฟ้าร้องดังแต่ฝนกลับตกน้อย ก็ไม่น่าจะมีอะไรนอกเหนือจากเหตุผลเหล่านี้?
สีหน้าของนายท่านห้าเฉิงยิ่งแสดงความประหลาดใจ “สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เ้าคิดได้เองหรือ?”
เฉิงชิงพยักหน้าสุดแรง
ยามที่ยังสอบไม่ได้วุฒิอันใด หากนางยังแสร้งโง่ แล้วภายในตระกูลจะเอาอะไรมาให้ความสำคัญนาง?
เฉิงชิงเองก็ไม่ได้คิดว่าตนเองฉลาดหลักแหลมมากมาย แต่อย่างน้อยไอคิวนางก็อยู่ในระดับบน
ก่อนหน้าที่จะทะลุมิติ ครอบครัวของนางก็มีคนมากมายที่ต่อสู้แย่งชิงสิทธิสืบทอด นางมอบความพ่ายแพ้ให้คู่แข่งมากมายจึงได้อยู่เหนือผู้อื่น
ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋เป็ตระกูลใหญ่ที่อยู่มาร้อยกว่าปี ครอบครัวของนางก่อนหน้าที่จะทะลุมิติมา แม้ว่าจะเพิ่งร่ำรวยมาได้ไม่กี่สิบปี แต่ผู้ที่สร้างตระกูลจนร่ำรวยในรุ่นแรกล้วนแล้วแต่มีความเรียบง่ายและจริงใจ เมื่อเทียบกับคนรุ่นเดียวกับนางที่เกือบทั้งหมดได้รับการศึกษาระดับสูง แม้แต่คนภายในครอบครัวนางที่อ่อนวัยกว่าหนึ่งรุ่นก็คงไม่อาจรับมือกับการสอบเข้ารับราชการของราชวงศ์เว่ยได้ แต่ในสังคมยุคปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างกัน
ที่เฉิงชิงสามารถเอาชนะได้ ล้วนพึ่งพาความสามารถในการอดทน พึ่งพาความโหดร้ายที่พอควร และพึ่งพาการแสดงอันล้ำเลิศของนาง!
เฉิงชิงเองก็ค่อนข้างมีประสบการณ์ว่ายามใดที่ควรแสดงออกถึงคุณค่าของตนเอง
เด็กหนุ่มวัยสิบสามปี อาจมีพร์ด้านการเล่าเรียนเป็อย่างมาก สอบผ่านบัณฑิตซิ่วไฉก็ไม่นับว่าเป็อันใด เด็กมีพร์ที่สอบผ่านบัณฑิตจวี่เหริน สอบผ่านบัณฑิตจิ้นซื่อล้วนมีหมด
แต่เด็กหนุ่มวัยสิบสามปีที่ลองวิเคราะห์ราชสำนักและความคิดของโอรส์ แม้ความคิดจะค่อนข้างหยาบกระด้าง แต่ก็ตรงจุดสำคัญ นี่ค่อนข้างทำให้นายท่านห้าเฉิงคาดไม่ถึงและประหลาดใจเป็อย่างมาก
มีความสามารถในการเล่าเรียน นายท่านห้าเฉิงไม่รู้สึกว่าเป็เื่แปลก ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ไหนเลยจะขาดแคลนบัณฑิต ถึงแม้บุตรหลานตระกูลเฉิงของตนจะใช้การไม่ได้ก็ยังมีสถานศึกษาหนานอี๋ ตระกูลเฉิงก็ยังคงสามารถชุบเลี้ยงผู้มีความสามารถอย่างเมิ่งไหวจิ่น!
แต่การมีความฉลาดทางด้านการเมือง นายท่านห้าเฉิงก็รู้สึกว่าค่อนข้างแปลกแล้ว
หากเฉิงชิงเป็บุตรของบ้านหก ได้ฟังผ่านหูมองผ่านตามาั้แ่เด็กแล้วสามารถกล่าวเช่นนี้ได้ เขาคงไม่รู้สึกแปลกใจอันใด แต่เฉิงชิงเป็บุตรชายของเฉิงจือหย่วน ตัวเฉิงจือหย่วนเองเป็พวกหัวแข็ง ไหนเลยจะสามารถสอนสิ่งเหล่านี้แก่บุตรชายได้ ดังนั้นเด็กคนนี้จึงขัดเกลาตนเอง เป็มาโดยกำเนิด ช่างไม่ง่ายเลย!
ท่าทีของนายท่านห้าเฉิงเปลี่ยนไปแล้ว เดิมเขานั่งอยู่หลังโต๊ะแล้วสนทนากับเฉิงชิงที่ยืนอยู่ ยามนี้เขาเชิญให้เฉิงชิงนั่งกล่าวคำด้วยกัน ทั้งยังให้คนยกชามาให้
“เฉลียวฉลาดและเติบโตเป็ผู้ใหญ่เร็วเกินไป ไม่แน่ว่าจะเป็เื่ดีเสมอไป เ้าความคิดรอบคอบ กังวลเพื่อคดีของบิดาเ้าไม่น้อย เดิมทีเห็นว่าเ้ายังอายุน้อย มีบางเื่ที่ไม่เหมาะจะบอกกล่าวแก่เ้า ในเมื่อเ้าสามารถคิดเองได้ ยามนี้ข้าก็จะทดสอบเ้าอีกครั้ง สมมติว่าคดีนี้เป็แบบที่เ้ากล่าวมา เพราะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่โอรส์ให้ความสำคัญจึงเตะถ่วงไป หากปู่หกของเ้าคิดจะแก้ตัวแทนบิดาเ้าก็กลัวจะทำให้โอรส์พิโรธ เ้าจะทำเช่นไร?”
อะไรคือสมมติว่าคดีเป็อย่างที่นางกล่าว คำพูดนี้ของท่านปู่ห้าถือเป็การยอมรับการคาดเดาของนางอย่างชัดเจนแล้ว
จะสามารถทำให้ท่านปู่ห้าให้ความสำคัญและยอมรับคุณค่าของนางได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูที่คำตอบของนางแล้ว!
หากตอบไม่ดี หลังจากนี้คนในตระกูลก็จะไม่ฟังความเห็นของนางต่อคดีของเฉิงจือหย่วนอีก
หากตอบได้ดี นางก็จะมีคุณสมบัติเข้าร่วม รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดของคดี ถึงขนาดที่พลิกคดีเพื่อเฉิงจือหย่วนด้วยมือของตนได้
เฉิงชิงจัดอาภรณ์นั่งหลังเหยียดตรง
“ท่านปู่ขอรับ การให้ความสำคัญของโอรส์แบ่งเป็กี่รูปแบบ สถานการณ์ต่างกัน วิธีการรับมือก็ย่อมแตกต่างเช่นกัน”
สุดท้ายแล้วคือความรัก คือความเคารพ หรือคือความเกรงกลัวกันแน่?
[1] เน่ยเก๋อ คือหน่วยงานสำหรับปรึกษาและดูแลราชการแผ่นดิน
[2] ฟ้าร้องดังแต่ฝนกลับตกน้อย หมายถึงพูดจาใหญ่โตแต่กลับลงมือทำจริงน้อย
[3] เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา หมายถึงอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป เจ็ดอารมณ์ ได้แก่ 1.ความยินดี 2.ความโกรธ 3.ความเศร้า 4.ความกลัว 5.ความรัก 6.ความเกลียดชัง 7.ความอาวรณ์ หกปรารถนา ได้แก่ 1.รูป 2.รส 3.กลิ่น 4.เสียง 5.ัั 6.ความคิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้