“ไม่ ข้าไม่เห็นด้วยกับการแบ่งบ้าน!”
ก่อนที่ท่านปู่จะทันได้กล่าวอะไร อู๋ซื่อก็มองท่านปู่อย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านผู้เฒ่า อย่าได้เข้าใจผิด!”
ท่านปู่เพียงกระแอมแล้วมิกล่าวอะไรอีก
เฝิงซื่อเห็นเช่นนี้แล้วก็ปรากฏแววแห่งความกังวลขึ้นในั์ตา นางหันไปมองอู๋ซื่อแล้วกล่าวอย่างเร่งรีบ “ท่านแม่ หากตอนบ้านสามสามารถแยกออกไปอยู่บ้านอื่นได้ แล้วเหตุใดบ้านสองเช่นเราถึงแยกไม่ได้กัน? หากพี่สะใภ้ทำให้ท่านต้องทานในสิ่งที่เกือบปลิดชีวิตท่านไปจริงๆ เช่นนั้นแล้วอย่างไรเราก็ต้องแยกกันอยู่ เพราะข้ามิอาจยอมให้ลูกๆ ของข้าต้องอาศัยอยู่ร่วมกับคนเช่นนั้น ทั้งยังต้องทานข้าวหม้อเดียวกันอีกเป็แน่”
ด้วยความช่วยเหลือลับๆ ของหลินฟู่อิน เฝิงซื่อย่อมรู้ดีว่านี่เป็โอกาสที่มิอาจปล่อยให้หลุดมือไปได้ ท่าทีของนางจึงมั่นคงอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
แต่อย่างไรเสีย นางก็เอาแต่ใช้ชีวิตภายใต้การกดขี่ของพวกอู๋ซื่อมาตลอดหลายปี น้ำเสียงของนางจึงยิ่งอ่อนลงเมื่อเวลาผ่านไป
แม่ยายและลูกสะใภ้อย่างจ้าวซื่อและอู๋ซื่อนั้นสามารถเรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทั้งลักษณะนิสัยยังคล้ายคลึงในแง่ที่ต่างฝ่ายต่างก็ชื่นชอบในสิ่งที่ได้มาโดยมิต้องลงแรง และต่างก็ชอบเื่นินทาคนเป็อย่างยิ่ง
ทั้งบ้านต่างจึงฝากความหวังไว้ที่เฝิงซื่อและบุตรีทั้งสองของนาง บุตรีทั้งสองที่ต่างก็เกิดมาจากความไร้หัวคิดของจ้าวซื่อ
บุตรีทั้งสองล้วนมีอายุเพียงสิบสี่หรือสิบห้า แต่พวกนางกลับหน้าตาแก่กว่าวัย ดูอายุมากกว่าฟู่อินที่อายุสิบสามถึงสิบเจ็ดปี เื่นี้ทำให้นางรู้สึกเจ็บช้ำเป็อย่างมากในฐานะมารดา
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้ประโยชณ์จากเชื้อไฟของฟู่อินในตอนนี้เพื่อแยกบ้านให้ได้
เมื่อได้ยินคำของเฝิงซื่อแล้ว ท่านปู่จึงเข้าใจทันทีว่าเฝิงซื่อตั้งใจที่จะแยกบ้านจริงๆ
แม้ครั้งนี้เขาจะสามารถหยุดไว้ได้ แต่ไม่ช้าก็เร็วมันก็คงต้องถูกแยก
แต่หากบ้านสองถูกแยกออกไปแล้ว บ้านจะมิแตกสลายเอาหรือ?
เขาจะยังคาดหวังให้สะใภ้าุโและภรรยาผู้ถ่อมตนของเขามาทำน้ำแกงอุ่นๆ ให้เขาได้ทานอยู่อีกหรือ?
“สะใภ้สอง เรามิแยกบ้านมิได้หรือ?” เขามิอยากลงไปขอความช่วยเหลือจากหมอหลี่ในเมือง เพราะหากเรียกหมอหลี่มา นั่นก็แปลว่าพวกเขาจะมิอาจปกปิดเื่ที่ทำเอาไว้ได้อีก
ยิ่งจ้าวซื่อทำตัวแย่มากเพียงไหน ชื่อเสียนั่นย่อมจะส่งผลกับเหล่าบุตรีมากขึ้นเท่านั้น
ในใจของท่านปู่มีเพียงความรังเกียจต่อหลินฟู่อิน หลานสาวผู้ที่เขาเคยได้พบเพียงไม่กี่ครั้งนับั้แ่ตอนที่นางยังเยาว์วัย
เมื่อมองนางแล้วก็เห็นประกายเ็าในสายตาของนาง
หลินฟู่อินััได้ถึงสายตาอันเ็าของผู้เฒ่า ริมฝีปากของนางจึงส่งคำพูดเ็าเช่นกัน “ท่านผู้เฒ่า ปัญหาตอนนี้มิใช่เื่ที่ว่าจะแยกบ้านหรือไม่นะเ้าคะ แต่เป็เื่ที่ควรจะเรียกหมอหลี่มาเพื่อดูอาการของท่านเ้าค่ะ จากที่ข้าเห็น ตัวท่านในตอนนี้มีถุงใต้ตาที่ดำคล้ำ ทั้งร่างกายยังไร้ซึ่งเรี่ยวแรง สมุนไพรที่ข้าจัดให้นั้นช่วยบรรเทาอาการได้บ้างก็จริง แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะช่วยรักษาให้หายขาดได้”
“เช่นนั้นเราก็ต้องรีบไปตามท่านหมอหลี่มาแล้ว! สะใภ้ผู้นี้มิอยากเห็นท่านพ่อและท่านแม่ต้องพบเคราะห์ร้าย และหากมีสิ่งใดเกิดขึ้นจริงๆ ความรับผิดชอบจะตกเป็ของบ้านสอง สะใภ้มิหวังกับพี่ใหญ่และภรรยาของเขาหรอก!” เฝิงซื่อหยิกหลี่ต้าเหออย่างแรงแล้วจึงกระซิบ “ยังไม่รีบไปเรียกหมอหลี่มาอีก!”
หลี่ต้าเห่อตอบสนองทันที การที่เขาจะใช้โอกาสนี้ในการแบ่งบ้านมันย่อมเป็เื่ที่ดี
เขาจึงรีบออกจากบ้านไป
“ต้าเหอ!” หลินต้าซานตะเบ็งเสียงขึ้นมาอย่างกระทันหันด้วยน้ำเสียงเ็า หลินฟู่อินจึงปล่อยมือจากจ้าวซื่อ แล้วกล่าวกับหลินต้าซานด้วยรอยยิ้ม “ท่านลุงต้ากำลังกังวลอยู่ใช่หรือไม่ ว่าท่านลุงสองมีเงินเก็บหรือเปล่า?”
“ข้า…”หลินต้าซานก้มหน้าลงโดยมิได้ตั้งใจ สตรีนางนี้ช่างรับมือได้ยากเสียจริง
“ท่านลุงรอง นำเงินหนึ่งตำลึงนี้ไปเรียกหมอหลี่มาที่นี่เสียเถิดเ้าค่ะ” หลินฟู่อินเดาว่าหลินต้าเหอนั้นไม่มีเงินติดตัว นางจึงปลดถุงเงินยื่นให้เขา
“หนึ่งตำลึงหรือ? เ้าจะเรียกหมอมาที่นี่ด้วยเงินตั้งตำลึงได้อย่างไร?” อู๋ซื่อมีสายตาไม่พอใจ นางตะเบ็งเสียงทันที “เ้าสองนำเงินไปแลกที่เกวียนวัวเสีย แล้วที่เหลือค่อยนำมาให้ข้า”
ขาของหลินต้าเหอหยุดลง ก่อนที่จะหันมามองหลินฟู่อินอย่างช้าๆ
หลินฟู่อินโบกมือให้เขา “ท่านลุงรอง ท่านไปเถอะ นั่นอาจจะมีมากกว่าค่ายาอยู่สักหน่อย ก็ให้ถือว่าเป็การแสดงความกตัญญูของข้าที่มีต่อท่านผู้เฒ่าไปแล้วกัน หากมีเหลือท่านก็นำไปซื้อขนมกลับมาให้พี่ๆ น้องๆ ได้ทานเถิด”
สีหน้าของอู๋ซื่อหมองลงแล้วจึงคำราม “นังขี้แพ้ แม่เ้าสอนเ้ามาเช่นนี้หรือ?”
“ท่านพ่อและท่านแม่ของข้ามิเคยให้ข้าต้องอดอาหาร” หลินฟู่อินสวนกลับ
เมื่อเฝิงซื่อได้ยินเช่นนั้น นางยิ่งรู้สึกแย่ลง
นางและหลินคนที่สองต่างเป็คนซื่อตรงและพร้อมจะทำงาน หากพวกนางได้แยกบ้านไปแต่เนิ่นๆ เช่นบ้านสามแล้ว เหล่าเด็กๆ คงมิต้องขาดสารอาหารเช่นนี้
อู๋ซื่อมิอาจเถียงอะไรได้ ได้แต่เพียงจ้องนางเขม็ง
หลินฟู่อินจึงออกไปรอหมอหลี่อยู่ข้างนอก
ในระหว่างที่นางกำลังรออยู่ บุตรีทั้งสองของเฝิงซื่อ อาเฝิงและอาฝางก็ได้นำกระบวยน้ำมาให้นาง
พวกนางแทบมิเคยได้พบกับหลินฟู่อินเลย แต่เมื่อได้เห็นว่านางทั้งแต่งกายดี มีรูปโฉมงดงามและผิวที่เรียบเนียนแล้ว พวกนางล้วนรู้สึกอิจฉาขึ้นมา
ถึงอย่างนั้นพวกนางก็ยังเม้มปาก คลี่ยิ้มให้ แล้วจึงถอยจากไป
หลินฟู่อินขมวดคิ้วเล็กน้อย หลานสาวทั้งสองอยู่ในวัยสิบสี่สิบห้า อันเป็วัยพร้อมสมรสแล้ว แต่นางกลับมิได้ยินข่าวอะไรเลย
ทั้งมือของทั้งสองยังดูไม่เหมือนกับมือของหญิงสาวเอาเสียเลย มันใกล้เคียงกับมือของลุงเสียมากกว่า
ในระหว่างที่รอหมอหลี่ เฝิงซื่อก็ได้คั่วสมุนไพรที่หลินฟู่อินบอกก่อนจะนำไปให้ท่านปู่และอู๋ซื่อทาน
ท่านปู่และอู๋ซื่อต่างก็ต้องเร่งไปเข้าสุขาอีกถึงสองครั้งในระหว่างนี้ จนพวกเขามิอาจทนไหวแล้วจริงๆ ไจึงได้ยอมทานยา
ในที่สุดหลินต้าเหอก็ได้พาหมอหลี่มาถึง
หมอหลี่เป็ชายวัยกลางคนในวัยใกล้สี่สิบ แต่งกายดูหรูหรา มีสง่าแต่ก็ดูอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยพลัง
เมื่อเขาตรวจชีพจรของท่านปู่และอู๋ซื่อแล้ว เขาจึงกล่าวออกมาว่าสาเหตุมาจากการทานต้นสลอด และเมื่อตรวจชีพจรอย่างละเอียดอีกครา คิ้วอันดำขลับจึงย่นลง
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “พวกท่านคุมอาการของโรคท้องร่วงได้แล้วไยจึงเรียกข้ามาอีก?”
ชาวตระกูลหลินต่างตื่นตะลึงกับคำกล่าวเื่สาเหตุเกิดจากการกินต้นสลอด แล้วจึงพากันมองจ้าวซื่อด้วยสายตาไม่เป็มิตรยิ่งกว่าเดิม
แต่เหตุในตระกูลนี้ต้องไม่ถูกล่วงรู้ออกไปถึงภายนอก
เมื่อจ้าวซื่อเห็นเช่นนี้แล้ว นางจึงรีบหลบไปซ่อนตัว
เมื่อหมอหลี่เห็นว่าไม่มีใครตอบคำถามของเขา สีหน้าจึงดูไม่สบอารมณ์นัก เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าว “จากที่ดูอาการท่านผู้เฒ่าหลินแล้ว ยาที่ถูกนำมาใช้รักษานั้นให้ผลดีและเหมาะสมมาก พวกท่านเชิญคนอื่นมาดูอาการแล้วจึงไปเรียกข้ามาจากที่ห่างไกล พวกท่าน้าอะไรกันแน่?”
เหล่าคนของตระกูลหลินนั้นย่อมไม่สบายใจเมื่อเห็นหมอหลี่มีอาการเช่นนี้ แต่พวกเขามิอาจทำอะไรได้นอกจากมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะรับมืออย่างไร
หมอหลี่เป็หนึ่งในหมอที่เก่งที่สุดในแถบเมืองนี้ เขาเป็คนอ่อนโยนที่คอยช่วยเหลือคนยากไร้อย่างเต็มที่โดยไม่เรียกเงินตอบแทน เขาเป็คนที่ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจไปให้ร้ายเขาได้
ถึงตอนนี้ หมอหลี่ก็ได้แบกกล่องยาพลางส่ายหน้าเดินออกจากบ้านไปแล้ว
เมื่อหลินฟู่อินได้พบกับเขาในโถงกลาง นางจึงลุกขึ้นก่อนทำความเคารพหมอหลี่ด้วยน้ำเสียงแสดงความนับถืออย่างสุดซึ้ง “ท่านหมอหลี่ เพราะข้ารู้สึกไม่ดีนักที่ได้เห็นท่านผู้เฒ่าไม่สบาย ผู้น้อยจึงได้ใช้ความรู้ในหนังสือเพื่อการรักษาไปก่อน แล้วจึงเชิญท่านมาเพื่อความสบายใจเ้าค่ะ”
หมอหลี่ลูบเคราแล้วจึงมองหลินฟู่อินอย่างละเอียดอีกครา ในสายตาส่อประกายความประหลาดใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้