“กลับมาแล้วหรือ? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”
จ้าวต้านไม่ใส่ใจสายตาที่เ็าของนาง เขาเข้าไปหาอย่างเป็มิตร เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของนางมีรอยเืก็รีบยกแขนนางขึ้น แล้วดึงแขนเสื้อยาวๆ ออก
ผ้าพันแผลที่ถูกพันไว้อย่างดีหลุดออกมาทั้งหมด เผยให้เห็นเืสีแดงที่ยังไหลย้อมผ้าขาว
เวินซีเม้มริมฝีปากมองเขา เมื่อครู่นี้สถานการณ์เร่งด่วนจนนางไม่ทันได้สนใจาแของตน
“เ้านั่งลงสิ ข้าจะพันแผลให้”
จ้าวต้านส่งแววตาอ่อนโยนและพานางนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ไปนำยาทาแผลจากในร้าน เปิดเสื้อผ้าของนางออกแล้วบรรจงทำแผลให้
เมื่อยาัักับิั เวินซีพลันรู้สึกเย็นและรู้สึกได้ว่าเขาใช้นิ้วนวดเบาๆ รอบาแ นางเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นในใจ แต่ก็มองข้ามไป
“่นี้เ้าพักผ่อนอยู่ในร้านให้ดีเถิดนะ หากแผลยังไม่หายดีอย่าได้ออกไปข้างนอกเลย”
“หากแผลฉีกอีกจะติดเชื้อได้ ถึงตอนนั้นจะแย่ไปกันใหญ่” จ้าวต้านสั่งนางเป็ชุด
“เหตุใดถึงออกมาจากจวนซ่งล่ะ? ไม่กลัวจะมีคนเห็นเข้าหรือ?” เวินซีเปลี่ยนเื่ถาม
“พวกเขาสงสัยว่าจ้าวต้านเป็ข้า สองวันก่อนก็ได้รู้แล้วว่าจ้าวต้านสบายดีนี่ ่นี้พวกเขาจึงมิได้มาอีกเลย ข้าเห็นเช่นนี้จึงออกมา”
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หากอยู่ในจวนซ่งเขาจะไม่สามารถพบเจอนางได้ หรือแม้แต่อยู่ข้างกายเพื่อคอยปกป้อง
“ท่านจะจากไปเมื่อใด?” เวินซีเอ่ยถามเสียงนิ่ง
“ยามนี้ยังไปที่ใดมิได้ พวกนักฆ่าล้วนอยู่นอกเมือง หากข้าปรากฏตัว พวกมันจะตามล่าข้าแน่”
“เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่ไปก่อน”
ในเวลานั้นจ้าวต้านช่วยพันแผลให้เวินซีเสร็จแล้ว นางจึงจัดแจงเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อยพลันลุกขึ้น
“ท่านมีอันใดจะพูดกับข้าอีกหรือไม่? หากไม่มีข้าขอตัวล่ะเ้าค่ะ” นางกล่าวอย่างไม่สนใจนัก
“เ้ามิได้มีความสงสัยในตัวตนของข้าหรือ?” จ้าวต้านเอ่ยขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
เขาได้เตรียมคำพูดไว้ตอบนางแล้ว แต่ท่าทีที่นิ่งเฉยของนางราวกับเมฆที่ลอยลมทำให้เขาไม่สบายใจเป็อย่างยิ่ง
“หากท่านอยากจะพูด ข้าก็จะฟัง หากไม่อยากพูดข้าก็ไม่บังคับ พวกเราเป็เพียงสามีภรรยากันปลอมๆ ข้าไม่อยากกดดันท่าน” เวินซีตอบเสียงเรียบ
“...”
จ้าวต้านไม่พอใจนัก เขาหรี่ตาลงพลันช่วยพยุงนางให้นั่งลงอีกครั้ง
“ชื่อจริงของข้าคือต้านอวี้เสวียน ข้าเป็แม่ทัพปกป้องราชวงศ์ ฮ่องเต้องค์ก่อนต ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ แต่อำนาจทางการทหารตกอยู่ในมือของข้า ทำให้เขาเกิดความเกรงกลัว มีครั้งหนึ่งหลังจากที่ข้าได้สยบความวุ่นวายแล้ว ข้าพลันได้เป็ที่ยอมรับของเหล่าประชาชน มีบารมีเหลือล้นจนทำให้ฮ่องเต้คิดหาหนทางกำจัดข้า”
“ในเหตุการณ์ลอบสังหารครั้งหนึ่ง ข้าไม่ทันได้ระวังตัวจึงถูกหนอนกู่เนี่ยนหานกู่ ข้าจึงใช้ตัวตนของจ้าวต้าน บุรุษผู้ที่อยู่ใต้บังคังบัญชาเพื่อหลบซ่อนตัวจากการถูกตามล่าและมาถึงที่เมืองนี้ อาศัยอยู่ที่นี่เพื่อรักษาตัว ข้ารอเวลาที่จะกลับไปพระราชวังเพื่อเป็กำลังช่วยเหลือองค์ชายใหญ่”
“ทหารลับที่คอยตามล่าข้าเป็องครักษ์ของฮ่องเต้ เมื่อตัวตนของข้าถูกเปิดเผย ฮ่องเต้จึงจัดการข้าด้วยวิธีเช่นนี้ กีดกันข้าไม่ให้กลับไปที่พระราชวังได้”
จ้าวต้านเป็ที่รักของประชาชน หากเขากลับพระราชวังได้ ผู้คนก็จะให้ความสนใจในทุกฝีก้าว เมื่อถึงตอนนั้นหากฮ่องเต้คิดจะกำจัดเขาก็จะเป็การยากขึ้นไปอีก
เวินซีไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดออกมาหมดเปลือกเช่นนี้ นางหรี่ตามองอย่างเคร่งขรึม
แม่ทัพผู้ปกป้องประเทศ เทพเ้าาของเหล่าประชาราษฎร์ ตัวตนของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ
“หาก...เ้าคิดว่าข้าเป็ตัวปัญหา เช่นนั้น...” เมื่อเห็นนางเงียบไป ในใจของจ้าวต้านก็รู้สึกประหม่า
“ให้เวลาข้าคิดดูก่อน” เวินซีได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป นางอยากใช้เวลาคิดทบทวนเื่ราวต่างๆ
นางพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะไม่เข้าไปในพระราชวัง แต่ท้ายที่สุดก็ยังต้องเข้าไปเกี่ยวพันจนได้
“ได้”
จ้าวต้านมีสีหน้าหงอยลง เขากำถ้วยชาในมือไว้แน่น
สองวันถัดมา เวินซีมิได้ออกไปที่ใดเลย นางจงใจหลบหน้าเขา ส่วนเขาก็รู้สึกผิดจึงมิได้มาหา จนกระทั่งวันที่สามที่ฮูหยินซ่งมาหานาง
“เวินซี ร่างกายของเ้าเป็เช่นไรบ้าง?”
ทันทีที่เข้าประตูมา นางก็จับมือของเวินซีอย่างอ่อนโยนและพาไปนั่งที่หัวเตียง
“ฮูหยินซ่ง ขอบพระคุณที่เป็ห่วงเ้าค่ะ แผลของข้าหายดีแล้ว” เมื่อเวินซีได้เห็นนาง สีหน้าที่อึมครึมมาตลอดสามวันก็พลันคลายลง
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว มีคนเป็ห่วงเ้ามากน่ะ สามวันนี้เขามาที่จวนข้า ให้ข้ามาหาเ้าแทนทุกวี่ทุกวันเชียว”
ฮูหยินซ่งหัวเราะ ในคำพูดของนางชี้ชัดว่าเป็จ้าวต้าน
เวินซีเม้มริมฝีปาก “ฮูหยินซ่งรู้ตัวตนของจ้าวต้านมานานแล้วหรือเ้าคะ?”
“ตอนที่เจอเขาครั้งแรกข้าก็เคยสงสัย แต่ไม่นานก็หายแคลงใจ ทุกคนต่างรู้กันว่าแม่ทัพต้านนั้นเสียชีวิตในสนามรบ แล้วจะมาปรากฏตัวที่เมืองนี้ได้เช่นไร จนกระทั่งเ้าได้นำป้ายโองการนั้นมาให้ข้า ข้าถึงมั่นใจว่าเป็เขา”
“ท่านแม่ทัพปกปิดเ้าก็เพราะกลัวว่าจะทำให้เ้ามีอันตราย เขาหวังดีต่อเ้า นี่ก็สามวันแล้ว เ้าควรจะหายโกรธได้แล้วนะ หากเขาหนีไปจะทำเช่นไร?”
“ที่เมืองหลวง ประชาชนล้วนชื่นชอบท่านแม่ทัพ คนอย่างเขามีสตรีสูงศักดิ์มากมายที่อยากจะแต่งงานด้วย”
ฮูหยินซ่งพูดโน้มน้าวเวินซีอย่างมีนัย แต่เวินซีรู้ความตั้งใจของนางดี นางมาช่วยพูดให้จ้าวต้าน
คงเป็เพราะว่าสองสามวันนี้จ้าวต้านร้อนใจมาก แต่เขาไม่กล้ามาหานางเอง จึงทำได้เพียงขอให้ฮูหยินซ่งมาช่วย
“ฮูหยินซ่งรับใช้จ้าวต้านหรือเ้าคะ?”
“ตระกูลซ่งเป็ตระกูลที่รับใช้ท่านแม่ทัพผู้ปกครองราชวงศ์ ที่ข้ากลับมาจากเมืองหลวงก็เพราะได้ข่าวว่าท่านแม่ทัพเสียชีวิต จึงไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าร่วมการต่อสู้น่ะ”
“เวินซี ยามนี้ข้าปฏิบัติต่อเ้าเฉกเช่นนายหญิงนะ” ฮูหยินซ่งตบหลังมือของนางเบาๆ
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้ เวินซีก็เงียบลงอีกครา แม้ว่านางจะมีความรู้สึกดีๆ ให้กับจ้าวต้าน แต่ก็ยังไม่ถึงกับชอบ ยามนี้นางอยู่ที่เมืองนี้ถือเป็คนร่ำรวยอันดับต้นๆ มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย นางไม่มีทางละทิ้งทุกอย่างเพื่อพาตนเองกลับไปเผชิญความอันตรายแน่
ชีวิตที่ต้องคอยกังวลแต่ความเป็ความตายอย่างในชาติที่แล้ว นางเกลียดเต็มทน
“เวินซี”
“ฮูหยินซ่งกลับไปเถิดเ้าค่ะ ข้ายังต้องคิดให้ดี เื่นี้เกี่ยวพันกับหลายอย่าง”
“ได้ เ้าอย่าได้กดดันเพราะเื่นี้ ไม่ว่าเ้าจะเลือกทางใดข้าล้วนสนับสนุนเ้า หากเ้าไม่รู้ว่าจะพูดเช่นไรกับท่านแม่ทัพ ข้าสามารถช่วยเ้าบอกเจตนากับเขาได้”
ฮูหยินซ่งถอนหายใจแล้วออกไปด้วยสีหน้ากังวล เมื่อนางออกไปแล้วจ้าวต้านจึงเดินเข้ามานั่งลงข้างกายเวินซี ก่อนจะมองนางด้วยสายตานิ่งเรียบ
“ยังโกรธอยู่หรือ? หากเ้ายังมิหายโกรธ จะทำเช่นไรกับข้าก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้นยกเว้นเื่ที่เราจะต้องเลิกกัน”
“ตอนที่ท่านยังไม่กลับเมืองหลวง เราจะยังคงเป็สามีภรรยากันเช่นเดิม ข้าจะปฏิบัติต่อท่านเหมือนเดิมเพื่อมิให้พวกนั้นสงสัย แต่หลังจากที่ท่านกลับไปแล้วเราแยกทางกันเถิด ข้าจะไม่ไปเมืองหลวง”
เวินซีเอ่ยปาก นางยอมให้เขาได้มากที่สุดแล้ว
“ได้ ข้าล้วนฟังเ้า”
เมื่อเห็นว่านางมีท่าทีอ่อนลง จ้าวต้านก็รีบตอบรับไปก่อนและหยิบป้ายโองการอันเดิมที่เคยให้ใส่ไว้ในมือของนาง
“เ้าเก็บเอาไว้เถิด มันสามารถเรียกใช้ทหารลับที่เหลืออยู่ได้ มีป้ายนี้ก็เหมือนมีข้า”
“ท่านมิต้อง...” เวินซีคิดจะดึงมือออก
“พิษหนอนกู่จะกำเริบอีกเมื่อใดก็ไม่รู้ ข้าอาจจะตายไปได้ทุกเมื่อ ข้าทำได้เพียงมอบสิ่งนี้กับเ้า มันจะช่วยให้เ้าปลอดภัยไปได้ทั้งชีวิต รับไว้เถิด”
เขามีท่าทีแน่วแน่มาก เวินซีรับป้ายโองการนั้นไว้อย่างลังเล “ข้าจะช่วยท่านเก็บมันไว้ชั่วคราว ท่านมาเอากลับคืนไปได้ทุกเมื่อ”
“อื้ม” จ้าวต้านยิ้ม ก่อนจะยืนขึ้น “หิวแล้วสินะ ข้าจะไปทำอาหารให้เ้าทาน”
เมื่อเวินซีนึกถึงอาหารฝีมือของเขาก็ลุกขึ้นห้าม “ช่างเถิด ข้าทำเองดีกว่า”
จ้าวต้านอ้าปากเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณหนูเวินซี อยู่หรือไม่ขอรับ? คุณหนูเวินซี? ข้าน้อยมีเื่จะขอพบขอรับ”
ทั้งคู่หยุดการเคลื่อนไหวและมองออกไปที่ประตูพร้อมกัน มีเงาของคนรับใช้ปรากฏขึ้นบนกระดาษขาว
“มีอันใด?” เวินซีเอ่ยปากถาม
เงาของคนรับใช้มีท่าทีเคารพมากขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงนางตอบรับ
“คุณหนูเวินซี ข้าเป็คนรับใช้ตระกูลเวินขอรับ ตระกูลเวินได้เตรียมงานเลี้ยงครอบครัว นายน้อยให้ข้ามาเชิญคุณหนูไปร่วมงานขอรับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้