จูมามารูปร่างอวบอ้วนกำลังดูคนงานตัดแต่งพุ่มไม้ในลานบ้าน เมื่อได้ยินเสียงหน้าประตูจึงรีบเดินไปต้อนรับและพบว่าซีอ๋องกำลังโอบกอดสตรีใบหน้าเปื้อนเื สีหน้าซีดเซียวและมีแววตาหวาดกลัว นางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ในตำหนักมีสาวใช้สามหรือสี่คนพร้อมอุ่นเตียงให้อยู่ ซีอ๋องยังไม่พอใจจนไปเก็บต้นกล้าป่วยนี้มาจากที่ไหนอีก?
ดวงตาเ็าของโม่ซีส่งสัญญาณให้จูมามาเก็บสายตาอยากรู้อยากเห็นกลับไป ส่งตัวฉีซีให้นางแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ "อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทายาให้นาง เสร็จแล้วพานางมาพบข้า" จากนั้นหันหลังกลับเดินไปที่ตำหนัก
เหล่าสตรีรูปงามกำลังนั่งพักผ่อนใต้ชายคา เมื่อเห็นจึงรีบตามไปปรนนิบัติโม่ซี
ฉีซีสูญเสียการพยุงจากท่อนแขนอันแข็งแกร่งของโม่ซี สีหน้าซีดเซียวจนทำให้จูมามาเข้ามากึ่งลากกึ่งประคองเดินไปที่ห้องอาบน้ำ
……
น้ำพุในอ่างอาบน้ำทำให้ร่างกายของฉีซีอบอุ่น หลังจากที่เืลมไหลเวียนดีขึ้น นางจึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ระหว่างทาง นางลอบสังเกตว่าข้ารับใช้ล้วนไม่ใช่นางกำนัลของหยวนฉี คงเป็เพราะต้าจิ้งบุกโจมตี บรรดานางกำนัลจึงพากันหอบข้าวของหลบหนีไป เมื่อมั่นใจว่าตัวตนจะไม่ถูกเปิดเผยจึงนอนอย่างสบายใจริมสระน้ำและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางรู้จักตำหนักแห่งนี้เป็อย่างดี ทว่าประตูบานนั้นที่ประดับด้วยหมุดทองคำเรียงเป็แนวตั้งเก้าตัวแนวนอนเจ็ดตัวไม่ใช่ประตูบานเดิมของตำหนักองค์หญิง อาจเป็ประตูใหม่ที่ซีอ๋องสั่งให้คนมาเปลี่ยน หมุดประตูแนวตั้งเก้าตัวแนวนอนเจ็ดตัว มีเพียงพระบรมวงศานุวงศ์เท่านั้นที่สามารถใช้หมุดทองหกสิบสามตัวได้ ประตูบานนี้เป็เครื่องพิสูจน์สถานะอันทรงเกียรติของเขาว่ารองลงมาจากฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งเพียงเท่านั้น ทว่าสิ่งที่ทำให้ฉีซีสงสัยคือเหตุใดเขาจึงเลือกตำหนักองค์หญิงแห่งนี้แทนที่จะเป็พระราชวังหรือตำหนักบูรพา
ตำหนักแห่งนี้พื้นกว้างขวาง โดยมีลานทั้งหมดเจ็ดแห่ง ใหญ่เป็ลำดับที่สองรองจากตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาทในหลานตู เหตุเพราะฮ่องเต้แห่งหยวนฉีทรงรักและเอ็นดูธิดาองค์นี้เป็พิเศษ
แม้ว่านางจะไม่ใช่ธิดาองค์โตและเป็ธิดาองค์ที่สิบเอ็ด ทว่าก็เป็ธิดาที่ชอบด้วยกฎหมายเพียงองค์เดียวและได้รับความรักจากฮ่องเต้แห่งหยวนฉีอย่างท่วมท้น เมื่อนางอายุได้สิบห้าปี พระองค์ก็พระราชทานตำหนักแห่งนี้ให้เป็ที่ประทับขององค์หญิงและทรงวางแผนให้นางอภิเษกสมรสอย่างสมเกียรติเมื่ออายุได้สิบหกปี
น่าเสียดายที่ฮองเฮาซูไม่อยากแยกจาก จึงยื้อเวลาขององค์หญิงฉีซีไปอีกสองปี ทำให้นางมีอายุเกินสิบเจ็ดปีแล้วและในเดือนสิบปีนี้ ฉีซีจะมีอายุครบสิบแปดปีซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็องค์หญิงที่อายุเกินวัยอภิเษกสมรส
อย่างไรก็ตามฉีซีก็ไม่รีบร้อน นางเติบโตมากับเฝิงซื่อหลางั้แ่ยังเด็กและมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น แม้ว่านางจะปฏิบัติต่อเฝิงซื่อหลางเสมือนเป็พี่ชาย ทว่าเมื่อเทียบกับการแต่งงานกับบุรุษแปลกหน้า สู้แต่งงานกับเขาเสียยังจะดีกว่า เพียงสองคนเคารพซึ่งกันและกัน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เช่นนั้นก็ถือว่าดีแล้ว
เฝิงซื่อหลางก็รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เขามักจะจับมือนางไว้แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เมื่อข้าได้เป็อัครเสนาบดี ข้าจะแต่งงานกับองค์หญิงขอรับ"
นางดึงมือออกอย่างเขินอาย และกล่าวกับเฝิงซื่อหลาง "เมื่อถึงเวลานั้น ข้าคงกลายเป็องค์หญิงเฒ่าแล้ว!"
เมื่อเฝิงซื่อหลางได้ยินสิ่งที่นางพูดก็มักจะยิ้มเสมอและไม่กล่าวสิ่งใด รอยยิ้มนั้นช่างงดงามยิ่งนัก แม้แต่สวนดอกหลีสีขาวราวกับหิมะที่บานสะพรั่งอยู่ด้านหลังเขาก็ยังเทียบไม่ติด ฉีซีรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เพียงรอให้เสด็จพ่อประกาศเื่งานอภิเษก นางก็จะได้ออกเรือนในฤดูใบไม้ร่วงนี้
ทว่านางไม่คาดคิดว่าหยวนฉีจะพบกับหายนะในต้นฤดูใบไม้ผลิ ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป นางยังขาดการติดต่อกับเฝิงซื่อหลางอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ส่งคนไปติดต่อเฝิงซื่อหลางซึ่งอาศัยอยู่ในเขตเก้าทางใต้ เมื่อติดต่อได้แล้ว นางก็ไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีกต่อไป เพราะนางรู้ว่าเฝิงซื่อหลางจะปกป้องนางและพานางหนีไปที่แสนไกล!
ทว่านางต้องออกจากตำหนักแห่งนี้ไปให้ได้เสียก่อน
นับั้แ่รู้ว่าบุรุษที่ซื้อตนคือซีอ๋อง นางรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง รู้สึกสิ้นหวังกับอนาคตที่มืดมน ราวกับถูกขังอยู่ในกรงที่ยากจะหนี
นางรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถให้ซีอ๋องล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางได้ กลัวว่าเมื่อซีอ๋องรู้ว่านางคือองค์หญิงแห่งหยวนฉี นางจะตายที่นี่และไม่ได้พบเฝิงซื่อหลางอีก
ทั้งหัวใจของฉีซีเต็มไปด้วยเฝิงซื่อหลาง จึงตัดสินใจปกปิดตัวตนและ้าไปเจรจาสันติกับซีอ๋องโดยด่วน!
หลังจากแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำเป็เวลานาน นางก็ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ
ทันทีที่ลุกขึ้นก็รู้สึกหน้ามืดจนต้องขอให้สาวใช้มาช่วยพยุงนางและหาผ้ารัดอกกับเสื้อยาวสวมทับมาให้เธอ ทว่าทันทีที่นางพูดออกไปก็ต้องรู้สึกเสียใจและมีเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาที่ท้ายทอย
่หลายเดือนที่ผ่านมาช่างทรมานเหลือเกิน เมื่อได้กลับมาอาบน้ำที่ตำหนักองค์หญิงและนางต้องขบคิดอย่างหนัก จนลืมไปว่าสถานะของตนไม่ใช่องค์หญิงอีกต่อไป หากใช้น้ำเสียงออกคำสั่งมีแต่จะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัย
ดังที่คาด สาวใช้มองฉีซีด้วยสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็สีหน้าเหยียดหยาม แม้ว่าพวกนางยังคงนำเสื้อผ้ามาให้ฉีซี ทว่าทั้งสองกลับกระซิบกระซาบกัน เสียงไม่ดังไม่เบา ทว่าได้ยินไปทั่วทั้งห้องอาบน้ำ ชัดเจนว่าจงใจให้นางได้ยิน
ทั้งสองพูดอย่างเหน็บแนม "คิดว่าทำให้ท่านอ๋องนำตัวมาจากถนนดอกไม้ได้ แล้วคิดว่าบินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้แล้วกลายเป็เฟิ่งหวงอย่างนั้นหรือ? คิดว่าตนคือชายาซีอ๋องหรือ?คงเป็เพียงนางบำเรออีกคนเท่านั้นแหละ"
“ใช้รูปโฉมยั่วยวนผู้อื่น ยามรูปโฉมเสื่อมลงย่อมสูญเสียความรักไป ไม่เห็นหรือว่าใน่สองเดือนที่ผ่านมามีสตรีเข้าเข้าออกออกที่นี่กี่นาง แม้แต่นางสนมสักคนก็ไม่มีเลยไม่ใช่หรือ? ข้าว่ามีคนกำลังใฝ่สูงอยู่นะ”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกนาง ใบหน้าของฉีซีก็เขียวสลับซีดด้วยความอับอาย เมื่อนึกถึงเหล่าสตรีที่ตามหลังโม่ซีไปเมื่อครู่แล้ว จึงรู้ดีว่าถ้าตนไม่หลบหนีไปโดยเร็วที่สุดก็คงจะลงเอยเช่นสตรีเ่าั้
ฉีซีเลิกคิ้วราวกับไม่ได้ยินคำเหน็บแนมของทั้งสองคน
ทุกวันนี้ผู้รู้จักกาลเทศะย่อมเป็ผู้เฉลียวฉลาด นางจะไม่แสวงหาความยุติธรรม เพียง้ารอดชีวิตไปอย่างปลอดภัยเท่านั้น
เมื่อสาวใช้มาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า นางจึงปฏิเสธไป สาวใช้สบตากันโดยคิดว่านางบำเรอคนใหม่เป็คนอ่อนแอจึงเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างมีความสุข ทิ้งให้นางอยู่ในสภาพเวียนศีรษะ
ฉีซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินเกาะผนังไปที่ห้องแต่งตัวเพียงลำพัง นางหยิบเสื้อคลุมจากโต๊ะแล้วคลี่มันออกอย่างสั่นเทา
ทว่าเมื่อคลี่เสื้อคลุมออก ฉีซีก็ต้องตกตะลึง
นี่คือเสื้อผ้าลำลองยามนางอยู่ที่ตำหนักองค์หญิง!
สาวใช้ยอมให้นางใส่ชุดนี้ได้อย่างไร? หรือในจวนซีอ๋องไม่มีชุดสตรีชุดอื่นแล้ว?
หรือว่าเขาพบเบาะแสและจงใจให้นางใส่ชุดลำลองขององค์หญิงที่เป็ชุดผ้าไหมสีขาวราวกับหิมะและคาดเข็มขัดสีชมพู?
กำลังทดสอบนางอยู่หรือ? เขารู้ตัวตนของนางได้อย่างไร?
ศีรษะของนางอื้ออึงราวกับถูกตีเข้าอย่างแรง
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าที่เขาซื้อนางมาอาจเพราะมีแผนอะไรแอบแฝงอยู่ ภายในใจจึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
ฉีซียืนนิ่งอยู่ในห้องแต่งตัวเป็เวลานาน แต่นางกลับไม่กล้าสวมชุดนั้นเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้