“ฉันฝืนยื้อลมหายใจเฮือกสุดท้ายมาถึงตอนนี้ได้ ก็เพื่อความสงบของเทียนตู แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็คือ สิ่งที่ฉันเป็ห่วงคือเื่หลังจากนี้ นายก็น่าจะรู้ว่า หลายปีมานี้คนที่ฉันล่วงเกินไปก็มีมากเสียเหลือเกิน ทั้งต้าเจียงหนานเป่ยไม่รู้ว่ามีคนเกลียดจนแทบจะแทะกระดูกและกินเนื้อฉันมากเท่าไร ถึงจะเป็แค่ในขอบเขตของเทียนตูนี้ และก็ไม่รู้ว่าลึกๆ ภายในใจของคนมีมากเท่าไรที่คิดร้ายต่อฉัน ฉันไม่กล้าวางมือไปเสียง่ายๆ เหตุผลก็เป็เช่นนี้ พูดจริงๆ เป้าจื่อติดตามฉันมานานขนาดนี้ ฉันมีใจที่จะฝากฝังธุรกิจไว้กับเขา ฝีมือเขาไม่เลว กล้าสู้ตาย แต่ความคิดจิตใจไม่หนักแน่น เขาตรงไปตรงมาเกินไป และจะหลงกลคนอื่นได้ง่าย โดยเฉพาะกำลังของเขาคุมสถานการณ์ไม่อยู่ นี่ก็เป็เื่ที่หลายปีมานี้ฉันเป็ห่วง พอฉันตายไปแล้ว กิจการพื้นฐานนี้ของฉันก็จะสลายหายไปในพริบตา”
สักพักจ้าวอู๋จี๋ก็พูดถึงความรู้สึกภายในใจของตนให้กับเจียงไป๋ฟัง
“เ้าพ่อจ้าว … ผม … ”
เมื่อหวางเป้าได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็ไม่ได้มีอาการไม่พอใจแม้แต่น้อย เขาแอบตำหนิตัวเองอยู่ลึกๆ และขอบตาก็แดงก่ำ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่ประโยคเดียว
“นี่ก็ไม่โทษนายหรอก ชีวิตของคนฟ้าเป็ผู้กำหนด บางครั้งนายจะไม่ยอมก็ไม่ได้ ยังดีที่ฟ้ายังไม่ได้ทอดทิ้งฉันไปในที่สุด เสี่ยวไป๋การปรากฏตัวของนายทำให้ฉันเห็นถึงความหวังแล้ว”
จ้าวอู๋จี๋ที่นั่งอยู่ตรงนั้นทำไม้ทำมือ และพูดแทรกหวางเป้า เขาหันมามองเจียงไป๋ พลางพูดอย่างยิ้มแย้ม
“ผม?” เจียงไป๋แปลกใจ
“ใช่ ก็เป็นาย! นายปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก ฉันคิดว่าอีกสักสองสามปีนายจึงจะสามารถเป็ัเจียวหลงที่เก่งกาจได้ แต่ต่อมาฉันเพิ่งพบว่า นายคือัที่แท้จริงตัวหนึ่ง มีกำลังเหลือล้น พอที่จะคุมสถานการณ์ได้ ความคิดจิตใจไม่อ่อนแอ และไม่กลัวคนคิดร้ายลับหลัง กล้าสู้ตาย มีสติปัญญาพอ หากมีความแค้นกับใครก็เด็ดขาด รู้จักมีเหตุมีผล สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าคนธรรมดาทั่วไปจะทำได้ และ่นี้ที่นายไปปินไห่มารอบหนึ่ง ผลคือทำให้ฉันพอใจเป็อย่างมาก คนอย่างอู่เทียนซีฉันรู้จักดี นายสามารถเอาของของหวงชานมาจากมือเขาได้ และยังเรียกกันเป็พี่เป็น้องกับเขา ก็พอที่จะเห็นได้ว่านายไม่ง่าย เป็คนที่ทำการใหญ่ได้ จุดนี้แข็งกว่าหวางเป้ามาก ดังนั้น่นี้ฉันจึงพานายไปพบปะผู้คนไม่หยุด และส่งมอบเส้นสายของฉันให้แก่นาย”
จ้าวอู๋จี๋ตอบอย่างยิ้มแย้ม เขามองออก และพอใจในตัวเจียงไป๋เป็อย่างมาก
เมื่อพูดคำนี้ออกมา ก็ทำให้เจียงไป๋ตากระตุก
จ้าวอู๋จี๋หมายความว่าอย่างไร?
นี่้าจะมอบการงานให้กับเขาหรือ?
่วันเวลาเหล่านี้เขาก็สนิทกับจ้าวอู๋จี๋มาก แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็เป็คนนอกไม่ใช่หรือ?
เ้าพ่อจ้าวที่เรียกลมเรียกฝนได้คนนี้ ้าจะเล่นอะไรกันแน่?
รู้จักกันแค่สองสามเดือน กิจการที่ลำบากตรากตรำทำมาหลายสิบปีนี้จะมอบให้เขาหรือ?
นี่ … นี่ก็ตลกเกินไปแล้วใช่ไหม?
แต่ไม่นาน เจียงไป๋ก็รู้ว่าตนเองคิดมากไปแล้วจริงๆ เพราะจ้าวอู๋จี๋ก็ไม่ได้คิดที่จะทำอย่างนั้น
คำพูดต่อมาของจ้าวอู๋จี๋ทำให้เจียงไป๋เข้าใจใจความสำคัญของเื่นี้ “ฉันมีลูกสาวหนึ่งคน อายุไม่มาก ตอนนี้เรียนอยู่ระดับมัธยมปลายในทวีปอเมริกา ฉันไม่เคยพูดถึงเธอกับใครๆ มาก่อน โดยเฉพาะหลายปีมานี้ ฉันก็ไม่ได้ไปพบเธอแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากเป้าจื่อแล้ว ทั้งหัวเซี่ยคนที่รู้เื่นี้ก็มีไม่เกินสิบคน ฉันสู้มาทั้งชีวิต พูดจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เพื่อเธอหรือ? ฉันอยากจะมอบกิจการงานนี้ของฉันให้กับเธอ แต่เสียดายที่เด็กสาวคนหนึ่งอย่างเธอ ถูกกำหนดให้ไม่สามารถสยบคนจำนวนมากได้ ดังนั้นฉันอยากจะให้นายช่วยเธอ ก่อนที่ฉันจะตายฉันจะให้เธอกลับมา ถึงเวลานั้นทุกอย่างล้วนต้องพึ่งนายแล้ว”
“เื่นี้คุณวางใจได้ ผมจะพยายามอย่างเต็มความสามารถ”
เจียงไป๋เข้าใจอย่างทันที และพยักหน้ารับปาก
วันเวลาเหล่านี้จ้าวอู๋จี๋พาเขาไปรู้จักคนนั้นคนนี้อย่างไม่หยุด และฝากฝังเส้นสายของตนเองให้กับเจียงไป๋ และยังเกี่ยวพันกับน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ของคนใหญ่คนโตสองสามคน นอกจากปลูกฝังเจียงไป๋แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือเขาหวังว่าเจียงไป๋จะยืนหยัดได้ภายในเวลาอันสั้น ถึงจะไม่สามารถบรรลุถึงขั้นเขาได้ อย่างน้อยก็ไม่ใช่สู้ไม่ไหว
ก็เพื่ออนาคตตอนที่ลูกสาวของเขากลับมาก็พอที่จะปกป้องเด็กสาวคนนั้นได้ และก็ไม่ให้คนอื่นกลืนกินเธอทั้งเป็
หากรู้ว่า จ้าวอู๋จี๋มีธุรกิจกว้างขวาง
เท่าที่เจียงไป๋รู้ แค่ธุรกิจที่เห็นๆ กันอยู่ของจ้าวอู๋จี๋ก็มีสินทรัพย์แสนล้าน นอกจากอสังหาริมทรัพย์ เงินสด หุ้นแล้ว บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ในการควบคุมของเขาก็มีสี่สิบกว่าแห่ง พัวพันถึงการเงิน อสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมเคมี เทคโนโลยีใหม่และทันสมัย ฯลฯ ซึ่งยิ่งใหญ่เป็อย่างมาก
นอกจากนี้แล้ว ใต้ดินยังมีธุรกิจอื่นๆ อีก กึ่งดำไม่ขาว เขาเหมือนเล่นลูกติดขอบ ธุรกิจมากมายล้วนเลี่ยงเื่ที่จะปะปนคาวเืไม่ได้ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะมาจัดการเื่พวกนี้ก็ไม่ง่าย แทบจะเป็ไปไม่ได้
คนที่อยู่ใต้อำนาจของจ้าวอู๋จี๋พวกนั้นล้วนยากที่จะสยบได้หมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนภายนอกที่เป็เหมือนหมาป่าเหมือนเสือ
ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างนี้ และเจียงไป๋ก็ล้วนเข้าใจได้
“เมื่อนายพูดอย่างนี้แล้ว ฉันก็วางใจ”
จ้าวอู๋จี๋หัวเราะและไม่ได้พูดอะไรมาก
เมื่อครู่พูดไปมากมาย เขาก็เผาผลาญกำลังวังชาไปไม่น้อย และไม่มีกำลังที่จะพูดต่อได้จริงๆ
ก็เหมือนกับ่เวลานี้ที่เขาพาเจียงไป๋วิ่งไปมาหลายที่ แต่ส่วนใหญ่คนที่พูดก็ล้วนเป็หวางเป้ากับเจียงไป๋ เขาแทบจะไม่พูดเลย แต่แค่นั่งอยู่ตรงนั้นก็กดยอดเขาไท่ชานไว้ได้แล้ว บางครั้งก็แทบจะพูดเด็ดขาดในคำเดียว และน้อยมากที่จะพูดออกมา
ตอนนี้พูดมากมายแค่อึดใจเดียว ร่างกายของเขาก็รับไม่ไหวบ้างแล้ว
คำพูดต่อมาเป็หวางเป้าที่พูดว่า “นี่ก็คือลูกสาวของเ้าพ่อจ้าว จ้าวหลิงเอ๋อ … หลายปีมานี้สาวน้อยใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกกับพี่เลี้ยงสองสามคนมาตลอด นี่คือข้อมูลกับภาพถ่ายของเธอ หากเ้าพ่อจ้าวเป็อะไรไปจริงๆ ฉันก็จะให้คนส่งตัวเธอกลับมา หากพวกเราสองคนต่างก็เป็อะไรไป ฉันหวังว่านายจะไปรับเธอกลับมา แน่นอนว่า … ความเป็ไปได้มีน้อยมาก ก็แค่ตอนนี้รู้ว่า ยังไม่เลว กันไว้ดีกว่าแก้”
เจียงไป๋ดูข้อมูลในมือของตนเองที่มีอายุ ที่อยู่ ฐานะและข้อมูลอื่นๆ ของจ้าวหลิงเอ๋อ บวกกับคำพูดลับที่ต้องใช้หลังจากพบเธอแล้ว เจียงไป๋ล้วนจำได้ขึ้นใจ
พูดจริงๆ เด็กคนนี้ก็หัวดื้ออยู่บ้าง อายุแค่สิบกว่าปี แต่งตัวเซ็กซี่ และย้อมผมยาวสีทองทั้งหัว ทั้งยังถักเป็เปียเล็กๆ หลายเปีย ทำให้เจียงไป๋คิ้วขมวดอยู่ในใจ
แต่สาวน้อยคนนี้สวยจริงๆ สามารถจินตนาการถึงแม่ของเธอได้ว่าจะต้องเป็หญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่ง ถึงจะแต่งกายแย่อย่างนี้ ก็ยังคงปกปิดรูปร่างที่น่าภาคภูมิใจและใบหน้าที่สะสวยไว้ไม่ได้ ทำให้ผู้คนดูแล้วตาลุกวาว เธอไม่ได้ดูพื้นๆ และน่าเบื่อแม้แต่น้อย
สำหรับการแต่งกายที่ดูดื้อรั้นนั้น ลึกๆแล้วเจียงไป๋ก็เข้าใจได้
ตามที่ปรากฏในข้อมูล สาวน้อยไปต่างประเทศกับแม่ของเธอ แต่ตอนที่เธออายุเจ็ดแปดขวบ แม่ก็เสียชีวิตเพราะอาการป่วยบางอย่าง เธอใช้ชีวิตอยู่ในความดูแลของพี่เลี้ยงสองสามคนมาตลอด สิบกว่าปีมานี้พ่อก็ไม่เคยมาดูเลยสักครั้ง
เด็กที่โตมาในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ ถึงจะพึงพอใจในด้านการเงินและวัตถุอย่างไร ก็เลี่ยงไม่ได้ที่ภายในใจจะมีความสุดโต่ง พอโตเป็สาวก็หัวดื้อเป็พิเศษ เจียงไป๋ก็เข้าใจได้
“ผมจำได้แล้ว ทุกอย่างขอให้พี่จ้าววางใจได้ หากมีวันนั้นจริงๆ ผมจะทำตามความปรารถนาของพี่แน่นอน แน่นอนว่า … ผมก็หวังว่าจะไม่มีวันนั้น”
หลังจากที่ดูเสร็จ เจียงไป๋ก็เผาข้อมูลต่อหน้าต่อตาคนทั้งสองทันที หลังจากนั้นก็นั่งลงแล้วสัญญาอย่างจริงจังเหลือเกิน
ในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มคิดอยู่ภายในใจ หลังจากกลับไปจะสอบถามระบบสักหน่อยดีไหมว่าจะรักษาจ้าวอู๋จี๋ได้อย่างไร
ถึงอย่างไรจ้าวอู๋จี๋ก็ดีกับเขาพอสมควร หากรักษาให้หายได้ ก็ถือว่าเป็การตอบสนองน้ำใจกัน
ถึงจะไม่ได้ แต่แค่ยื้อชีวิตออกไปสักหน่อยก็ยังดี
*แก้ไขชื่อจากจ้าวหงจวง เป็ จ้าวหลิงเอ๋อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้