จีอู๋ซวงเดินมายืนข้างฮวาเหยียนและกล่าวขึ้น
ฮวาเหยียนเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือ?”
จีอู๋ซวงพยักหน้าหงึกหงัก “ก็แค่ภาพวาดภาพหนึ่งเท่านั้น ข้ารับผิดชอบเอง”
แน่นอน ฮวาเหยียนรู้ดีว่าจีอู๋ซวงสามารถรับผิดชอบได้ มิฉะนั้นเขาคงไม่เป็ผู้ที่ตั้งราคาสำหรับสิ่งของที่นางนำมาขายให้ ดังเช่นยามนี้ที่เขาเห็นนางชอบภาพวาดและตัดสินใจมอบมันให้นาง ความปรารถนาดีนี้ออกจะชัดเจนเกินไปแล้ว...
แต่ถึงอย่างไร มีของถูก มิรีบคว้าไว้ก็เป็ไข่ตะพาบ [1]
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณหลงจู้แล้วเ้าค่ะ”
จีอู๋ซวงพยักหน้า แม่นางเหยียนก็เป็เช่นนี้ ช่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
จีอู๋ซวงคุ้นเคยกับความไม่เกรงใจของฮวาเหยียนแล้ว เมื่อเห็นนางยอมรับภาพวาดไป ในใจพลันรู้สึกมีความสุขอยู่ไม่น้อย คิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับสตรีผู้นี้ใกล้ชิดกันขึ้นไปอีกขั้นแล้วเป็แน่
...
จีอู๋ซวงนำสัญญามาให้ฮวาเหยียนอีกครั้ง บนสัญญาฉบับนั้นปรากฏตราประทับของหออู๋ิที่ถูกประทับไว้เรียบร้อยแล้ว และมีจำนวนเงินถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน ฮวาเหยียนรับมาพิจารณาโดยละเอียด นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่เมื่อคิดว่าเงินทองมากมายเหล่านี้มีไว้เพื่อตี้หลิงหาน ในใจของนางก็โมโหจนอยากอาเจียนออกมาเป็โลหิต
“ตกลง หลงจู้ ข้าจะมารับเงินวันพรุ่งยามเย็น รบกวนเตรียมเงินไว้ให้พร้อมด้วย”
ฮวาเหยียนเปิดปากกล่าว แม้นางจะรู้ว่าหออู๋ิมีอำนาจร่ำรวยเงินทอง แต่เงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้นางก็ยังต้องเตือนเพื่อให้เขาตระเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า มิเช่นนั้นตอนที่มารับเงิน หากจังหวะไม่ดีทำให้ไม่สามารถรับเงินได้ สุดท้ายหากไม่อาจคืนเงินตี้หลิงหานจนต้องโดนจับกุม เช่นนั้นย่อมไม่ดีแน่
เมื่อได้ยินคำของฮวาเหยียน จีอู๋ซวงก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “เ้าจะรับเงินไปทั้งหมดเลยหรือ?”
“อืม”
แม้ว่าจีอู๋ซวงจะประหลาดใจเป็อย่างยิ่ง แต่ถ้าถามต่อไปจะกลายเป็การรุกล้ำความเป็ส่วนตัวของแขก โดยเฉพาะเมื่อสตรีตรงหน้ามีเกราะป้องกันตัวที่หนาแน่นมากพออยู่แล้ว ยิ่งยากที่จะถามเจาะลึกไปมากกว่านี้ ดังนั้นจีอู๋ซวงจึงพยักหน้าก่อนกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง เมื่อถึงเวลาที่แม่นางมารับ ย่อมได้เงินกลับไปแน่นอน”
ได้รับคำตอบรับจากจีอู๋ซวงแล้ว ฮวาเหยียนก็วางใจ “ตกลง เช่นนั้นเจอกันวันพรุ่ง”
เช่นนี้ก็จะไปแล้วหรือ?
“เชิญแม่นาง”
จีอู๋ซวงกล่าว
ผู้ใดจะรู้ว่าดวงตาของฮวาเหยียนกลับลอยไปยังภาพวาดบนผนังภาพนั้น “ท่านมิได้กล่าวว่าจะมอบมันให้ข้าหรือ?”
จีอู๋ซวง “...!”
แม่นางผู้นี้ เป็ทาสของเงินอย่างแท้จริง
นางถือภาพวาดที่จีอู๋ซวงมอบให้ ฮวาเหยียนได้รับการส่งแขกตลอดเส้นทางกลับออกจากหออู๋ิ
นางอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่ง พอมองดูสีของท้องฟ้าและเห็นว่าเลยเวลาอาหารกลางวันไปแล้ว นางจึงคิดว่าจะไปโรงน้ำชาซินเยว่เพื่อดูสถานการณ์ เมื่อลองคำนวณเวลา ยามนี้แม่นางมู่คงได้พบกับพี่ใหญ่แล้วเป็แน่ ยิ่งมิอาจทราบได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของทั้งสองคนเป็เช่นไร? ฮวาเหยียนร้องเพลงก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงน้ำชา...
อีกด้านหนึ่ง หลังจีอู๋ซวงส่งฮวาเหยียนจากไปไม่นาน เขาก็รีบวิ่งกลับไปบนชั้นสองและเห็นว่าตี้หลิงหานออกมาจากห้องลับแล้ว ชายหนุ่มนั่งจิบชาสมุนไพรอยู่ที่เก้าอี้ด้านนอกโดยมีอั้นจิ่วยืนอยู่ข้างหลัง ปากปิดสนิทนิ่งเงียบ ทั่วทั้งร่างดูเคร่งขรึมจริงจัง
จีอู๋ซวงตัวสั่นอย่างหาสาเหตุมิได้ ไยเขาจึงรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวของอาหานดูน่ากลัวเล็กน้อยกันเล่า?
“อาหาน เ้ารู้จักแม่นางเหยียนหรือ?”
รังสีแห่งความตื่นเต้นปกคลุมจีอู๋ซวงไปทั้งกาย เขาวิ่งไปที่ด้านข้างของตี้หลิงหานและถามออกมาเสียงดัง
ตี้หลิงหานมิได้กล่าวอันใด จีอู๋ซวงจึงหยิบขวดกระเบื้องเคลือบทั้งสองออกมาจากสาบเสื้อตรงอกเขาอย่างตื่นเต้น ซึ่งก็คือยาที่ฮวาเหยียนเพิ่งขายให้แก่หออู๋ิ โอสถจินฉวนและโอสถเซวียนลี่ “อาหาน อย่างที่ข้าเคยบอกไว้ เ้ามีทางรักษาแล้ว เื้ัแม่นางผู้นั้นมีปรมาจารย์สุดยอดนักปรุงยาอยู่ ฝีมือล้ำเลิศยิ่งนัก สามารถกลั่นยาที่บริสุทธิ์สมบูรณ์แบบออกมาได้ เทียบกับข้าแล้วถือว่าถูกทิ้งห่างชนิดไม่เห็นฝุ่น นอกจากนี้ เ้ารู้หรือไม่ว่าสมุนไพรชนิดใดที่เป็ส่วนผสมของโอสถจินฉวนและโอสถเซวียนลี่นี้? อาหาน เราต้องหานักปรุงยาที่อยู่เื้ัแม่นางผู้นั้นให้พบ เขาต้องมีโอสถิญญาล้ำค่าหายากมากมายอยู่ในมือเป็แน่ ไม่พูดไม่ได้ว่าบางทีเขาอาจมียาถอนพิษที่เ้า้าก็เป็ได้”
จีอู๋ซวงตื่นเต้นเสียจนดวงตาเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ
ตอนที่ฮวาเหยียนยังอยู่ เขาควบคุมตนเองอย่างเคร่งครัด ยามนี้พอส่งคนออกไปแล้ว ทั่วทั้งร่างเขาจึงแทบะโด้วยความตื่นเต้น
เมื่อได้ยินคำที่จีอู๋ซวงเอ่ย ดวงตาของอั้นจิ่วก็สว่างวาบขึ้นมาเช่นกัน
มีเพียงตี้หลิงหานผู้เดียวที่นั่งบนเก้าอี้โดยปราศจากความรู้สึก
“แม้ตอนนี้จะยังไม่ทราบถึงตัวตนของแม่นางเหยียน ทว่าก็มิเป็ไร จากการสังเกตของข้า แม่นางผู้นั้นเป็คนรักเงิน เพียงเราใช้อารมณ์เขย่าหัวใจ และใช้เหตุผลเพื่ออธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจ เมื่อรวมกับการใช้เงินทองหลอกล่อ เ้าไม่ต้องกลัวว่าแม่นางเหยียนจะไม่ใจสั่น ถึงยามนั้นพวกเราค่อยเจรจาเื่นักปรุงยาที่อยู่เื้ันาง เชิญเขามาช่วยรักษาอาการของเ้า”
เวลานี้ทั้งร่างของจีอู๋ซวงเต็มเปี่ยมด้วยพลังงาน แทบจะพุ่งตัวไปวิ่งรอบถนนสักสองรอบ
“อาหาน เ้ากล่าวอันใดบ้างสิ”
เขากล่าวด้วยความตื่นเต้นอยู่นาน แต่สุดท้ายกลับพบว่าตี้หลิงหานไร้ซึ่งการตอบสนองใด จีอู๋ซวงกระตุ้นอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ เหตุใดจึงเงียบสงบได้ถึงเพียงนี้ ก็ใช่ที่เ้านี่ย่อมไม่ทราบว่านักปรุงยาที่กลั่นยาระดับนี้ออกมาได้นั้นเยี่ยมยอดเพียงใด
ทว่าทันทีที่สิ้นเสียง เขากลับได้ยินตี้หลิงหานเอ่ยอย่างเ็าว่า “ใช้อารมณ์เขย่าหัวใจ และใช้เหตุผลเพื่อทำให้ผู้อื่นเข้าใจเช่นนั้นหรือ? เฮอะ...”
ถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือถูกเขาบดขยี้จนแหลกเป็ผุยผง
ซ่า
“อะไร เกิดอันใดขึ้นหรือ?”
จีอู๋ซวงตกตะลึง ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าการแสดงออกของตี้หลิงหานมีบางอย่างผิดปกติ ใบหน้าราวกับมีคนติดหนี้เขาแปดล้านตำลึงนี่คือสิ่งใด? ดวงตายาวเรียวเต็มไปด้วยความสับสน “อาหาน เ้าเป็อันใดไป? เป็เพราะข้าใช้เงินหนึ่งล้านตำลึงในการซื้อโอสถสองขวดนี้หรือ เช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ว่าโอสถสองขวดนี้มีประสิทธิภาพเช่นไร หากมีการประมูลย่อมทำให้เกิดความโกลาหลอย่างหลีกเลี่ยงมิได้เป็แน่ แม้ว่าราคาที่ข้าให้ไปจะสูง แต่ก็เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับแม่นางเหยียน หากถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะถามนางเื่บุคคลที่อยู่เื้ัการปรุงยาเหล่านี้ได้สะดวกกว่า...”
จีอู๋ซวงอธิบาย
ตอนที่อั้นจิ่วได้ยินเื่เงินจำนวนหนึ่งล้านตำลึง เขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง ทั้งสูดลมหายใจเข้าปอดไปเฮือกหนึ่ง
วินาทีถัดมาจึงเห็นตี้หลิงหานลุกขึ้น ดวงตาของเขาลึกล้ำดั่งสระน้ำเหมันต์เย็นะเื เขามองจีอู๋ซวงและกล่าวว่า “มิใช่เพราะเหตุผลตามเ้ากล่าวมา ข้าขอถามเ้า จนถึงวันนี้สตรีผู้นั้นฝากเงินไว้ที่หออู๋ิทั้งหมดกี่ตำลึง?”
“สองล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นตำลึง”
จีอู๋ซวงตอบโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
หลังจบคำ เขาก็เห็นตี้หลิงหานเผยรอยยิ้มบางพลางเอ่ยอย่างเ็าว่า “ยามเย็นวันพรุ่ง เมื่อสตรีผู้นั้นมารับเงิน เ้าจงไม่ให้นางแม้แต่ตำลึงเดียว จงริบเงินไว้ทั้งหมด”
“อะ...อะไรนะ?”
จีอู๋ซวงจะอย่างไรก็ไม่เคยคิดว่าตี้หลิงหานจะพูดจาเช่นนี้ออกมา ทั้งร่างเขาพลันะโลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก ทั้งจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อ “อาหาน เหตุใดถึงต้องทำเช่นนี้ แม่นางผู้นั้นทำให้เ้าขุ่นเคืองหรือ?”
ตี้หลิงหานไม่เอ่ยคำ เอาแต่กดริมฝีปากบางไว้อย่างแ่า ซึ่งนั่นทำให้จีอู๋ซวงร้อนรนเป็กังวล
“อาหาน เ้าพูดอันใดสักหน่อยสิ ตกลงเ้าหมายความว่าอย่างไร? เงินจำนวนสองล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นตำลึงมิใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย แต่สำหรับหออู๋ิของพวกเราแล้ว นั่นเป็เพียงขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว [2] แล้วเหตุใดเ้าถึงต้องริบเงินจากแม่นางผู้นั้นด้วย?”
จีอู๋ซวงขมวดคิ้ว ถามด้วยความสงสัย
อั้นจิ่วซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้าหายใจแรง คำด่าว่าสารเลวของคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ยังคงดังก้องในหูเขาจนถึงยามนี้
ตี้หลิงหานหลับตาลง ระยะเวลาที่เขาตกลงกับแม่นางมู่อันเหยียนคือสามวัน และพรุ่งนี้คือวันที่สาม หากเงินถูกถอนออกจากหออู๋ิ ข้อตกลงนั้นก็จะถูกยกเลิกไป ดังนั้นตอนนี้ไม่ว่าอย่างไร เขาก็มิอาจยอมให้นางรวบรวมเงินได้ครบ
เขาประเมินสตรีผู้นี้ต่ำเกินไป ภายในเวลาน้อยนิดแค่สามวันก็สามารถรวบรวมเงินจำนวนสามล้านตำลึงมาได้แล้ว แม้แต่เขาก็ยังมิอาจไม่กล่าวแสดงความชื่นชม
เป็เพราะตัวนางเต็มไปด้วยโอสถิญญาและขุมสมบัติ หึ...
เพียงแต่ไม่รู้ว่า หากนางทราบว่าหออู๋ิเป็ทรัพย์สินของเขา นางจะทำเช่นไร?
ไอ้ สาร เลว
เยี่ยม ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
“สตรีผู้นี้ ข้า้าตัวนาง แม้ตายก็จงตายอย่างไร้ที่กลบฝัง”
คำพูดเ็าเฉยเมยถูกพ่นออกมาจากปากของตี้หลิงหาน
จีอู๋ซวงเป็คนฉลาด
ท่านแม่ อาหานรู้จักแม่นางเหยียนจริงหรือนี่? เป็ความเกลียดชังเช่นใดกัน?
“คืนวันพรุ่งเมื่อนางมาเอาเงิน เ้าจงบอกนางว่าเป็เพราะจำนวนเงินมหาศาลเกินไป หออู๋ิจึงขาดแคลนการหมุนเวียนทางการเงิน มิสามารถนำเงินออกมาได้มากมายเพียงนั้นในคราเดียว ให้ผลัดออกไปอีกสามวัน”
เชิงอรรถ
[1] มีของถูก มิรีบคว้าไว้ก็เป็ไข่ตะพาบ 有便宜不占王八蛋 (Yǒu piányí bù zhàn wángbā dàn) หมายถึง มีของถูกหรือของฟรี ใครไม่รีบฉกฉวยไว้ย่อมโง่มาก
[2] ขนเส้นเดียวบนวัวเก้าตัว 九牛一毛 (jiǔ niú yī máo) หมายถึง สิ่งเล็กน้อยจนไม่ควรค่าที่จะนำมาใส่ใจ ส่วนเล็กน้อยในปริมาณมหาศาล น้อยนิดจนไม่มีค่าพอให้พูดถึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้