บทที่ 74 มิติลับเพลิงต้นกำเนิด
ลั่วเฉิงกงตายแล้ว ด้วยฝ่ามือของลั่วจงเทียนที่ตบลงบนกระหม่อมของเขา จากนั้นตัดนิ้วของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว ลั่วเฉิงสิงและลั่วจงเฉวียนก็ตัดคนละนิ้วเช่นกัน ในเวลาเช่นนี้ พวกเขารู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว มีเพียงต้องตัดนิ้วถึงจะมีชีวิตรอด เทียบกับชีวิตแล้ว ตัดไปเพียงหนึ่งนิ้วไม่อาจเทียบได้เลย
“เ้าทำดีมาก!” ท่านทูตกล่าวกับหลิวหยิ่งอย่างสงบนิ่ง จากนั้นเทยาเม็ดเขียวกระจ่างออกมาหนึ่งเม็ดและยื่นให้ หลิวหยิ่งาเ็เพื่อเขาไม่น้อยเลย หากไม่ใช่หลิวหยิ่งปรากฏตัวออกมา เกรงว่าเื่ในวันนี้อาจมีจุดจบอีกอย่างหนึ่ง
“ขอบพระคุณท่านทูตขอรับ” หลิวหยิ่งเพียงได้กลิ่นยาก็ทำให้ใจสดชื่นได้แล้ว ได้แต่ตื่นเต้นยินดี พลังิญญาที่หมุนเวียนอยู่บนยาเม็ดนี้มากมายเสียจนราวจะรวมตัวเป็ก้อนเมฆนอกเม็ดยาได้อยู่แล้ว มีหรือเขาจะไม่รู้คุณค่าของยาเม็ดนี้
“กินมันลงไปเสีย มันจะช่วยเื่การหมุนเวียนลมปราณในทันที ช่วยทำให้พลังิญญาในร่างกายบริสุทธิ์ขึ้น แล้วยังช่วยให้าแของเ้าฟื้นตัวได้ด้วย” น้ำเสียงของท่านทูตสงบนิ่ง จากนั้นหันหน้าไปเล็กน้อย สายตามองไปยังชายชราเคราแดงที่เอาชนะลั่วเฉิงสิงได้ในกระบี่เดียว และเอ่ยถามอย่างเ็า “พวกเ้าเฝ้าสังเกตข้าอยู่หรือ?”
สีหน้าของชายชราเคราแดงถอดสีทันที เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เป็รูปธรรมราวกับูเาสูง ในใจถึงกับสั่นกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่แต่ทำความเคารพออกไป “เรียนท่านทูต พวกเราปรากฏตัวที่เจียงหยินไม่ได้เป็เพราะเจตนาเฝ้าสังเกตท่านทูตแต่อย่างใด และมิบังอาจทำเช่นนั้น การกระทำของท่านทูต มีเพียงกฎแห่งฟ้าดินคอยดูแล ความจริงแล้วพวกเราปรากฏตัวที่เจียงหยินเป็เพราะ่นี้ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลง มิติลับเพลิงต้นกำเนิดในตำนานเหมือนจะคลายผนึกออก พวกเราจึงล่วงหน้ามาที่เจียงหยินก่อน เพื่อตรวจสอบเื่มิติลับเพลิงต้นกำเนิด ทว่าได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหลิวหยิ่ง ทั้งหมดจึงรีบมุ่งหน้ามาที่นี่ขอรับ”
“มิติลับเพลิงต้นกำเนิดอยู่ในเมืองเจียงหยินอย่างนั้นหรือ?” ท่านทูตใเล็กน้อย
“เป็เช่นนั้นขอรับ มิติลับเพลิงต้นกำเนิดไม่เคยมีข้อกำหนดเวลาที่จะเปิดขึ้น อีกทั้งตำแหน่งที่มิติลับเปิดผนึกยังแทบจะเหมือนกันสักครั้ง แต่ผู้ทำนาย์แห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์มีวิธีทำนายได้ สถานที่เปิดผนึกของเผ่ามนุษย์อยู่ใกล้กับเจียงหยิน แต่เพราะวิหารเสินจั้นกังวลว่าชาวต่างเผ่าจะมาทำลายสถานที่เปิดผนึกเสียก่อน เ้าวิหารจึงสั่งให้พวกข้ารีบหาทางเข้าสู่มิติให้พบโดยเร็วที่สุด ดังนั้นพวกข้าจึงเฝ้าอยู่บริเวณเจียงหยินมาโดยตลอดขอรับ” ชายชราเคราแดงผู้มีตำแหน่งในหมู่ผู้พิทักษ์คล้ายว่าจะสูงกว่าหลิวหยิ่ง ระดับพลังเองก็สูงกว่าเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านทูต สถานะกับระดับพลังเพียงเท่านี้นับว่ายังไม่พอ จึงกล่าวตอบไปด้วยความจริงใจอย่างสุดแสน เมื่อเขาเห็นว่าสีหน้าของท่านทูตเริ่มเย็นลงแล้ว ถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง
ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าการที่ท่านทูตมายังโลกชั้นล่าง ล้วนได้รับคำสั่งให้เฝ้าระวังอยู่แล้ว ทว่าสิ่งเหล่านี้ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ ไม่มีใครกล้ากล่าวโผงผางออกมาแน่ เห็นได้ชัดว่า อารมณ์ตอนนี้ของท่านทูตไม่ค่อยดีนัก การที่ท่านทูตผู้สง่างามกลับต้องเสียท่าในโลกชั้นล่าง ถ้าไม่ใช่เพราะผู้พิทักษ์เหล่านี้เร่งเดินทางมา ครั้งนี้คงไม่แคล้วถูกสังหารลงที่นี่เป็แน่ สำหรับเขาเรียกได้ว่าเป็ความอัปยศครั้งใหญ่ทีเดียว ดังนั้นวาจาที่กล่าวออกมาจึงไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไร
“มิติลับเพลิงต้นกำเนิดนี่คืออะไรกันแน่?” ใจของลั่วถูถึงกับเต้นไม่เป็ส่ำเมื่อได้ยินชื่อนี้เข้าก็ตื่นเต้นอย่างไม่รู้เหตุผลขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ในตำนานกล่าวว่าในมิติลับเพลิงต้นกำเนิด เคยปรากฏชิ้นส่วนของเพลิงต้นกำเนิดโบราณอันลึกลับขึ้น ถ้าได้รับและกินชิ้นส่วนนั้นเข้าไป จะสามารถกลั่นพลังิญญาไฟในตัวเองได้ โดยเฉพาะคนที่มีรากิญญาไฟ จะยิ่งทำให้ิญญาบริสุทธิ์ขึ้นมากแน่นอน ทำได้กระทั่งช่วยให้ผู้มีรากิญญาไฟที่ยังไม่เปิดิญญา มีโอกาสเปิดิญญาสำเร็จได้ง่ายขึ้นด้วย”
“แน่นอนว่า สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในมิติลับเพลิงต้นกำเนิดไม่ใช่แค่ชิ้นส่วนเพลิงต้นกำเนิด แต่เป็วิวัฒนาการที่สั่งสมมานานปีจนนับไม่ถ้วน จนเกิดสติปัญญาขึ้นในชิ้นส่วนมากมายเ่าั้ และสิ่งนั้นคือิญญาเพลิง หรือก็คือเปลวไฟที่มีชีวิต แต่สำหรับอาจารย์ปรุงยาแล้ว สิ่งเ่าั้นับว่ามีแรงดึงดูดที่อาจอันตรายถึงชีวิตได้” ชราเคราแดงไม่ได้ปิดบัง เขากล่าวอธิบายอย่างละเอียด
“ในโลกชั้นสูงิญญาเพลิงเหล่านี้แบ่งเป็หลายระดับ ระดับหนึ่งคือเพลิงอสูร สองคือเพลิงภูต สามคือเพลิงปฐี สี่คือเพลิง์ เพลิงอสูรกับเพลิงภูตใช้ปรุงยาได้ดีมาก อาจารย์ปรุงยามากมายล้วนมีเปลวไฟของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ส่วนมากล้วนเป็เพลิงอสูรกับเพลิงภูต เพราะิญญาเพลิงเหล่านี้มีจำนวนมาก แต่พวกที่ระดับสูงกว่าเพลิงปฐีมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เพราะเปลวไฟระดับนี้มีคุณภาพสูงที่สุด เป็เปลวไฟที่เติบโตได้ บางทีตอนแรกอาจไม่แข็งแกร่งเท่าไรนัก ทว่ามันกลับสามารถกลืนกินเพลิงแบบเดียวกันได้ ทำการกลืนกินเพลิงอสูรกับเพลิงภูตเพื่อกลายเป็ผู้แข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ และหากเพลิงปฐีกลืนกินเพลิงแบบเดียวกันหรือเพลิงต้นกำเนิดมากพอ ก็จะมีโอกาสวิวัฒนาการไปเป็เพลิง์ได้ แน่นอนว่ามีผู้กล้าคิดท้าทาย์เช่นกัน แรกเริ่มก็กินเพลิง์เข้าไปเสียแล้ว ผู้มีเพลิง์ ล้วนเป็วีรบุรุษของโลกใบนี้กันทั้งนั้น ถ้าไม่ถูกสังหารตาย ้าเป็ผู้นำในที่แห่งนั้นแน่ เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสเช่นนี้ เคยได้ยินว่าในมิติลับเพลิงต้นกำเนิดไม่เคยมีเพลิง์ปรากฏขึ้นเลยสักครั้ง ระดับของเพลิงที่สูงที่สุดที่เคยปรากฏขึ้นมีเพียงเมื่อหนึ่งพันห้าร้อยปีก่อน มีคนเคยได้รับิญญาเพลิงปฐีไป ตอนนี้ก็คือคนที่ทุกคนเคารพและขนานนามว่า เพลิงมาริญญาศักดิ์สิทธิ์” ท่านทูตกล่าวแนะนำต่อจากชายชราเคราแดงอย่างแช่มช้า
“เช่นนั้นไม่ใช่ว่าคงมีคนเข้าไปเยอะมากหรอกหรือ?” ในใจของลั่วถูรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาทันที ถ้ามิติลับเพลิงต้นกำเนิดมีดีถึงขนาดนั้นจริง เช่นนั้นต้องอันตรายมากแน่นอน นั่นเป็ของที่กระทั่งยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ก็รู้สึกดึงดูดอย่างมาก เมื่อครู่เขาประมือกับลั่วเฉิงซวงครั้งหนึ่ง ต่อให้เขาใช้กระบี่คมที่ทำจากเหล็กแกร่งเล่มหนึ่ง แต่กลับไม่อาจทำลายพลังิญญาคุ้มกายของลั่วเฉิงซวงได้ แถมยังถูกพลังิญญาคุ้มกายสะท้อนเข้าใส่เสียอีก เห็นได้ชัดว่าระหว่างเขาและระดับปรมาจารย์มีระยะห่างชั้นเพียงไหน ถ้าเกิดระดับปรมาจารย์เข้าไปได้ เช่นนั้นโอกาสตายย่อมสูงลิบแน่นอน
“ก็ไม่เชิง มิติลับเพลิงต้นกำเนิดมีอำนาจดึงดูดคนได้มากก็จริง แต่ว่าด้านในมีข้อกำหนดบังคับ มีเพียงผู้ที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ถึงจะเข้าไปได้ อีกทั้งจำนวนที่เข้าไปได้ก็มีจำกัด ทุกครั้งที่เปิดผนึก จะเข้าไปได้ไม่เกินหนึ่งแสน เมื่อถึงจำนวนที่กำหนด ทางเข้าก็จะหายไปเอง ดังนั้นคนที่เข้าไปของทุกเผ่าพันธุ์ส่วนมากจะคัดเลือกจากยอดฝีมือระดับสูง ทางที่ดีที่สุดคือเลือกคนที่มีระดับพลังยิ่งสูงยิ่งดี เช่นนี้เมื่อต้องเข้าไปแย่งชิงทรัพยากรก็จะมีโอกาสมากขึ้นหน่อย โอกาสรอดชีวิตก็มากขึ้นไปด้วย” ชายชราเคราแดงกล่าว
ลั่วถูได้แต่ถอนหายใจ นี่ก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี พลังเช่นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์เขาก็ไม่มี ยิ่งถ้าทุกเผ่าล้วนเลือกส่งศิษย์าขั้นแปดหรือเก้าเข้าไป เมื่อเจอเข้ากับคนเ่าั้ เขาก็ไม่พ้นตายอย่างอนาถอยู่ดี แต่ว่าในใจรู้สึกไม่อยากยอมแพ้เอาเสียเลย
เหมือนกับอ่านความคิดของลั่วถูออก ชายชราเคราแดงจึงได้แต่หัวเราะ “แม้ตามทฤษฎีแล้วขอเพียงมีพลังต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ล้วนเข้าไปได้ แต่ในมิติเพลิงต้นกำเนิดก็มีกฎข้อห้ามบางประการอยู่เช่นกัน ต่อให้เป็ศิษย์าขั้นเก้า แต่เมื่ออยู่ในนั้นก็ไม่มีทางสำแดงพลังสู้รบออกมาอย่างสุดฝีมือได้ เคยมีตัวอย่างเช่นศิษย์าขั้นห้าสังหารศิษย์าขั้นเก้ามาแล้ว ดังนั้นในมิติลับเพลิงต้นกำเนิด ใช่ว่ายิ่งระดับสูงจะยิ่งแข็งแกร่งเสมอไป!”
“เช่นนั้น ถ้าคนเช่นข้าเล่า เคยมีคนเข้าไปหรือไม่?” ลั่วถูถามต่ออย่างไม่ยอมเชื่อง่ายๆ
“ก็เคยมี คนที่ไม่มีหวังเปิดิญญาแล้ว แต่ยังหวังเข้าไปตามหาโอกาสของตัวเอง จนสามารถเปิดิญญาได้อย่างราบรื่น แต่ว่าในการเปิดผนึกหลายครั้งที่ผ่านมานี้ไม่มีสักคน เพราะคนที่ยังไม่เปิดิญญาที่เข้าไป แทบไม่เคยมีใครรอดชีวิตกลับมา ดังนั้นแต่ละเผ่าพันธุ์จึงไม่ใช้โอกาสเหล่านี้อย่างเสียเปล่าไปกับคนธรรมดาเด็ดขาด!”
“ถ้ามีโอกาส เ้าอาจได้พาสหายข้างกายเ้าเข้าไปดูพร้อมกันก็เป็ได้!” จู่ๆ ท่านทูตกลับกล่าวเช่นนี้ออกมาเสียอย่างนั้น!
“โอ๊ะ!...” ลั่วถูอึ้งเล็กน้อย
“ใช่แล้ว... ”
“ตูม... ” เสียงของเจียงิ่ยังกล่าวไม่ทันจบ กลับรู้สึกได้ว่าพื้นดินใต้เท้ากำลังสั่นไหว จนเห็นฝุ่นลอยขึ้นจากพื้นด้วยซ้ำ
ผู้คนใไปตามๆ กัน ยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ ก็ต้องพบว่ามีเสาแสงสีแดงพุ่งขึ้นฟ้าจากที่ไกลๆ อยู่ด้วย จากนั้นปรากฏประตูบานหนึ่งขึ้นกลางอากาศ แสงสว่างนับหมื่นนับพันดวงแผ่ตัวออกทั่วทุกสารทิศราวกับเกลียวคลื่นอย่างไรอย่างนั้น พื้นดินยังคงสั่นไหวรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“มิติลับเพลิงต้นกำเนิด... ” บรรดาผู้คนหลุดปากออกมาพร้อมกัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อครู่ยังกล่าวเื่มิติลับเพลิงต้นกำเนิดอยู่เลย แต่จู่ๆ กลับพบว่ามันเปิดผนึกขึ้นต่อหน้าต่อตาเสียอย่างนั้น อีกทั้งดูจากเสาแสงแล้วคงอยู่ห่างจากตระกูลลั่วไม่ไกล ราวสักหลายสิบลี้ได้ แต่เมื่อมองเพียงแสงที่พุ่งขึ้นสูงเสียดฟ้า เกรงว่าต่อให้อยู่ในเมืองเทียนตูก็ยังมองเห็นได้ชัดเจน
“ท่านทูตขอรับ พวกข้าขอตัวออกเดินทางก่อน ครั้งนี้ไม่อาจอยู่นานได้ ขอท่านทูตโปรดอย่าได้ตำหนิ” ชายชราเคราแดงกล่าวอย่างร้อนรน
“ไปเถอะ จำไว้ว่าจงเว้นที่ไว้ให้สหายสองคนนี้ด้วย!” ท่านทูตมองไปที่ลั่วถูกับเจียงิ่อย่างเปี่ยมความนัย พลางส่งรอยยิ้มอันราบเรียบ
ชราเคราแดงถึงกับอึ้ง ลังเลเล็กน้อย จากนั้นยิ้มและกล่าวว่า “เื่นี้กฏนั้นแก้ไขไม่ได้ แต่คนที่เข้าไปก่อนที่พวกข้าจะไปถึงทางเข้ามิติลับเพลิงต้นกำเนิด ย่อมไม่อยู่ในอำนาจการควบคุมของพวกข้าแล้ว หากจะว่าไปเช่นนั้น เ้าทั้งสองควรรีบเข้าไปก่อนพวกข้าเสีย!”
ในใจลั่วถูลังเลอย่างมาก แต่นี่เป็โอกาสอันหาได้ยากอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็รายชื่อที่ท่านทูตแย่งชิงมาให้เขาอีกต่างหาก ในเมื่อชายชราเคราแดงกล่าวเช่นนี้ ความหมายก็ชัดเจนแล้ว แต่เมื่อคิดดู การที่ท่านทูตกล่าวเช่นนี้ต้องมีเหตุผลของเขาอยู่แล้ว แต่ย่อมไม่ใช่การทำร้ายเขาอย่างแน่นอน
“พี่ถู พวกเราเข้าไปดูหน่อยเถอะ โอกาสเช่นนี้หายากนัก คนบางคนตลอดชีวิตก็ไม่มีทางได้พบโอกาสดีเช่นนี้ด้วยซ้ำ!” เจียงิ่กล่าวอย่างมั่นใจ
“ได้ ไปดูกัน!” ลั่วถูพยักหน้า เขาใจเต้นระรัวไปหมดแล้ว
“นี่ใต้เท้าท่านทูต ได้ยินว่าทุกคนที่เข้าไปด้านในล้วนถูกสุ่มไปคนละที่ ท่านมีสมบัติอะไรที่พอจะระบุตำแหน่งในที่แห่งนั้นได้หรือไม่ มอบให้พวกเราสักคู่หนึ่งเถอะ!” เจียงิ่กล่าวกับท่านทูตอย่างไร้ความเกรงใจ
“ที่ตัวข้ามียันต์กำหนดเสียงพันลี้จริง เพียงอยู่ในระยะพันลี้ ก็สามารถััถึงกันได้ ในร้อยลี้พูดคุยกันได้ แต่หากในพื้นที่นั้นมีกฎเกณฑ์คอยขัดขวาง ประสิทธิภาพย่อมลดลงไปด้วย เอาไว้ที่ข้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร สู้มอบให้พวกเ้าเสียยังดีกว่า!”
“ใต้เท้าท่านทูต ข้าเห็นกระบวนวิชาของแท่งไม้แหลมช่างเก่งกาจยิ่งนัก หากข้าขอยืมหน่อยท่านจะว่าอย่างไรหรือขอรับ?” ลั่วถูประหลาดใจกับความใจกว้างของท่านทูตเหลือเกิน แต่พอมาคิดดูแล้ว อาวุธในมือของเขาไม่มีทางทำลายการป้องกันของระดับปรมาจารย์ได้ แต่ไม้แหลมของท่านทูตกลับแทงลั่วเฉิงซวงทะลุได้อย่างง่ายดาย ของสิ่งนั้นต้องเป็สมบัติหายากไม่ผิดแน่
“โอ้ ในเมื่อเ้าชอบ เช่นนั้นก็ยกให้เ้าแล้วกัน!” ท่านทูตยิ้ม นำแท่งสีดำไร้ประกาย แต่มีลวดลายเป็เส้นปรากฏอยู่มอบให้ลั่วถูกับมือ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้