“เ้าพ่อเจียง ผมผิดไปแล้ว … ผมผิดไปแล้วจริงๆ ขอร้องล่ะคุณปล่อยผมไปได้ไหม … ต่อไปผมจะไม่กล้าแล้วแน่นอน ไม่กล้าแล้วแน่นอน”
เวลานี้ถึงเ้าอ้วนหวางจะโง่แค่ไหน แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีฐานะอย่างไร
ไม่เห็นหรือว่าเจียงไป๋นั่งอยู่ตรงนั้น แต่อู๋คนโตกับคนเล็กก็แค่ยืนอยู่ด้านข้าง?
ไม่เห็นหรือว่าจ้าวฉี ยังมีเถ้าแก่คนนั้นของเขาอีก หลังจากที่เจียงไป๋ออกคำสั่ง ก็ไม่กล้าคัดค้านแม้แต่น้อย?
เ้าอ้วนหวางก็ไม่ได้เสียสติ เป็ธรรมดาที่จะดูออกว่าที่นี่ใครใหญ่ และก็ดูออกว่าตนเองล่วงเกินใคร
“นายลองว่ามาสิจะจัดการอย่างไร?”
เจียงไป๋ขมวดคิ้ว และชี้เ้าอ้วนหวางที่อยู่ตรงหน้า เขาคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่าควรจะลงโทษอย่างไร
ฆ่าเขาหรือ? เหมือนว่าไม่จำเป็
แต่หากไม่ฆ่าเขา จะลงโทษอย่างไร?
เจียงไป๋คิดไม่ออกอยู่่หนึ่ง
“ผม … ผม … ” เ้าอ้วนหวางพูดกระอึกกระอักไม่หยุด และก็มึนงงแล้ว
เขาอยากจะพูดว่าให้เจียงไป๋ปล่อยเขา แต่ก็รู้สึกว่านี่เป็ไปไม่ได้
อยากจะพูดถึงน้องชายของตนเอง แต่ก็รู้สึกว่า ถึงจะพูดออกไป ดูจากท่าทางของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นแก่หน้า
หากรู้ว่าน้องชายคนนั้นของตนเองก็แค่เป็รอง อย่าว่าแต่คนที่อยู่ตรงนี้เลย อู๋คนโตก็คงไม่เห็นแก่หน้าเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นอู๋คนโตยังเป็คนที่พยายามเอาอกเอาใจอย่างสุดชีวิต?
แต่หากไม่พูดอย่างนี้ จะให้เขาลงโทษตนเองหรือ? จะพูดออกไปได้อย่างไรกัน?
ตีสักยก?
เหมือนจะเบาไปหน่อย
สองคนนั้นเมื่อครู่ก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าเขา คนหนึ่งม้วนเสื่อไปให้พ้น ต้องพเนจรไปทั่ว และไม่กลับมาที่เทียนตูอีกแม้แต่ก้าวเดียว
อีกคนก็หักแขนหนึ่งข้าง
ทั้งสองคนก็แค่ขยับปาก ไม่ได้ลงมือ แต่ก็ตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เลวร้ายกว่าพวกนั้นใช่ไหม แบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าการลงโทษต้องหนักกว่าที่พวกนั้นได้รับหรือ?
แต่จะลงโทษอย่างไร?
ก็ไม่ควรฆ่าตัวเองใช่ไหม?
ทำให้พิการหรือ?
เขาเองก็ไม่อยาก
เ้าอ้วนหวางไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ก็แค่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นอย่างสั่นไม่หยุด
“คิดไม่ออก? ฉันว่าสู้จัดการเครื่องมือก่อคดีซะ เพื่อเลี่ยงว่าต่อไปนายจะไปทำอะไรมั่วซั่วอีก และทำร้ายผู้หญิงคนอื่นๆ ฉันอู๋เทียนถึงจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่สิ่งที่เกลียดที่สุดก็คือคนที่ใช้กำลังกับเื่อย่างนี้ ช่างน่าขายหน้าจริงๆ!”
อู๋เทียนฉีกยิ้มและออกมาช่วยเ้าอ้วนหวางคิดวิธีการ
“จัดการเครื่องมือก่อคดีหรือ?”
เมื่อเ้าอ้วนหวางได้ยินแล้ว สีหน้าก็ขาวซีด ตัวสั่นเทาไม่หยุด และมองก้มต่ำจากท้องลงไป
หากจัดการเครื่องมือก่อคดีจริงๆ นั่นก็สู้ตายเสียจะดีกว่า
“เ้าพ่อเจียง … เ้าพ่อเจียง ผมไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้วจริงๆ ผมรับปากต่อไปผมจะไม่ทำอย่างนี้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้น … ไม่อย่างนั้น … ผมจะไปจากเทียนตูเสียเดี๋ยวนี้ ผมสัญญาต่อไปจะไม่มาปรากฏตัวอีก ขอร้องล่ะ … ขอร้องล่ะ ปล่อยผมไปเถอะ … ”
เ้าอ้วนหวางทั้งพูดทั้งร้องไห้ทันที นี่ก็คนอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว ร้องอย่างกับแมวน้อย บางทีอาจเหมาะที่จะเป็หมูมากกว่า
“แม่ง!”
เ้าอ้วนหวางร้องขอความเมตตา และก็อยากจะคลานมาที่ข้างกาย และจับขากางเกงของเจียงไป๋
แต่อู๋เทียนจะยอมที่ไหนกัน เขาพุ่งตัวออกมาถีบไปโดยตรง และถีบเ้าอ้วนหวางจนล้มหน้าคว่ำ บนใบหน้าปรากฏรอยเท้าขนาดใหญ่หนึ่งรอย
“ขอร้องพวกคุณล่ะ … เห็นแก่หน้าน้องชายผมด้วยเถอะ … ”
เ้าอ้วนหวางที่ล้มอยู่บนพื้นร้องอย่างน่าอนาถ
เดิมทีเขาไม่อยากพูดถึงน้องชายของตนเอง เพราะอาจจะหาเื่เดือดร้อนให้น้องชายที่เพิ่งรับตำแหน่งใหม่คนนั้นของเขาได้ แต่ตอนนี้กลับเป็ความหวังสุดท้ายเพียงหนึ่งเดียวของเขาแล้ว
“น้องชายนายเป็ใคร?” เจียงไป๋ปริปากแล้ว
“น้องชายผมเป็รองผู้อำนวยการคนใหม่ของสถานีตำรวจช่างตง หวางเิดูแลความสงบ … เขา … ”
“ฉันรู้จักคนคนนี้ แต่นั่นจะทำไมล่ะ? มากสุดหลังจากที่นายกลับไปแล้วก็บอกเขา ให้เขามาหาฉัน ฉันจะคอยดูว่าเขาจะทำอะไรฉันได้”
ยังไม่ทันรอให้เ้าอ้วนหวางพูดจบ อู๋คนโตก็ปริปากแล้ว
สำหรับเื่นี้ เจียงไป๋ฉีกยิ้ม และมองเ้าอ้วนหวางแวบหนึ่ง “พูดจริงๆ ความผิดของนายไม่ถึงตาย ฉันก็ไม่อยากฆ่านาย แต่นายกลับพูดถึงน้องชายนายขึ้นมาหมายความว่าอย่างไร? ข่มขู่ฉันหรือ? อย่างนายเนี่ยนะ นายเป็คนอย่างนี้ น้องชายนายก็คงไม่ดีไปกว่ากันเท่าไร หากเขาจะยุ่ง ฉันก็ี้เีจะสนเขา แต่หากเขาอยากจะหาเื่เดือดร้อน แบบนั้นฉันก็รับประกันได้ว่าจุดจบของเขาจะไม่ดีมากนักหรอก หลังจากที่นายกลับไปแล้วจะบอกเขาก็ได้ว่าเป็ฉันเจียงไป๋ที่พูด”
เมื่อพูดจบ เจียงไป๋ก็ไม่สนใจเ้าอ้วนหวาง และหันหน้าไปพูดกับอู๋เทียนที่อยู่ข้างๆ ว่า “แบบนั้นก็จัดการตามที่คุณพูดเถอะ คุณจัดการ … วันนี้ให้เขาวุ่นวายอย่างนี้ ที่นี่ไม่มีทางสนุกได้แล้ว ไปกันเถอะ”
เจียงไป๋ลุกขึ้นและเดินออกประตูไป อู๋จงตามหลังมาติดๆ
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงลงมาจากชั้นบน “ตอก ตอก ตอก” เด็กสาวที่อยู่้ากลุ่มหนึ่งทยอยกันเดินลงมา
ในที่สุด เจียงไป๋ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเศร้าอนาถดังมาจากด้านในผับ ดูแล้วเ้าอู๋เทียนไม่ใช่คนมืออ่อนจริงๆ เขาเพิ่งจะเดินออกจากประตูมาทางนั้นก็ลงมือแล้ว
พอออกจากประตูมา อู๋จงก็เชิญเจียงไป๋ไปสนุกต่อ แต่ถูกเจียงไป๋ปฏิเสธไป
เจียงไป๋มีอาการเมามาย ทั้งยังจัดการเื่เมื่อครู่แล้ว เขาเหนื่อยๆ อยู่บ้าง จึงตัดสินใจกลับไปพักผ่อน
แน่นอนว่าลู่ลู่ก็เข้ามาร่วมด้วยอย่างไม่ลังเล และบอกเจียงไป๋เป็นัยๆ ว่าสามารถพาเพื่อนสาวของเธอไปด้วยกันได้
สำหรับเื่นี้ เจียงไป๋ฉีกยิ้ม และปฏิเสธข้อเสนอที่ทำให้ใครหลายๆ คนหวั่นไหวอย่างนี้ เขาพาออกไปแค่ลู่ลู่
อู๋จงเปิดห้องไว้นานแล้ว และก็อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องลำบาก
ทั้งสองคนเข้าไปในห้องสูทระดับสูงที่สุดของโรงแรมใกล้ๆ พอเข้าประตูไป เจียงไป๋ก็ดึงเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
อีกฝ่ายตั้งใจเอาอกเอาใจ สักพักก็มีเสียงร้องครวญออกมาจากในห้อง …
เหนื่อยล้ามาทั้งคืนเต็มๆ ครั้งนี้เจียงไป๋ก็ไม่ได้เกรงใจ และก็ทำให้ลู่ลู่แทบจะกระจุยกระจาย จะกี่ครั้งก็ล้วนร้องดังจนไม่ไหว แต่เจียงไป๋ก็ยังคงไม่เกรงใจ และสนใจแค่ตนเองจะระบาย
สำหรับคนที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่ได้ทะนุถนอมและอ่อนโยนใส่อะไรขนาดนั้น เดิมทีก็แค่แลกเปลี่ยนกันเท่านั้น
เกือบจะเที่ยงคืน ทั้งสองคนเพิ่งผล็อยหลับไป
เช้าตรู่ เจียงไป๋ก็ตื่นแล้ว เวลานอนที่้าของเขาในตอนนี้ก็น้อยมาก ถึงจะเหนื่อยล้าแค่ไหน แค่สองสามชั่วโมงก็พอแล้ว
เขามองลู่ลู่ที่ยังคงนอนหลับสนิทอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เจียงไป๋เป็วีรบุรุษที่ไร้น้ำใจ เขาหันหลังจากไป และก็ไม่มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย
เพิ่งจะออกจากประตู และเดินมาที่ห้องโถงของโรงแรมเตรียมที่จะออกไป ก็พบชายร่างกำยำที่สวมชุดสูทสีดำสองคนกำลังรออยู่
สองคนนี้เจียงไป๋รู้จัก หนึ่งในนี้คือคนขับรถของอู๋เทียน อีกคนหนึ่งกลับไม่เคยเห็น แต่ไม่ต้องคิด ก็รู้ว่าจะต้องเป็คนของอู๋เทียนและอู๋จง
“เ้าพ่อเจียง ประธานอู๋ให้ผมมารอคุณอยู่ตรงนี้ และส่งคุณกลับ ในขณะเดียวกันก็นำของนี้ส่งมอบให้คุณ”
พอเห็นเจียงไป๋ออกมาแล้ว ทั้งสองคนที่นั่งรออยู่บนโซฟาอย่างอดหลับอดนอนจนตาแดงก็รีบยืนขึ้น คนขับรถของอู๋เทียนรีบเข้ามาหาก่อนแล้วปริปากพูด เขาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วมอบให้เจียงไป๋
เจียงไป๋รับไว้อย่างไม่เกรงใจ
เจียงไป๋รู้ว่านี่เป็ของขวัญขอบคุณจากอู๋เทียน แต่กุญแจหนึ่งพวงหมายความว่าอย่างไร?
บ้าน? บ้านหลังหนึ่งหรือ? ให้เขาออกไปหรือ?
ไม่ใช่หรอก?
“คุณเจียง ที่ให้คุณเมื่อครู่คือบ้านเดี่ยวหลังหนึ่งราคาสามร้อยล้านของคุณอู๋ทั้งสองคนอยู่ในเขติจูของเทียนตู อยู่ในลานส่วนตัวตรงกลางสุดของสวนสาธารณะิจู มีพื้นที่สิบสองหมู่ มีเนื้อที่แปดพันตารางเมตร ทั้งสองคนใช้เวลาสองปีจึงจะสร้างเสร็จ ตอนนี้ก็ตกแต่งเสร็จแล้ว สามารถเข้าพักได้ทุกเวลา คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากคุณอู๋คนเล็กและคนโต คุณก็แค่เซ็นชื่อตรงนี้ก็ได้แล้ว”
พูดจบผู้ชายสวมชุดสูทที่เป็คนขับรถของอู๋เทียนก็หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าเอกสารข้างกายแล้วให้เจียงไป๋เซ็นชื่อ
เจียงไป๋ดูสักหน่อยแล้วก็เซ็นชื่อ ถามที่อยู่ แล้วปฏิเสธที่อีกฝ่ายจะไปส่ง และก็หันหลังเดินจากไปทันที
ใช้จ่ายไปสามร้อยล้าน พื้นที่สิบสองหมู่ ก่อสร้างแปดพันตารางเมตร นี่เป็บ้านเดี่ยวที่ไหนกัน?
นี่มันคฤหาสน์ชัดๆ และยังอยู่ตรงศูนย์กลางิจูที่คึกคักที่สุด อยู่ในสวนสาธารณะจงหยางที่ห้ามก่อสร้างบ้านพักหรือ?
เฮ้ เงินที่อู๋เทียนกับอู๋จงใช้ เกรงว่าจะไม่ใช่แค่สามร้อยล้านแล้ว ในนี้ไม่รู้ว่าต้องใช้เส้นสายไปอีกเท่าไร เปลืองแรงและจิตใจไปเท่าไร แค่เข้าอยู่ก็ล้วนไม่เคยเข้าอยู่ ทั้งยังโอนให้เจียงไป๋แล้ว ก็ไม่ถือว่าขี้เหนียว
เจียงไป๋ไม่ใช่คนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย บ้านหลังนี้ก็น่าจะประมาณห้าร้อยล้าน
แน่นอนว่า … ตอนนี้ในเทียนตูคนที่สามารถเอาเงินสดออกมามากมายขนาดนี้ได้ก็มีไม่มากจริงๆ โดยเฉพาะเจียงไป๋ไม่เคยคิดที่จะขาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้