“ฉีฉี! อย่าไปทำตัวติดกับญาติผู้พี่เช่นนั้น ใช้ได้ที่ไหนกัน!”
คนที่มาใหม่คนนี้อายุราวยี่สิบห้ายี่สิบหกปี หน้าตาดีมีสง่าราศี พอแสดงสีหน้าเข้มงวดแล้วทำให้ดูทรงอำนาจอยู่บ้าง
นี่น่าจะเป็ลูกชายคนโตของจิ่งเหวินซาน ‘จิ่งเคอ’
“นี่คือญาติผู้พี่ของข้า จิ่งเคอ เป็ลูกชายคนโตของท่านลุงใหญ่”
คำพูดของจิ่งเซียงยืนยันการคาดเดาของอ๋าวหราน
“ฉีฉี มานี่! อย่าวุ่นวาย!”
จิ่งเคอพูดเสียงดุต่ำ พอเขาพูดจบก็เห็นว่าจิ่งฉีปล่อยมือจากจิ่งฝานอย่างไม่เต็มใจ นางดูหวาดกลัวเล็กน้อย แต่ก็ยอมย้ายมาอยู่ข้างกายจิ่งเคออย่างช้าๆ
อ๋าวหรานเห็นได้อย่างชัดเจนว่า จิ่งเคอคนนี้ไม่ค่อยต่างกับในหนังสือเท่าไรนัก เขาเ็าเข้มงวด นิสัยค่อนข้างคล้ายคลึงกับบิดาเขา จิ่งฝานที่ได้รับการปลดปล่อยแล้วจึงหันมามองทางอ๋าวหรานกับจิ่งเซียงทีหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่ทั้งสองคนกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง
จิ่งเซียง “พี่ชายข้าโกรธหรือเปล่านะ?”
อ๋าวหรานพยักหน้า “ใช่แน่ ยิ้มซ่อนคม เราสองคนเตรียมตัวซวยได้เลย!”
จิ่งเซียงหวาดกลัวปนตื่นเต้น “จริงหรือ? เมื่อก่อนข้าก็ทำเช่นนี้ แต่ก็ไม่เห็นพี่จะทำอะไรเลยนี่นา อย่างมากก็แค่ทำท่าปลดปลง”
อ๋าวหราน “จิ่งเซียงเอ๋ย คิดว่าจะง้อพี่เ้าอย่างไรดีกว่า”
ในขณะที่พวกเขากำลังซุบซิบกันอยู่สองคน ทางด้านจิ่งฝานกับจิ่งเคอนั้นพูดจาเกรงใจตอบโต้กันไปกันมาอยู่นานแล้ว น่าเบื่อขนาดที่จิ่งฉีที่อยู่ด้านข้างยังอยากหาวออกมา นางมองซ้ายมองขวาเพื่อหันเหความสนใจไปทางอื่น สุดท้ายก็หันไปเห็นจิ่งเซียงที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ตรงนั้น อดไม่ได้ะโออกไปเสียงหนึ่งว่า “เซียงเซียง เ้าพูดอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ?”
ทั้งสองคนอายุห่างกันเพียงไม่กี่เดือน อีกทั้งจิ่งฉีดูเป็ผู้ใหญ่กว่าจิ่งเซียง ดังนั้นสองคนนี้จึงไม่เรียกพี่เรียกน้องกัน แต่เรียกชื่อกันแทนมาตลอด
ตอนนี้เองที่จิ่งฉีสังเกตเห็นอ๋าวหรานที่อยู่ด้านข้างจิ่งเซียงแล้ว รูปลักษณ์ของเ้าของร่างเดิมกับอ๋าวหรานไม่ต่างกันมาก เพราะรูปลักษณ์นี้เพื่อนของอ๋าวหรานบรรยายโดยอิงมาจากตัวอ๋าวหรานเองโดยตรง ในโลกจริงอ๋าวหรานนั้นเป็หนุ่มรูปหล่อ สมัยเรียนยังเคยถูกแต่งตั้งให้เป็เดือนโรงเรียนมาก่อนเลย มีสาวๆตามติดอยู่ด้านหลังเรียกร้องอยากมีลูกให้เขาอยู่ทุกวัน
แต่ั้แ่ที่เข้ามาในนิยายเื่นี้ อ๋าวหรานก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีข้อดีที่หน้าตาอีกต่อไป อยู่ท่ามกลางหนุ่มหล่อสาวสวยเหล่านี้ทำให้อ๋าวหรานรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะอัปลักษณ์อยู่นิดๆ แล้ว
“เซียงเซียง เ้าคุยกับใครอยู่?” ถึงแม้ในบางสถานการณ์จิ่งฉีคล้ายจะเป็พวกสวยแต่ไร้สมอง แต่หัวคิดปกติก็ยังคงมีอยู่ ในสายตาของนาง จิ่งเซียงดูเหมือนจะเป็คนสดใสร่าเริง มักจะพูดคุยกับทุกคนอยู่สองสามประโยคเสมอ แต่ก็แค่สองสามประโยคเท่านั้น
จิ่งเซียงในฐานะน้องสาวของตัวเอกนั้นมีความแตกต่างจากตัวเอกใน่แรกๆ อยู่ก็คือ ตัวเอกเป็คนจิตใจดีอย่างแท้จริง คิดถึงคนทั่วหล้าอยู่เสมอ อยากจะดูแลปกป้องทุกคน ถือทุกคนเป็ญาติมิตร
ส่วนจิ่งเซียงนั้นถึงแม้จะมีรอยยิ้มให้กับทุกคน แต่ในใจกลับกางอาณาเขตป้องกันแ่ามาก คนที่นางใส่ใจอย่างจริงใจตอนนี้ก็มีเพียงแค่พี่ชายของนางกับบิดามารดาเท่านั้น
จู่ๆ ก็มีคนเพิ่มมาคนหนึ่ง คนที่สามารถทำให้จิ่งเซียงพูดอย่างสนิทสนมด้วยโดยไม่ติดใจอะไรเลยปรากฏตัวขึ้น จิ่งฉีสงสัยจริงๆ ว่าความพิเศษของเขาอยู่ตรงไหน?
เสียงของจิ่งฉีดังมาก ทำให้คนรอบข้างกลุ่มหนึ่งส่งสายตามองมา จิ่งฝานกับจิ่งเคอเองก็หยุดพูดคุยเช่นกัน
อ๋าวหรานอดไม่ได้อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหน้า เขาไม่อยากดึงดูดความสนใจคนอื่นเลยสักนิด เขาแค่อยากเป็หนุ่มหล่อเงียบขรึม อา... ไอ้เื่ความหล่อนั้นช่างมันเถอะ ขอเป็แค่หนุ่มเงียบๆ ก็แล้วกัน
“ไปเถอะ ไปหาพี่ชายข้ากัน” อ๋าวหรานทำหน้าให้สงบนิ่งก่อนจะถูกจิ่งเซียงลากออกไป
“ท่านนี้คงจะเป็นายน้อยของตระกูลอ๋าวสินะ? สง่างามยิ่งนัก” จิ่งเคอพูดเหมือนจะชื่นชมด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ อ๋าวหรานรู้สึกได้ลึกๆ ว่าเขาไม่มีเจตนาชมตนเอง
อ๋าวหรานตอบอย่างเกรงใจว่า “ใช่แล้ว ผู้น้อยอ๋าวหรานจากหมู่บ้านสกุลอ๋าว คุณชายจิ่งเองก็สง่างามน่านับถืออย่างยิ่ง”
อ๋าวหรานมาอยู่ที่ตระกูลอ๋าวได้พักหนึ่งแล้ว และยังเคยโผล่หน้าไปต้อนไปรับจิ่งฝานด้วยครั้งหนึ่ง คนตระกูลจิ่งส่วนใหญ่ก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของเขา แต่ไม่ได้รู้เหตุการณ์ที่เขามาอยู่โดยละเอียดก็เท่านั้น
“คุณชายอ๋าวช่างใจเย็นเสียจริง! เพิ่งจะถูกฆ่าล้างตระกูลไป ยังว่างมีอารมณ์มาคุยเล่นกับสาวน้อยอีก!”
น้ำเสียงฟังดูมีอายุและแหบต่ำ ชัดเจนว่าไม่ใช่เสียงของจิ่งเคอ
อ๋าวหรามองตามเสียงไป น่าจะเป็บิดาของจิ่งเคอท่านลุงใหญ่ของจิ่งฝาน ‘จิ่งเหวินซาน’
จะอย่างไรจิ่งเหวินซานก็เป็คนที่อายุเลยครึ่งร้อยไปแล้ว ต่อให้พันธุกรรมของตระกูลจิ่งจะดีแค่ไหนก็ไม่อาจเอาชนะริ้วรอยแห่งวันเวลาได้ รูปร่างสมบูรณ์แลดูอวบอ้วนอยู่เล็กน้อย หน้าขาวแต่น่าเสียดายที่อวบอ้วนไปสักหน่อย ไว้เครายาวที่เป็สีขาวไปครึ่งหนึ่งทำให้ดูไม่เรียบร้อยนัก ดวงตาขุ่นมัวดูดุร้าย ไม่ได้ดูเป็คนแก่ที่อวบอ้วนมีเมตตาเลยสักนิด กลับกันดูเป็คนโเี้ใจร้าย
จิ่งเซียง “ท่านลุง ท่านแค่ไม่ได้เห็นตอนที่อ๋าวหรานเสียใจต่างหาก ตอนนี้อยู่ต่อหน้าธารกำนัล ท่านจะให้เขาร้องไห้อย่างเ็ปหรือ?”
จิ่งเหวินซานไม่ถูกกับจิ่งเหวินเหอมาโดยตลอด เื่นี้คนตระกูลจิ่งก็รู้กันเป็อย่างดี
จิ่งเหวินเหอนั้นไม่ค่อยสนใจเื่นี้มากนัก แต่ก็ไม่อาจหยุดจิ่งเหวินซานไม่ให้ลอบกัดจิ่งฝานได้
จิ่งเหวินเหอกับจิ่งฝานอาจจะไม่สนใจ แต่จิ่งเซียงอายุยังน้อย จึงยังแบ่งแยกความรู้สึกรักและเกลียดไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นนางจึงไม่ชอบลุงใหญ่ผู้ไม่น่าเคารพคนนี้มาโดยตลอด
แต่สิ่งที่ทำให้อ๋าวหรานแปลกใจก็คือ ตามต้นฉบับนิยายแล้วคนที่ออกมาปกป้องเขาคือตัวเอก ตัวเอกในตอนนั้นรู้สึกสงสารอ๋าวหรานที่ประสบโชคร้ายเช่นนี้มาก มักจะปลอบใจเขาอยู่เสมอ ถือโอกาสที่แผลเขาหายแล้วจึงพาเขามายังงานเลี้ยงรับประทานอาหาร อยากให้เขามาพบเจอผู้คน ในสภาพแวดล้อมที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวาจะได้อารมณ์ดีขึ้น ดังนั้นอ๋าวหรานที่เข้าใจความจริงข้อนี้ ถึงแม้ในใจจะไม่อยากมา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
แต่ตอนนี้จิ่งฝานกลับไม่พูดอะไรเลย และดูท่าทางจิ่งฝานเหมือนไม่คิดจะตอบโต้ใดๆ เลยด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้