เสื้อผ้าสำหรับซักเปลี่ยน ชุดเครื่องนอน อุปกรณ์สำหรับอาบน้ำชิ้นเล็กชิ้นน้อยต่างถูกนำมาจัดเรียงลงหีบสัมภาระหลายใบ
ทางบ้านห้าได้สั่งให้เด็กรับใช้สองคนมาขนของให้ เฉิงชิงเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ร่างกายนี้ของนางบอบบางมาก ลมพัดแรงหน่อยก็เหมือนจะถูกพัดปลิวไป บ่าไม่อาจหาม มือไม่อาจยกได้อย่างแท้จริง!
นางหลิ่วไม่อาจพึ่งพลังของตนเองในการให้สถานศึกษาเปลี่ยนกฎได้ ยามก่อนออกจากบ้านจึงกำชับซ้ำไปซ้ำมา ทั้งยังมอบเงินยี่สิบตำลึงเงินให้แก่เฉิงชิงด้วยกลัวว่าตอนนางอยู่ในสถานศึกษาจะไม่มีเงินใช้
เฉิงชิงก็ไม่ได้ปฏิเสธอีกเช่นกัน
บุตรหลานตระกูลเฉิงเพียงสามารถสอบเข้าสถานศึกษาได้ย่อมไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียน แต่ยามศึกษาอยู่ในสถานศึกษาก็ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านอาหาร โดยสามารถเลือกมาตรฐานอาหาร กินดีหรือไม่ดีก็ล้วนต้องดูเงินในกระเป๋าว่ามีมากหรือไม่ เงินในส่วนนี้เฉิงชิงไม่คิดจะประหยัด ร่างกายที่ถูกกัดกินจากการป่วยหนักยังไม่ได้รับการฟื้นฟู ร่างกายคือเงินทุนของการปฏิวัติ[1] หากสุขภาพไม่ดี จะทนตรากตรำกับการเรียนที่ยากลำบากได้อย่างไร
นอกจากค่าอาหารแล้วยังมีค่าเครื่องเขียน ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เฉิงชิงก็ต้องออกเงินเองทั้งหมด
ในหนึ่งเดือนสถานศึกษาจะมีวันหยุดสั้นหนึ่งครั้ง ทุกสามเดือนก็จะมีวันหยุดยาวหนึ่งครั้ง นางหลิ่วให้เงินเฉิงชิงยี่สิบตำลึงเงินนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อถูกความห่วงใยของคนเป็แม่ครอบงำ ตนเองจะประหยัดเป็พันเป็หมื่นก็ย่อมได้ แต่ไม่อาจละเลยบุตรสาว… นางหลิ่วเ็ปใจที่เฉิงชิงต้องแบกรับภาระหนักมากเกินไปทั้งที่ไม่ควรเลย
เฉิงชิงที่เดินทางมาถึงใต้ตีนเขาก็แวะพักที่เหล้าเล็กๆ เถ้าแก่เนี้ยของร้านเหล้าแอบพิจารณานาง คิดจะเอ่ยคำแต่ก็ยั้งไว้
สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจึงก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วเอ่ยถาม
“หรือว่าจะเป็นายน้อยเฉิงชิงที่บ้านอยู่ตรงตรอกหยางหลิ่วเ้าคะ?”
“ข้ามีนามว่าเฉิงชิงก็จริง แต่ไม่ใช่นายน้อยอะไร เถ้าแก่มีเื่อะไรหรือ?”
เถ้าแก่เนี้ยลากตัวบ่าวหนุ่มที่หดหัวอยู่จากหลังโต๊ะเก็บเงินผู้หนึ่ง “เ้าพูดเอง!”
รอยย่นบนใบหน้าของบ่าวหนุ่มรวมกันเป็หนึ่งก้อน จากนั้นควักถุงเงินใบหนึ่งจากแขนเสื้อแล้วมอบให้นาง “นายน้อยเฉิงชิง ข้าน้อยไม่ควรส่งข่าวเลอะเทอะแทนผู้อื่น ทำให้ชื่อเสียงของท่านมีมลทิน สินน้ำใจนี้ข้าน้อยไม่ได้ใช้เลยแม้แต่อีแปะเดียว ข้าน้อยขอโขกศีรษะขออภัยต่อท่าน!”
บ่าวหนุ่มเอ่ยพลางคุกเข่าลง โขกศีรษะปึกๆ หลายต่อหลายครั้ง
เฉิงชิงไม่สบายใจอย่างมาก ก่อนที่จะทะลุมิติมาที่นี่ แม้บ้านของนางจะค่อนข้างมีเงิน แต่ก็ไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เอะอะก็คุกเข่าโขกศีรษะ
เฉิงชิงพยุงด้วยตนเองไม่ขึ้น จึงให้เด็กรับใช้สองคนมาช่วยพยุงบ่าวหนุ่มขึ้นมา
“มีอะไรก็พูดกันดีๆ เ้าไหนเลยจะทำให้ชื่อเสียงของข้ามีมลทินได้?”
บ่าวหนุ่มเอ่ยถึงเื่ที่ตนทำอย่างตะกุกตะกัก
เถ้าแก่เนี้ยของเหลาสุราตบหัวของเขาหนักๆ ไปหลายที ตบไปพลางมองดูปฏิกิริยาของเฉิงชิง “เ้าคนเลอะเลือน สินน้ำใจแค่นี้ก็ยังโลภเอา ชื่อเสียงของบัณฑิตสำคัญถึงเพียงใด ไอ้ตัวน่าอับอายนี่โขกหัวให้ท่านเป็ร้อยครั้งก็ไม่อาจชดใช้ความผิดของตนเองได้”
ที่แท้ผู้ที่ไปส่งข่าวที่ตรอกหยางหลิ่วก็คือบ่าวหนุ่มผู้นี้เอง
ละโมบสินน้ำใจทั้งยังเชื่อฟังคำสั่งของคนอื่น บ่าวหนุ่มช่างชั่วร้ายนัก ผู้ที่สั่งให้บ่าวหนุ่มไปตรอกหยางหลิ่วก็ยิ่งมีเจตนาร้ายกว่า
เฉิงชิงรู้มานานแล้วว่าคนผู้นั้นคืออวี๋ซาน
นางไม่รู้ว่าบ่าวหนุ่มเบื้องหน้าคิดอะไรถึงต้องมาขออภัยต่อหน้าผู้คน แต่ก็ถือว่าเป็เื่ดี ร้านเหล้าตั้งอยู่บริเวณทางผ่านของสถานศึกษา ผู้คนที่มาแวะพักที่นี่กว่าครึ่งเกี่ยวข้องกับสถานศึกษาหนานอี๋ มีคนชี้แจงชื่อเสียงแทนนาง เฉิงชิงไหนเลยจะต้องปฏิเสธ!
แน่นอนว่านางไม่้าสินน้ำใจที่บ่าวหนุ่มส่งให้ ผู้อื่นสามารถขออภัยต่อหน้าผู้คนแล้ว เฉิงชิงก็สามารถแสดงการให้อภัยอย่างใจกว้างได้เช่นกัน
“ข้าตัวตรงไม่หวั่นเงาเอียงเอน เมื่อไม่ได้ทุจริตก็ย่อมไม่กลัวผู้ใดส่งข่าวเลอะเทอะ ข้ารับคำขอโทษของเ้าแล้ว หวังว่าเ้าจะจำเื่ในครั้งนี้ไว้เป็บทเรียน ไม่ทำผิดอีก!”
บ่าวหนุ่มรับคำอย่างสะอึกสะอื้น เถ้าแก่เนี้ยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
กิจการขนาดเล็กของนางรายได้แค่พอมีพอกิน ร้านเหล้าไม่อาจล่วงเกินนายน้อยของท่านเ้าเมืองได้ ส่วนตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ก็ยิ่งไปล่วงเกินไม่ได้เข้าไปใหญ่
นายน้อยเฉิงชิงผู้นี้แม้จะเพิ่งกลับมายังอำเภอหนานอี๋ ทั้งชื่อเสียงของบิดาที่เสียไปก็ไม่ดีอะไร แต่นายผู้ท่านห้าเฉิงซึ่งเป็ผู้นำตระกูลเฉิงกลับให้ความสำคัญมาก หลังจากปล่อยข่าวลือว่าเฉิงชิงทุจริตการสอบแล้ว นายท่านห้าเฉิงก็มาสะสางเื่ราวที่สถานศึกษาด้วยตนเอง เมื่อคืนยังส่งคนมาแจ้งข่าว กล่าวว่าหวังว่าจะไม่มีใครปล่อยข่าวลือเื่เฉิงชิงทุจริตตามอำเภอใจอีก... นับเป็การบีบบังคับให้ร้านของนางช่วยชี้แจงแทน
เถ้าแก่เนี้ยด่าบ่าวหนุ่มให้ไปตาย บังคับให้บ่าวหนุ่มคายสินน้ำใจออกมา ทั้งยังทำเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนเพราะจงใจ้าที่จะแก้ไขชื่อเสียงของเฉิงชิงต่อหน้าลูกค้า
เฉิงชิงก็ช่างให้ความร่วมมือนัก
การแสดงละครนี้ทั้งสองฝ่ายต่างพึงพอใจมาก
เมื่อออกจากร้านเหล้าแล้ว เฉิงชิงก็ครุ่นคิด มองเด็กรับใช้สองคนที่หาบหีบสัมภาระขึ้นเขาแทนนางอย่างเต็มใจ
“เื่เมื่อครู่เป็ท่านปู่ที่ช่วยเหลืออีกสินะ”
เด็กรับใช้ทั้งสองยิ้มอย่างขออภัย “นายท่านได้กล่าวไว้แล้วว่า ไม่อาจให้มีคนมาทำให้ชื่อเสียงของท่านแปดเปื้อนอีก นายน้อยชิง ท่านมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่ หลังจากนี้ เื่หยุมหยิมเหล่านี้ให้พวกข้าน้อยสองคนจัดการแทนเถิดขอรับ”
เด็กรับใช้สองคนนี้ นายท่านห้าเฉิงได้มอบไว้ให้ใช้สอยโดยที่นางไม่ต้องจ่ายเบี้ยหวัดรายเดือน สิ่งจำเป็ในการดำรงชีวิตก็ล้วนเป็บ้านห้าออกเงินให้ ยามเฉิงชิงอยู่ที่สถานศึกษา พวกเขาก็จะรออยู่ตรงตีนเขา ยามเฉิงชิงได้หยุดพัก พวกเขาก็จะกลับไปตรอกหยางหลิ่วด้วย อาศัยอยู่ที่ข้างๆ เรือนแยกของพ่อค้าผ้าวัง
นายท่านห้าเฉิงเป็ผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการนี้เมื่อคืน
ตัวเฉิงชิงเองแม้แต่บัณฑิตซิ่วไฉก็ยังสอบไม่ผ่าน ทำเช่นไรจึงสามารถทำให้นายท่านห้าให้ความสำคัญเช่นนี้ได้?
เห็นได้ชัดเจนว่าการพูดคุยเมื่อวานมีประโยชน์ แม้ท่านปู่ห้าจะยกชาส่งแขก ไม่คิดจะถกเกี่ยวกับราชสำนักกับนาง แต่ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับนาง เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ อารมณ์ของเฉิงชิงก็มั่นคงขึ้นแล้ว!
ค่อยเป็ค่อยไปเถิด นางขาดทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียวที่ไม่ขาดคือความอดทน
เป็เพราะเพศของนาง ครอบครัวก่อนหน้าที่จะทะลุมิติก็ไม่คิดจะให้นางเป็ผู้สืบทอด นางใช้เวลานานหลายปีเปลี่ยนความคิดของผู้าุโภายในบ้าน สุดท้ายก็พิสูจน์ได้ว่านางนั้นเป็เลิศกว่าผู้อื่น อุปสรรคทางเพศถูกนางขจัดเรียบแล้ว… บัดนี้ ในสายตาของนายท่านห้าเฉิงนางคือบุตรชายตระกูลเฉิง หาใช่บุตรสาวตระกูลเฉิง ข้อได้เปรียบนี้เฉิงชิงจะใช้ประโยชน์อย่างดี
ผู้ที่สอบผ่านเข้าสถานศึกษารวมเฉิงชิงแล้วมีทั้งหมดเจ็ดคน ต่างก็เข้าศึกษาในวันนี้และถูกจัดให้อยู่ห้องติงเก้า
กฎของสถานศึกษาคือศิษย์สองคนต่อหนึ่งห้องพัก มีศิษย์ที่สอบเข้าใหม่ได้เจ็ดคน ก็ต้องมีคนหนึ่งที่ต้องอยู่คนเดียว ผู้ที่จัดการเื่ห้องพักสงสารเฉิงชิงอยู่บ้าง
ยากนักที่จะเห็นเหตุการณ์เช่นนี้!
ศิษย์ใหม่หกคนที่ไม่รวมเฉิงชิงถึงขั้นไปหาผู้ที่จัดการเื่ห้องพักเป็การส่วนตัว กล่าวเหตุผลต่างๆ นานาที่จะปฏิเสธไม่อยู่ห้องเดียวกับเฉิงชิง… เพิ่งเข้าศึกษาก็ถูกกลุ่มคนกีดกัน เฉิงชิงช่างน่าสงสารเสียจริง
“เฉิงชิง เ้าอยู่คนเดียวไปก่อน ครั้งหน้าหากมีศิษย์ใหม่จึงจะจัดใหม่อีกครั้ง”
ครั้งหน้าจะมีศิษย์ใหม่หรือไม่ก็พูดได้ยาก สถานศึกษามีการสอบเข้าศึกษาทุกสามเดือน มีบางครั้งเช่นครั้งนี้ที่มีผู้สอบเข้ามาได้ และมีบางครั้งที่ไม่มีใครสอบผ่านเลย แม้จะรอไปอีกอีกสามเดือนก็ยังไม่แน่ว่าจะมีสหายร่วมห้องพัก
ถามว่าเสียใจไหม?
เสียใจกับผีน่ะสิ!
นางไม่สนใจเื่ชายหญิงอยู่ด้วยกัน แต่เื่ที่สามารถยึดครองห้องอยู่คนเดียวได้ เื่ดีเช่นนี้นางดีใจแทบไม่ทัน
หากนางหลิ่วรู้เข้าก็คงจะหลั่งน้ำตาเป็แน่
เฉิงชิงลอบดีใจกับตนเอง แต่ในสายตาคนนอกกลับมองว่านางน่าสงสาร เมื่อมองนางเอาของจากหีบสัมภาระมาปูที่นอนพับผ้าห่มอย่างเงียบๆ เ้าอ้วนน้อยที่แต่งตัวหรูหราซึ่งพักอยู่ห้องข้างกันก็เกิดความสงสารขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“พวกเราทำเกินไปหรือเปล่านะ?”
สหายร่วมห้องพักของเ้าอ้วนน้อยกลอกตา “บุตรหลานตระกูลเฉิงต่างก็กีดกันเขา แล้วพวกเราจะไปตีสนิททำตัวเป็คนดีไปทำไม! เ้าก็ได้ยินแล้วนี่ อวี๋เสี่ยนแห่งห้องปิ่งปล่อยข่าวว่า้าจะไล่เขาออกไปจากสถานศึกษา คนเขาเป็ถึงคุณชายของท่านเ้าเมือง แล้วครอบครัวข้ากับเ้ามีพื้นเพอะไร อย่าบอกนะว่ายังคิดไม่ได้?”
คำพูดนี้แทงใจของเ้าอ้วนน้อยที่แต่งกายหรูหราจนเป็รูพรุน หมดเรี่ยวแรงจะไปสงสารเฉิงชิงอีก
[1] ร่างกายคือเงินทุนของการปฏิวัติ เป็คำกล่าวของเหมาเจ๋อตุง หมายถึงหากคิดจะทำการใดให้สำเร็จก็ต้องเริ่มจากการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงเสียก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้