เล่มที่ 1 บทที่ 5 ต้องรักษาคำพูด
ฉะนั้นแล้ว ผู้มีกายเย่หัวแต่กำเนิดที่เพิ่งย่างกรายเข้าสำนัก ก็กลายเป็ดาวเด่นที่ทำให้เหล่าผู้าุโแย่งชิงกัน ทว่าไม้งามก็หล่นสู่หุบเขาอวี้เหิง ไม่นานก็มีพวกเพี้ยนคลั่งไคล้นาง ก่อนจะให้ฉายาว่าเซียนหญิงแห่งหุบเขาอวี้เหิง
บังเอิญที่พักของเซียนหญิงนางนี้อยู่ข้างๆหลินเฟย มีคนคอยตามตื๊ออยู่หลายครั้ง ล้วนเป็พวกหัวกะทิของสำนักเวิ่นเจี้ยน ในกลุ่มคนเ่าั้มีแม้กระทั่งศิษย์สายตรง แต่ทุกคนก็ถูกสกัดไว้เพียงหน้าประตู ไม่สามารถเข้าไปได้ นึกไม่ถึงว่าวันนี้นายน้อยของสำนักเทียนซือก็เป็ไปกับเขาด้วย นางช่างเสน่ห์แรงไม่เบา...
นายน้อยสำนักเทียนซือดูเหมือนจะจิบไปหลายจอก ตอนนี้กำลังส่งเสียงโวยวายอยู่หน้าประตูที่พักของชิวเย่หัว
“ศิษย์น้องชิว ข้าเป็นายน้อยของสำนักเทียนซือ ออกมาดื่มเป็เพื่อนข้าหน่อยสิ”
“ศิษย์พี่จาง ศิษย์พี่จาง ท่านเมาแล้ว” ศิษย์หุบเขาอวี้เหิงหลายคนทนเห็นเขาโวยวายไม่ได้ จึงออกปากห้ามปราม
“ข้าไม่ได้เมา!” ในฐานะนายน้อยของสำนักเทียนซือ ั้แ่เด็กจนโตจางเจิ้งฉาง ยังไม่เคยถูกใครปฏิเสธเช่นนี้มาก่อน เขาถลึงตาก่อนจะชี้ไปที่ศิษย์หุบเขาอวี้เหิง
“พวกเ้าน่ะ รีบไปเชิญศิษย์น้องชิวออกมาดื่มเป็เพื่อนข้า!”
“ศิษย์พี่จางท่านเมาแล้ว ให้พวกข้าส่งท่านกลับไปพักเถอะ”
“พักผ่อนอะไร ข้าจะดื่มกับศิษย์น้องชิว พวกเ้ารีบไปเอาเหล้ามาเพิ่ม!”
นอกที่พักของชิวเย่หัวดูเหมือนจะเกิดเื่เสียแล้ว หลินเฟยนั่งมองก่อนจะหาวออกมา คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก ที่แท้ก็คุณชายเสเพลจากสำนักเทียนซือเมาแล้วอาละวาดนี่เอง
“รบกวนเวลานอนเสียจริง...” หลินเฟยเบะปากก่อนหันกลับไปเตรียมตัวนอน
‘วีรบุรุษช่วยหญิงงามน่ะหรือ...’
‘ไม่มีทาง อัจฉริยะผู้มีกายเย่หัวแต่กำเนิด มีหรือที่ต้องให้คนอย่างเขาช่วย’
เพียงแค่ชั่วพริบตานางก็สั่งสอนนายน้อยที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นย่างชี่นี่ได้แล้ว ทว่าพอกลับหลังหันได้ครึ่งทาง จู่ๆหลินเฟยก็คิดอะไรบางอย่างได้
‘บ้าเอ๊ย จะรีบกลับไปนอนทำไม อยากไปถ้ำเสวียนปิงไม่ใช่เหรอ โอกาสทองลอยมาอยู่ตรงหน้าแท้ๆ ยังจะลีลาอะไรอีก?’
ทันทีที่นึกถึง ก้าวเดินของหลินเฟยก็ชะงักลง ก่อนจะทอดสายตามองไปที่นายน้อยของสำนักเทียนซือ
“ถือว่าเ้าโชคร้ายก็แล้วกัน...”
“พวกเ้าน่ะ ดึกดื่นป่านนี้ยังจะให้คนอื่นนอนอยู่ไหม?”
เพียงหลินเฟยอ้าปาก คนทั้งกลุ่มก็หันมาโดยพร้อมเพรียง หลังจากเห็นว่าเป็หลินเฟย พวกศิษย์หุบเขาอวี้เหิงที่ดื่มจนเมาก็เอ่ยปากห้ามปราม
“ที่แท้ก็ศิษย์พี่หลินนี่เอง ดึกป่านนี้แล้วยังไม่พักผ่อนอีกหรือ ท่านนี้คือศิษย์พี่จางแห่งสำนักเทียนซือ ศิษย์พี่หลินคงจะเคยได้ยินมาก่อนสินะ”
อีกฝ่ายพูดอย่างนอบน้อม แต่นัยแฝงไปด้วยการข่มขู่ กล่าวคือ เ้านี่คือคนที่ทำให้สำนักเวิ่นเจี้ยนใน่นี้ ปั่นปวนไปหมด แม้แต่ศิษย์สายตรงก็ปรามนายน้อยจากสำนักเทียนซือคนนี้ไม่อยู่ ‘ถ้าเจียมตัวก็ไสหัวกลับไปนอนเสีย อย่าหาเหาใส่หัว…’
แต่น่าเสียดายที่หลินเฟยมาหาเหาใส่หัวจริงๆนั่นแหละ ดังนั้นไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ หลินเฟยก็เดินเข้ามา ก่อนหยุดลงตรงหน้าประตู กวาดสายตามองนายน้อยจางั้แ่หัวจรดเท้า
“ศิษย์พี่จางสินะ ดึกป่านนี้แล้วยังอยู่ที่หุบเขาอวี้เหิง แถมยังอาละวาดเสียงดัง ดูจะไม่ค่อยเหมาะนะ”
“เ้านี่นับเป็ตัวอะไรหรือ?” เดิมจางเจิ้งฉางเสียหน้าเพราะชิวเย่หัวอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกหาเื่อีก จึงทำให้อารมณ์โกรธปะทุขึ้นมา
“เบิกตาดูให้ดี ข้าคือนายน้อยแห่งสำนักเทียนซือ ขนาดตอนอยู่สำนักเวิ่นเจี้ยน ข้าอยากจะทำอะไรก็ทำได้ แค่หุบเขาอวี้เหิงเล็กๆนี้ ข้ามาไม่ได้หรือ? จะบอกให้นะ วันนี้ที่ข้ามา ก็เพราะจะมาดื่มกับศิษย์น้องชิว คนที่ไม่เกี่ยวข้องจงไสหัวไป ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่านายน้อยอย่างข้าไม่เตือน!”
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายกลับยิ่งเหิมเกริม!
“ข้าไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นายน้อยหรืออะไร หุบเขาอวี้เหิงมีกฎชัดเจน หากยังตอแยไม่เลิก อย่าโทษที่ข้าจะตะเพิดเ้าลงเขาแล้วกัน!”
“หน็อยแน่!” จางเจิ้งฉางสูดหายใจ เป็จอมเสเพลมาก็ยี่สิบกว่าปี นี่เป็ครั้งแรกที่เจอคนวางอำนาจบาตรใหญ่ยิ่งกว่าเขาเสียอีก อารมณ์โกรธจึงพวยพุ่ง เขายกมือขึ้นหมายจะฟาดไปที่หน้าของหลินเฟย ก่อนจะตวาดเสียงดัง
“แน่จริงก็ลองดูสิ!”
ฝ่ามือนี้จางเจิ้งฉางไม่ได้ส่งพลังปราณลงไป ความจริงนายน้อยจางไม่ได้คิดจะลงมือ เื่ใช้กำลังพวกนี้ให้เหล่าลูกสมุนทำก็พอ แบบนี้สิถึงจะสมฐานะคุณชายอย่างเขา เป็คุณชายที่เ็าและหล่อเหลา ที่เงื้อมือคิดจะตบหน้าหลินเฟยก็เพียงเพราะอยากทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าเท่านั้น...
ในส่วนของจางเจิ้งฉางก็เห็นประกายแห่งความยินดีฉายชัดในดวงตาอีกฝ่าย…
‘เดี๋ยวนะ ดีใจงั้นหรือ?’
‘หมายความว่าอย่างไร?’
จางเจิ้งฉางคิดว่าเ้านี่น่าจะเพี้ยนไปแล้ว...
น่าเสียดายที่นายน้องจางยังไม่ทันตั้งสติ จู่ๆก็รู้สึกเจ็บร้าวที่ใบหน้า ก่อนจะตัวลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ในเวลานี้เองถึงตั้งสติขึ้นมาได้
‘บ้าเอ๊ย นี่ข้าถูกเตะเข้าที่หน้าเหรอ แถมยังถูกเตะกระเด็นอีกต่างหาก’
'ผัวะ!'
เมื่อสิ้นเสียง หุบเขาอวี้เหิงก็เงียบสงัดในบัดดล
ทุกคนรวมทั้งนายน้อยจางต่างก็เบิกตาโตจ้องไปที่หลินเฟย จนกระทั่งตอนนี้นายน้อยจางยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็เื่จริง
“มีคนขอให้ข้าเตะลงเขาจริงๆด้วย...” ผ่านไปสักพัก หลินเฟยถึงเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เขาปัดฝุ่นที่เปรอะบนรองเท้า ก่อนจะเดินเข้าไปหาจางเจิ้งฉาง
“นี่กล้าเตะข้าเลยงั้นหรือ!” ฝ่าเท้านี้ทำให้นายน้อยจางเหลืออดแล้วจริงๆ สองตาเอาแต่จ้องเขม็งไปที่หลินเฟย
“เ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็ใคร ข้าคือนายน้อยแห่งสำนักเทียนซือ พ่อข้าคือจางจื้อหราน วันนี้เ้าเตะข้า ข้าต้องเอาคืนนับร้อยนับพันเท่า!”
“รู้แล้ว ข้าไม่กลัวหรอก” หลินเฟยพูดไปพลางเดินไปด้วย
ไม่รู้ทำไมทั้งที่โกรธมาก แต่พอเห็นหลินเฟยเดินเข้ามาใกล้ แถมใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม จู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบภายในใจ ความน่าเกรงขามก็ลดลงไป
“เ้า...เ้าจะทำอะไร?”
“ไม่มีอะไร แค่เตะเ้าลงเขา”
“หื้อ?”
'ผัวะ!'
มีเพียงเสียงเนื้อกระทบเนื้อซึ่งดังเป็ครั้งที่สองที่โต้ตอบนายน้อยจางแทน…
นายน้อยจางตัวลอยอีกครั้ง…
“ก็บอกแล้วว่าถ้ายังไม่เลิก อย่าโทษข้าที่เตะเ้าลงเขา เป็คนต้องรักษาคำพูดสิ...”
“...” นายน้อยจางโกรธจนแทบกระอักเื บ้าหรือเปล่าเนี่ย สำนักเวิ่นเจี้ยนทำไมมีแต่คนเพี้ยนแบบนี้ หรือเขาไม่รู้ว่าหากหาเื่ข้าท่านพ่อจะไม่ปล่อยสำนักเวิ่นเจี้ยนแน่ หรือเ้านี่จะไม่กลัวการลงโทษ? ตัวเขามีชาติตระกูลฐานะดี ในอนาคตจะต้องรับ่สำนักเทียนซือต่อ จะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับคนสติไม่ดีไม่ได้ เ้าบ้านั่นจะตายก็ตายไป แต่หากเขาตาย สำนักเทียนซือก็จะไร้ผู้สืบทอด!
‘ไม่ได้ ต้องเย็นไว้!’
“ช้าก่อน ช้าก่อน ศิษย์...พี่หลินใช่ไหม มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันสิ อย่าใช้... อ๊า!” เดิมนายน้อยจางจะพูดว่าอย่าใช้กำลัง แต่ยังพูดไม่ทันจบก็เจอลูกเตะที่สามของหลินเฟยเข้าก่อน ตัวเขาลอยขึ้นอีกครั้ง ก่อนกระแทกลงกับพื้นอย่างแรง คำที่ค้างค่อยถูกพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“อย่า...อย่าเตะหน้าข้า...”
“ศิษย์พี่หลิน ศิษย์พี่หลิน...” ตอนนี้ศิษย์หุบเขาอวี้เหิงหลายคนได้สติหลังจากที่ตกตะลึงไปนาน
“มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่าลงมือเลยนะ...”
“หื้อ?” หลินเฟยหยุดมือชั่วคราว
“ศิษย์พี่หลิน พวกเราล้วนอยู่ในวัยคึกคะนอง อย่าเืร้อนเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่สู้นั่งลงมาค่อยๆพูด ค่อยๆจา เป็สหายกันดีกว่า ข้าว่าเื่ในวันนี้ นายน้องจางไม่คิดจะเอาเื่หรอก...” ศิษย์หุบเขาอวี้เหิงคนหนึ่งกล่าว ดูท่าเพราะร้อนใจคิดจะปราบหลินเฟย ถึงกล่าวโกหกคำโตที่แม้แต่อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อออกมา
“ศิษย์พี่จางใจกว้างเพียงนั้นเชียว?”
“ใช่ๆ ศิษย์พี่จางเป็คนใจกว้างอยู่แล้ว ไม่มีทางโกรธเื่เล็กน้อยแค่นี้หรอก แล้วก็ศิษย์พี่หลิน ขอให้เลิกลาต่อกันเถอะนะ” ไปๆมาๆ แม้แต่คนพูดยังรู้สึกไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองกล่าว จึงเอ่ยเพิ่มเติม
“คิดดูสิ ท่านเป็ศิษย์รักของท่านอาจารย์ มีอนาคตที่สดใส ไม่ควรผิดใจกับสำนักเทียนซือด้วยเื่เล็กน้อยแค่นี้ หลายวันนี้สำนักเทียนซือมาเยือนสำนักเรา หากเื่ถึงหูเ้าสำนักจะแย่เอา โปรดเชื่อศิษย์น้องคนนี้เถอะ อย่าทำลายอนาคตด้วยอารมณ์ชั่ววูบเลย...”
“ก็จริง...” หลินเฟยมองอีกฝ่ายด้วยสายตาชื่นชม ที่สามารถโยงเอาความเป็ศิษย์หุบเขาอวี้เหิงรวมเข้ากับอนาคตที่สดใสได้ เ้านี่ก็จินตนาการล้ำเลิศไม่เบา
“ศิษย์พี่เข้าใจก็ดีแล้ว เข้าใจก็ดีแล้ว...” ได้ยินหลินเฟยพูดแบบนั้น เหล่าศิษย์อวี้เหิงพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ต่างก็อดพึมพำในใจ ‘พูดกับคนสติไม่ดีนี่เหนื่อยจริงๆ’
ยังไม่รอให้พวกเขาพึมพำจบ เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้นายน้อยจางตัวลอยออกไปนับสิบเมตร ก่อนร่วงลงกระแทกที่ทางเดิน ก่อนจะมีเสียงร้องอย่างเ็ปตามมา ร่างทั้งร่างก็หมุนกลิ้งลงไปตามทาง...
“แย่แล้ว!” เหล่าศิษย์หุบเขาอวี้เหิงสูดลมหายใจไปพร้อมกับสายตาที่มองไปยังหลินเฟย ราวกับพวกเขากำลังมองคนสติฟั่นเฟือน กลุ่มคนที่หว่านล้อมหลินเฟยเมื่อครู่นี้อดที่จะร้องไห้ออกมาไม่ได้ พวกเขาชี้มือที่สั่นระริกไปที่หลินเฟย
“เ้า...เ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร สำนักเทียนซือไม่ปล่อยเอาไว้แน่!”
“ก็เพราะข้าคิดว่าการรักษาคำพูดเป็สิ่งสำคัญยิ่งกว่า...” หลินเฟยเบะปาก ไม่สนสำนักเทียนซืออะไรทั้งนั้น เพราะว่าเมื่อกหลินเฟยรู้สึกว่าเรือนหลังน้อยใจกลางหุบเขาอวี้เหิง จู่ๆก็มีพลังปราณขุมหนึ่งเคลื่อนไหวอย่างแ่เบา
‘ดูท่าอาจารย์ตัวดีของข้าจะทนไม่ไหวเสียแล้ว..’
__________________________________________________________________________________
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้