“เป็เ้า เย่เฟิง!” หนานกงเฉินประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดเลยว่าผู้ที่เผยฝีมืออันน่าทึ่งในการทดสอบนี้ ทั้งยังมีิญญาาเทพัและเอาชนะบุตรสาวเขาหนานกงหลิงซวงได้จะเป็เย่เฟิง เย่เฟิงที่ตระกูลหนานกงเขาเลี้ยงดู ผู้มีการบ่มเพาะต่ำต้อย!
“ข้าเอง” เย่เฟิงเช็ดเืตรงมุมปากก่อนพูดขึ้น “หนานกงเฉิน ท่านคือผู้าุโมากฝีมือ แต่ลงมือกับคนรุ่นเยาว์อย่างข้า ความประพฤติช่างน่ารังเกียจนัก กลับได้เป็ผู้นำตระกูล!”
เสียงของเย่เฟิงดังกึกก้อง ทำให้ผู้คนในที่แห่งนั้นต่างได้ยินอย่างชัดเจน
“เย่เฟิง ลูกหลานตระกูลเย่ถูกเลี้ยงดูโดยตระกูลหนานกง มีสัญญาหมั้นกับหนานกงหลิงซวง ไม่รู้ว่าทำไมเขามาปรากฏตัวในวันนี้ได้ ทั้งยังดูโกรธเคืองตระกูลหนานกงมากด้วย” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เหล่าผู้คนรู้ตัวตนของเย่เฟิง
“เย่เฟิง ไม่ใช่ว่าเป็คนไร้การบ่มเพาะหรอกหรือ? ระหว่างเขากับตระกูลหนานกงมันเกิดอะไรขึ้น?” จู่ ๆ ทุกคนก็เกิดความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขายังไม่ตาย? ซ้ำยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย” ณ ริมเวทีประลอง ม่ายตาของโจวมู่ไป๋หดแคบ มองเย่เฟิงด้วยความเหลือเชื่อ
เมื่อฉุกคิดเื่หวังหลงที่ไม่มาปรากฏตัวที่นี่ หัวใจของโจวมู่ไป๋พลันเย็นเยียบ มีลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้น
“เย่เฟิง” ซ่งซินหลิงกะพริบตาปริบ ๆ ตอนนี้นางก็เห็นใบหน้าของเย่เฟิงอย่างชัดเจนเช่นกัน มิน่านางถึงไม่เห็นวี่แววของเย่เฟิง ที่แท้เย่เฟิงก็ใช้หน้ากากปกปิดตัวตน
“เย่เฟิงร้ายกาจมาก แม้แต่ศิษย์พี่ที่อยู่ระดับเดียวกัน ก็ยังไม่ใช่คู่ปรับของเขา” ซ่งซินหลิงคิดในใจ ก่อนหน้านี้นางเคยเห็นพลังของเย่เฟิงมาแล้วที่เทือกเขาปี้หลิง เย่เฟิงใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็กำราบหลี่เผยที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ได้ แต่ซ่งซินหลิงกลับไม่คิดว่าพลังของเย่เฟิงจะแกร่งเกินศิษย์พี่โจวมู่ไป๋ และหนานกงหลิงซวงด้วย
“แต่ทำไมเย่เฟิงเล็งเป้ามาที่ศิษย์พี่ล่ะ?” ซ่งซินหลิงเม้มปาก เวลาสิบกว่าวันที่อยู่ในเทือกเขาปี้หลิง นางกับเย่เฟิงได้สร้างมิตรภาพอันดีงาม พอได้เห็นเย่เฟิงต่อสู้กับศิษย์พี่ของตัวเอง ซ่งซินหลิงััถึงรสชาติหนึ่งที่อธิบายไม่ได้
บนเวทีประลอง สายตาของเย่เฟิงเผยประกายคมกริบ ขณะมองไปยังหนานกงหลิงซวง
“เป็เพราะเ้าหนานกงหลิงซวง ข้ายอมเสียสละหลิงหยวนดั้งเดิมเพื่อให้เ้าได้ปลุกิญญาาหงส์ ทำให้เ้าได้เป็อัจฉริยะชั้นยอดแห่งอาณาจักรจ้าว ทว่าตระกูลหนานกงเ้ากลับหักหลังข้า พยายามใช้ชีวิตของข้าเพื่อทำให้ตระกูลเฉินพอใจ ตระกูลสกปรกโสมมเช่นนี้กลับอยู่บนแผ่นดินอาณาจักรจ้าว ช่างน่าขยะแขยงนัก!”
เสียงของเย่เฟิงเต็มไปด้วยความเสียดสี พอเหล่าผู้คนได้ยินเช่นนั้นก็พากันส่งเสียงกระซิบกระซาบ
ในคำพูดนั้นมีแต่กล่าวหาตระกูลหนานกง และตระกูลเฉินว่ามีพฤติกรรมไร้ยางอาย
“ไร้สาระ!” หนานกงเฉินกล่าว สายตามองไปที่เย่เฟิง “เ้าพยายามขโมยความลับของตระกูลหนานกงข้า ทั้งยังจับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ วันนั้นข้าถึงไว้ชีวิตเ้า บัดนี้เ้ากลับดูแคลนตระกูลหนานกงข้า เ้าว่าข้าควรจัดการเ้าอย่างไรดี?”
ระหว่างพูด หนานกงเฉินเดินไปข้างหน้าทีละก้าวพร้อมปลดปล่อยพลังเข้ากดดันเย่เฟิง
“น่าขันนัก!” เย่เฟิงแค่นเสียงเ็าไร้ท่าทีเกรงกลัวใด ๆ กล่าวว่า “เดิมทีข้าเย่เฟิงกับหนานกงหลิงซวงลูกสาวท่านมีสัญญาหมั้นกัน ข้าจึงช่วยลูกสาวท่านเพื่อปลุกิญญาา ทว่าตระกูลหนานกงไม่เพียงแต่ขอบคุณข้าทั้งยังเชื่อฟังเฉินอ้าวเทียน ออกคำสั่งจัดการข้า ตอนนั้นหากข้าไม่จับตัวหนานกงหลิงยวี่ลูกสาวคนเล็กของท่าน ป่านนี้ก็คงกลายเป็ศพไปแล้ว”
เย่เฟิงมองหนานกงเฉินด้วยสายตาแข็งกร้าว คำพูดของเขาดังเข้าไปในหูของทุกคน ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น มีคนไม่น้อยหันไปมองหนานกงเฉินรวมถึงเฉินอ้าวเทียนด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป
เมื่อเื่ราวถูกเปิดเผยต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำให้เฉินอ้าวเทียนมีสีหน้าไม่สู้ดี จากนั้นมองไปที่เย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเืแฝงด้วยความอาฆาต ตอนนี้เฉินอ้าวเทียนนอกจากจะโกรธแล้ว ก็ยังใมากด้วย
ตอนนั้น ณ ตระกูลหนานกง เฉินอ้าวเทียนกับเย่เฟิงเผชิญหน้ากันครั้งหนึ่ง ซึ่งเย่เฟิงอยู่เพียงขั้นบ่มพาะกายาที่ 2 ไม่ต่างอะไรจากมดแมลง ไม่อยู่ในสายตาของเขาเฉินอ้าวเทียนเลยด้วยซ้ำ
หนานกงเฉินสั่งฆ่า ทว่าวันนี้เขาเห็นแล้ว เย่เฟิงไม่เพียงแต่ไม่ตาย แต่ยังปรากฏตัวในการทดสอบ ทำให้คนของตระกูลเฉินเขาอับอายขายหน้า กำราบหนานกงหลิงซวงว่าที่ภรรยาของเขา มีหรือจะใช่เศษสวะเช่นเดิมอีก
“วันนี้ ก่อนที่ข้าเย่เฟิงจะมาเข้าร่วมการทดสอบของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ท่านหนานกงเฉินคิดอยากกำจัดก็กำจัดได้งั้นหรือ? ท่านสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว”
คำพูดจาของเย่เฟิงเฉียบคม ทำหนานกงเฉินนิ่งงันไปชั่วครู่
ความเฉิดฉายที่เย่เฟิงปล่อยออกมาเจิดจรัสยิ่งกว่าหนานกงหลิงซวงและก้าวข้ามหนานกงหลิงซวงไปมาก เหล่าผู้าุโของสี่พรรคต่างจ้องมองเย่เฟิงด้วยความสนใจ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หนานกงเฉินอยากจัดการเย่เฟิง แต่มันเป็ไปได้หรือ?
“เ้าพ่อลูกคนทรยศ ตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้น ข้าละอายใจจริง ๆ ที่เ้าสองคนทำตัวน่ารังเกียจ และข้าก็รังเกียจที่มีสัญญาหมั้นกับตระกูลต่ำตมนี่” เย่เฟิงกล่าวดูถูก
“แล้วก็ตระกูลเฉิน สี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง กลับทำชั่วไม่สนเหตุผล เพียงเพราะข้ามีสัญญาหมั้นกับหนานกงหลิงซวง จึงสั่งหนานกงเฉินให้ปิดปากข้า ต่ำทรามนัก! ผู้หญิงอย่างหนานกงหลิงซวงก็ช่างโง่เขลา! ตระกูลที่ต่ำทรามและน่ารังเกียจเช่นนี้ ยังเรียกได้ว่าเป็สี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงอีกหรือ ข้าละอายใจแทนตระกูลเฉินเ้ามาก!” เย่เฟิงกล่าวขณะมองไปที่ตระกูลเฉินบนอัฒจันทร์ ทำเหล่าคนของตระกูลเฉินเผยสีหน้าเย็นเยียบ
เย่เฟิงดูแคลนตระกูลเฉินต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ ช่างใจกล้าไม่เบา
ระหว่างพูดพลันมีกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งปรากฏในมือเขา ตัวอักษรบนนั้นชัดเจนมาก มันคือหนังสือสมรสที่ตระกูลเย่กับตระกูลหนานกงทำไว้เพื่อเย่เฟิงกับหนานกงหลิงซวงในปีนั้น
เย่เฟิงนำหนังสือสมรสออกมา จากนั้นระดมพลังหยวนใส่ฝ่ามือ ก่อนเปลวไฟจะลุกโชนบนฝ่ามือ หนังสือสมรสกลายเป็เถ้าธุลีสลายไปในสายลม
“หนานกงหลิงซวง ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างเ้า ไม่คู่ควรแต่งกับข้าเย่เฟิง!”
ประโยคนี้ดังกังวานไปทั่วลานประลอง ซ้ำยังดังกังวานในหัวของหนานกงหลิงซวง
หนานกงหลิงซวงมองเย่เฟิง ราวกับตัวเองถูกคนตบหน้าจนหน้าร้อนผ่าววูบวาบ และรู้สึกเจ็บแปลบ
ถอนหมั้น เย่เฟิงถอนหมั้นหนานกงหลิงซวงต่อหน้าผู้คนนับไม่ถ้วน นี่ไม่ใช่แค่ตระกูลหนานกงที่รู้สึกอับอาย แต่ยังตบหน้าตระกูลเฉินฉาดหนึ่ง
หนานกงหลิงซวงหญิงงามแห่งอาณาจักรจ้าว ว่าที่ลูกสะใภ้ตระกูลเฉิน บัดนี้ถูกเย่เฟิงถอนหมั้นต่อหน้าเหล่ากองกำลังของเมืองหลวง นี่ทำให้ตระกูลหนานกงและตระกูลเฉินขายหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย
หนานกงหลิงซวงเผยสีหน้าอึมครึม ยังมีอะไรร้ายแรงกว่าการถอนหมั้นต่อหน้าประชาชีอีก?
“เหิมเกริม เ้าช่างโอหังเกินไปแล้ว!” ขณะนั้นมีเสียงตวาดดังมาจากอัฒจันทร์ ผู้คนหันไปมองทันที ก่อนจะเห็นผู้าุโคนหนึ่งมาเยือนเวทีประลองจากทางด้านตระกูลเฉิน ซึ่งก็คือคนผู้นั้นที่ไปตระกูลหนานกงกับเฉินอ้าวเทียนเพื่อคุยเื่เชื่อมสัมพันธไมตรี
“ให้ร้ายตระกูลเฉินข้าอย่างโจ่งแจ้ง ไม่ว่าเ้าจะเข้าร่วมการทดสอบหรือไม่ วันนี้ก็ต้องตาย!” ผู้าุโคนนั้นเป็ตัวแทนของตระกูลเฉินกล่าวเสียงแข็งกร้าว ราวกับไม่เห็นสำนักยุทธ์เทียนเสวียนอยู่ในสายตา ไม่ว่าเย่เฟิงจะเข้าร่วมการทดสอบของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนหรือไม่ เขาก็จะทำให้เย่เฟิงตายอยู่ดี
จากนั้นเขาปลดปล่อยพลัง ้าจัดการเย่เฟิงบนเวทีประลองของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
“กำเริบเสิบสาน!” เมื่อเห็นฉากนี้ เยว่กู่พลันลุกขึ้นก่อนจะปล่อยพลังดัชนีออกไป แสงแห่งการทำลายล้างสว่างจ้าขัดขวางผู้าุโคนนั้น จากนั้นเห็นเยว่กู่ทะยานร่างขึ้นฟ้าไปเยือนเวทีประลอง
“เยว่กู่ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเ้า!” เฉินเซี่ยงเทียนกล่าวเสียงเย็น ขัดขวางเยว่กู่กลางอากาศ จะไม่มีใครมาขวางทางคนที่ตระกูลเฉินเขา้าฆ่าได้
เยว่กู่ถูกเฉินเซี่ยงเทียนขวางทาง ผู้าุโเฉินคนนั้นแสยะยิ้ม ในพรรคเทียนจีคำพูดของเฉินเซี่ยงเทียนคือกฎ แม้ตระกูลเฉินฆ่าคนผู้นี้ ทางสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็ไม่จำเป็ต้องตรวจสอบ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ผู้าุโคนนั้นเข้าใกล้เย่เฟิงทีละก้าวพร้อมกับปล่อยหมัดออกไปเพื่อโจมตี
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ หอกัเงินประกายในมือปลดปล่อยพลังหอกพร้อมิญญาาเทพัส่งเสียงคำราม
หากถอยหลังหรือเดินหน้าก็มีสิทธิ์ตายได้หมด เช่นนั้นสู้อย่างสุดกำลังจะไม่ดีกว่าหรือ!
“ปัง!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว รังสีหอกของเย่เฟิงเข้าปะทะกับหมัดของผู้าุโเฉินคนนั้น
รังสีหอกดุจั เทพัคำรามะเืฟ้าดิน หอกนี้ผสานไปด้วยพลังที่แกร่งสุดของเย่เฟิงที่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด
เพียงแต่ระดับการบ่มเพาะของทั้งสองห่างกันมาก การโจมตีของเย่เฟิงจึงถูกหมัดของอีกฝ่ายกลืนกิน เซถอยหลังไปหลายก้าวจนกระอักเื
“อยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายากลับกล้าต่อต้านบิดา รนหาที่ตายชัด ๆ !” ผู้าุโเฉินคนนั้นกล่าวเสียงเย็นก่อนจะพุ่งเข้าหาเย่เฟิง
“ตูม!”
ขณะนั้นพื้นดินด้านล่างเวทีประลองเกิดสั่นไหวเล็กน้อย เสียงดังมาจากที่ไกล ๆ มันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงกีบเหล็กจำนวนมากราวกับเป็กองทัพม้ามุ่งหน้ามาทางนี้
สายตาของผู้คนต่างทอประกาย พวกเขารับรู้ถึงเสียงกีบเหล็กที่ทรงพลังได้ มีคนไม่น้อยถูกเสียงนี้ดึงดูด จากนั้นเห็นฝุ่นคละคลุ้งไปทั่วลานประลอง ก่อนจะมีเงาร่างมากมายขี่ม้ามา
“เ้าต้องตาย!” ผู้าุโเฉินกล่าว เสียงกีบเหล็กนี้ไม่รบกวนความตั้งใจที่เขาจะฆ่าเย่เฟิงแม้แต่น้อย เขาอัดพลังทำลายล้างใส่ฝ่ามือ้ากำจัดเย่เฟิงให้สิ้นซาก
“เ้ากล้าหรือ!” เมื่อเห็นฉากนี้ เยว่ยู่ต้องเบิกตาโพลง พลังของคนผู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่เย่เฟิงจะต่อต้านได้ แต่ตอนนี้เฉินเซี่ยงเทียนขวางทางเขาอยู่ จึงได้แต่แผดเสียงอย่างโกรธเกรี้ยว!
พลังทำลายล้างที่ผู้าุโเฉินคนนั้นอัดใส่ฝ่ามือเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิงในพริบตา เย่เฟิงรับรู้ได้ทันที ด้วยพลังทำลายล้างนั่น เขาค่อย ๆ ตัวแข็งทื่อ มิอาจต้านทานได้
เสียงกีบเหล็กดังขึ้นกว่าเดิม เหล่าผู้คนใ จากนั้นพวกเขาเห็นเงาร่างที่ขี่ม้าเ่าั้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งอยู่ใกล้กับเวทีประลองนี้เอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้