“เอาล่ะ ไม่ต้องเสียใจไป บางทีท่านอ๋องอาจจะแค่ไม่อยากอาหารก็เท่านั้นเอง” หนิงมู่ฉือปลอบใจหญิงรับใช้ด้วยรอยยิ้ม
ที่ไหนได้หญิงรับใช้ผู้นี้ร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับเอ่ยว่า “แม่นางหนิง ท่านอย่าปลอบใจบ่าวเลย หลายวันมานี้ท่านอ๋องผอมลงไปมาก แม้ปากจะบอกว่าไม่โทษบ่าว ทว่าในใจบ่าวรู้ดีเ้าค่ะ”
นางมองหญิงรับใช้อย่างลำบากใจ ในขณะที่จมูกได้กลิ่นหอมของสาลี่หิมะต้มน้ำตาลลอยโชยมา
หญิงรับใช้ขยับจมูกสูดกลิ่น มองมายังนางด้วยสายตาเลื่อมใส ขณะเอ่ยถามอย่างสงสัย “แม่นางหนิง ท่านกำลังทำอะไรอยู่หรือเ้าคะ”
นางยิ้มแห้ง ใช้มือลูบศีรษะ กระแอมด้วยสีหน้าจืดเจื่อน “่นี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายคอ จึงมาทำสาลี่หิมะต้มน้ำตาล”
หญิงรับใช้ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “สาลี่หิมะต้มน้ำตาลบ่าวเคยได้ยิน แต่ไม่เคยได้ยินว่าช่วยรักษาอาการเจ็บคอได้ด้วย”
“แหะๆ ก็ไม่ได้หรอก เพียงแค่่นี้ข้าต้องลมหนาว ปอดไม่ค่อยดี จึงอยากทำอาหารที่บำรุงปอดแล้วก็ชุ่มคอไปด้วย”
ทันใดนั้นเองหญิงรับใช้ก็ลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น “แม่นางหนิง ท่านรับปากบ่าวเื่หนึ่งได้หรือไม่เ้าคะ”
นางพยุงหญิงรับใช้ให้ลุกขึ้น “เ้าทำอะไรเนี่ย มีเื่ใดก็พูดมาเถิด เหตุใดต้องคุกเข่าด้วย”
หญิงรับใช้ร้องไห้น้ำตานองหน้า “แม่นางหนิง ั้แ่ท่านเข้าวัง ท่านก็คือคนที่พวกเรานับถือและเลื่อมใส บ่าวจึงอยากให้ท่านสอนบ่าวทำอาหารสักสี่ห้าอย่าง ท่านอ๋องจะได้ทานข้าวลง ได้หรือไม่เ้าคะ”
นางยิ้ม เอ่ยตอบหญิงรับใช้อย่างใจกว้าง “เฮ้อ ข้าก็นึกว่าเื่ใด ที่แท้ก็เื่นี้เองหรือ ได้ ข้ารับปากเ้า”
หญิงรับใช้ะโโลดเต้นอย่างดีใจ น้ำเสียงแฝงความยินดีอย่างปิดไม่มิด “จริงหรือเ้าคะ บ่าวขอบคุณแม่นางหนิงมากเ้าค่ะ”
หนิงมู่ฉือตักสาลี่หิมะต้มน้ำตาลที่สุกแล้วใส่ถ้วย ไม่ว่าจะรูปหรือกลิ่นล้วนน่ารับประทานทั้งสิ้น ทำให้หญิงรับใช้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลาย
นางมองหญิงรับใช้พร้อมกับยิ้มเจื่อน จากนั้นยื่นถ้วยไปตรงหน้าอีกฝ่าย “เ้าทานเถิด ข้าต้มอีกถ้วยก็ใช้ได้แล้ว”
หญิงรับใช้รีบโบกไม้โบกมือโดยพลัน “ไม่เ้าค่ะ แม่นางหนิง บ่าวยังมีงานที่ต้องไปทำอีก บ่าวขอตัวก่อนนะเ้าคะ”
นางพยักหน้า ครั้นหญิงรับใช้ออกจากห้องครัวไปแล้ว นางค่อยๆ ใช้ช้อนตักสาลี่ชิ้นหนึ่งเข้าปาก นางรู้สึกสบายคอและชุ่มคอขึ้นมาก
นึกถึงเมื่อครู่ที่หญิงรับใช้บอกว่าท่านอ๋องไม่ยอมทานอาหาร นางจึงต้มโจ๊กเทพเซียนใส่ถ้วยเพื่อนำไปให้ท่านอ๋อง ก่อนจะไปที่ห้องของท่านอ๋อง นางใช้ผ้าปิดหน้าเอาไว้ครึ่งหน้า ด้วยกลัวว่าจะนำไข้ไปติดท่านอ๋อง
ท่านอ๋องได้กลิ่นหอมของโจ๊ก จึงเอ่ยถามพ่อบ้าน “เ้าได้กลิ่นอะไรหรือไม่”
พ่อบ้านพยักหน้า หากก็ไม่รู้ว่าเป็กลิ่นหอมจากที่ใด
เมื่อความอยากอาหารของท่านอ๋องถูกกระตุ้นขึ้นมา ท้องจึงส่งเสียงร้องโครกคราก ท่านอ๋องหันไปส่งยิ้มแหยให้พ่อบ้านอย่างขวยเขิน
พ่อบ้านได้ยินท้องท่านอ๋องที่ส่งเสียงร้อง ในใจรู้สึกดีใจเป็อย่างยิ่ง รีบเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วงทันที “ท่านอ๋องหิวแล้วใช่หรือไม่ขอรับ เช่นนั้นบ่าวจะไปสั่งให้คนนำอาหารมาให้ท่านนะขอรับ”
กล่าวถึงตรงนี้ ท่านอ๋องนึกถึงอาหารที่ได้ทานในหลายวันมานี้ รสชาติเทียบกับอาหารที่หนิงมู่ฉือทำไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที “ไม่ต้องหรอก แค่คิดถึงอาหารพวกนั้นข้าก็หมดความอยากแล้ว แต่กลิ่นอาหารนี้หอมมาก กระตุ้นความอยากข้าได้เป็อย่างดี”
“เช่นนั้นบ่าวจะไปดูให้นะขอรับ” พ่อบ้านยิ้ม ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้อง
ทว่าเมื่อเปิดประตูก็ได้เห็นหนิงมู่ฉือที่ใช้ผ้าปิดหน้าครึ่งหน้าถือถ้วยโจ๊กเม็ดขาวใสเดินตรงมา พ่อบ้านเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “อ้าว แม่นางหนิงมาแล้วหรือขอรับ”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าตอบพ่อบ้าน ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง
ครั้นท่านอ๋องได้ยินว่าหนิงมู่ฉือมาหาก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปดู นางหนูหนิงมาหาเขาจริงๆ ด้วย
ยิ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่เอาผ้าปิดหน้าครึ่งหน้าถือโจ๊กเดินเข้ามา เขาก็ยิ่งยิ้มกว้างกว่าเดิม “นางหนูหนิง มาแล้วหรือ” แม้จะเอ่ยทักทาย ทว่าสายตากลับจ้องไปที่ถ้วยโจ๊กไม่วางตา
หนิงมู่ฉือยิ้มก่อนจะวางโจ๊กไว้บนโต๊ะ “ท่านอ๋อง ฉือเอ๋อร์กลัวว่าจะเอาไข้มาติดท่านจึงต้องใส่ผ้าปิดปากเอาไว้เช่นนี้ ฉือเอ๋อร์ได้ยินหญิงรับใช้บอกว่าท่านทานข้าวไม่ลง ฉือเอ๋อร์เลยทำโจ๊กมาให้เ้าค่ะ”
ท่านอ๋องได้ฟังก็ยิ้มออกมา “นางหนูหนิงนี่กตัญญูจริงๆ เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยให้ความลำบากของเ้าต้องเสียเปล่า”
ท่านอ๋องนั่งลง เขาตักโจ๊กเข้าปากก่อนจะยกนิ้วโป้งชมเชย ไม่เพียงแค่นั้นยังเอ่ยชมออกมาอีกว่า “นางหนูหนิง โจ๊กนี้ชื่อว่าอะไรหรือ รสชาติช่างยอดเยี่ยมนัก!”
หนิงมู่ฉือเอามือปิดปากซึ่งมีผ้าปิดเอาไว้พลางไอออกมา ก่อนจะแย้มยิ้มส่งให้ท่านอ๋อง “โจ๊กนี้เรียกว่าโจ๊กเทพเซียนเ้าค่ะ หากท่านอ๋องอยากทานอีก แค่บอกผู้ดูแลห้องครัวก็ใช้ได้แล้ว ่นี้ฉือเอ๋อร์…”
ท่านอ๋องพยักหน้าอย่างเข้าใจโดยไม่ต้องให้บอก ก่อนจะเอ่ยอย่างเป็ห่วงเป็ใย “นางหนูหนิง แม้เื่นี้จะเป็เื่ดี แต่ใจคนเรายากนักที่จะหยั่งถึง เ้าจึงต้องป้องกันคนบางคนเอาไว้บ้าง พระสนมทั้งหลายในวังถูกตามใจจนเสียนิสัยทั้งยังยโสโอหังจนเคยตัวไปแล้ว”
หนิงมู่ฉือได้ฟังรู้สึกน้อยใจยิ่ง พยักหน้าพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ทราบแล้วเ้าค่ะ ท่านอ๋องไม่ต้องเป็ห่วงนะเ้าคะ”
ด้านนอกหิมะปลิวว่อน ร่วงหล่นจากฟ้าลงบนพื้น นางเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก กล่าวกับท่านอ๋องด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “ท่านอ๋อง ท่านดูข้างนอกสิเ้าคะ หิมะตกแล้ว”
แววตาท่านอ๋องเป็ประกาย ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็คิดอยู่ว่าอากาศวันนี้แปลกๆ หิมะตกจริงๆ ด้วย”
หนิงมู่ฉือยิ้มดีใจขณะยอบกายคำนับ “เช่นนั้นฉือเอ๋อร์ไม่รบกวนท่านอ๋องพักผ่อนแล้ว”
ท่านอ๋องพยักหน้าขณะมองหนิงมู่ฉือที่รีบวิ่งออกไป เมื่อไปยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ หนิงมู่ฉือกางแขนออกรอรับหิมะที่ตกลงมาด้วยใบหน้าตื่นเต้นดีใจ
ท่านอ๋องยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า เวลานั้นเองเขาเห็นจ้าวซีเหอเดินออกมาจากในห้องจากนั้นยื่นมือไปดึงแขนหนิงมู่ฉือพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ
จ้าวซีเหอเห็นหนิงมู่ฉือที่เอาผ้าปิดหน้าไว้ครึ่งหน้าออกไปยืนท่ามกลางหิมะก็กลัวว่านางจะไข้ขึ้นอีกครั้ง ในใจเขานึกโมโหยิ่งนัก เดินออกไปนอกห้อง คว้าแขนนางเอาไว้พลางะโเสียงดังใส่ “เ้านี่ เหตุใดถึงทำตัวไม่รู้ว่าสิ่งใดควรมิควรเช่นนี้!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้