ทะเลทรายกว้างไกลสายควันลอยเด่น ตะวันยามเย็นเคลื่อนคล้อยลอยร่วงสายน้ำ1
เมื่อทอดสายตาสู่ทะเลทรายไร้เขตแดน ทั้งเวิ้งว้างและกว้างไกล ทั้งยิ่งใหญ่และทรงพลัง ยามอาทิตย์อัสดงทางทิศตะวันตก สุดเส้นขอบฟ้าแดงฉาน ในความเวิ้งว้างมีความรู้สึกวังเวงแฝงอยู่
สัญญาณควันไฟแต่กาลเก่าจางหายไปในกาลเวลา เส้นทางแม่น้ำเหลืองเก่าแก่ผันแปรครั้งแล้วครั้งเล่า หากก็ยังคงดำรงอยู่
ฉู่เฟิงเดินทางเพียงลำพัง เหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก เขานอนบนผืนทรายสีเหลือง มองตะวันรอนสีเื ไม่รู้อีกนานเท่าใด จึงจะออกไปพ้นจากทะเลทรายกว้างใหญ่นี้ได้
หลายวันก่อนเขาจบการศึกษา วันนั้นเขากล่าวอำลาต่อดาวมหาวิทยาลัย บางทีคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วกระมัง หลังจากที่เขาเคยได้รับคำบอกกล่าวอย่างสุภาพ จากวันนี้ต่างคนต่างไปก็ควรแยกทางกันเสียที
เมื่อออกจากมหาวิทยาลัยเขาก็ออกเดินทาง
ตะวันตกดินแดงเจิดจ้า แขวนอยู่ที่ปลายขอบฟ้าของทะเลทราย ท่ามกลางความเวิ้งว้างกว้างใหญ่ยังมีความงดงามที่เงียบสงบ
ฉู่เฟิงลุกขึ้นนั่งจิบน้ำ รู้สึกเรี่ยวแรงคืนมาไม่น้อย ร่างกายเขาเป็ประเภทผอมสูง แข็งแรง สมบูรณ์ สภาพร่างกายดีอย่างยิ่ง ความอ่อนล้าค่อยๆ หายไป
เขาลุกขึ้นยืนแล้วก็มองออกไปไกลๆ เขารู้สึกว่าอีกไม่นานก็จะออกจากทะเลทรายได้ เดินต่อไปอีกระยะหนึ่ง บางทีอาจจะเจอกับกระโจมของพวกคนเลี้ยงสัตว์ เขาจึงตัดสินใจเดินทางต่อ
มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก เขาทิ้งรอยเท้าเป็ทางยาวไว้ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล
ไร้สำเนียงไร้สัญญาณแต่กลับมีหมอก เช่นนี้ยากยิ่งนักที่จะเกิดขึ้นในทะเลทราย
ฉู่เฟิงประหลาดใจ อีกอย่างหมอกนี้กลับมีสีฟ้าคราม ในปลายฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้ชวนให้รู้สึกเย็นะเื
ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว กลุ่มหมอกก็ค่อยๆ หนาขึ้น สีฟ้าครามล้อมรอบขมุกขมัว ลอยละล่องไปทั่วผืนทะเลทราย
สุดแดนทะเลทรายกว้างใหญ่ ตะวันลับฟ้าก่อให้เกิดความรู้สึกแปลกประหลาด ค่อยๆ เปลี่ยนเป็ดวงตะวันสีฟ้าครามลูกหนึ่ง มีความงดงามแบบชั่วร้าย อีกทั้งเมฆสีแดงเพลิงก็ถูกย้อมจนกลายเป็สีคราม
ฉู่เฟิงขมวดคิ้ว แม้เขาจะรู้ว่าสภาพอากาศในทะเลทรายเปลี่ยนแปลงได้หลากหลาย แต่ความจริงตรงหน้าก็ผิดปรกติเกินไป
ความเงียบปกคลุม เขาชะงักฝีเท้า
ก่อนเข้าสู่ทะเลทราย เขาเคยได้ยินพวกคนเลี้ยงสัตว์เ้าถิ่นที่เคยเข้าไปพูดว่า การเดินทางในทะเลทรายโดยลำพัง บางครั้งอาจได้ยินสรรพสำเนียงประหลาด อาจได้เห็นสรรพสิ่งแปลกๆ จำต้องระมัดระวังเป็พิเศษ
ตอนนั้นเขากลับไม่ทันได้ระวังด้วยซ้ำ
ความเงียบสงบยังคงอยู่ ทะเลทรายไร้ซึ่งสิ่งอื่นใด นอกจากหมอกสีฟ้าขมุกขมัวที่เพิ่มขึ้นมาอีกชั้น ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอุบัติขึ้นมาอีก ฉู่เฟิงเร่งฝีเท้า เขาอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
สุดขอบทะเลทราย อาทิตย์อัสดงสีฟ้าน่ากลัวอย่างประหลาด ฉาบย้อมท้องฟ้าฝั่งทิศตะวันตกเป็สีคราม หากค่อยๆ เลือนราง ณ เส้นขอบฟ้า
ความเร็วของฉู่เฟิงยิ่งเร็วขึ้นทุกที เริ่มออกวิ่งทะยาน เขาไม่อยากอยู่ในที่แปลกประหลาดอย่างนี้ ที่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
กลางทะเลทราย ภาพชวนพิศวงอย่างภาพลวงตาเกิดขึ้นได้บ่อยยามดวงอาทิตย์ขึ้นสูง สาดแสงแผดเผา เหตุตรงหน้าไม่สอดคล้องกัน นี่ไม่ใช่ภาพลวงตาแต่อย่างใด
ทันใดนั้น ตรงหน้ามีเสียงเบาๆ ดังขึ้น เหมือนมีบางอย่างผุดขึ้นมาจากผืนทราย แล้วยังมีเสียงหนักทึบตามมาอย่างต่อเนื่อง
ฉู่เฟิงชะงักฝีเท้าทันที เพ่งดูผืนทรายตรงหน้าที่แสงสีฟ้ากระจัดกระจาย คล้ายๆ อัญมณีสีฟ้าร่วงหล่น ส่งประกายใสสว่างพร่างพราวอยู่ท่ามกลางแสงสุดท้ายแห่งวันที่เหลืออยู่
นั่นคือต้นอ่อนต้นแล้วต้นเล่า สูงไม่ถึงหนึ่งนิ้วผุดขึ้นมาจากผืนทราย นำพามาซึ่งความเงาวับใสสว่างประหลาดล้ำ เต็มไปทั่วทุกแห่งหน
แค่หยุดนิ่งชั่วเวลาสั้นๆ พอสิ้นเสียงซ่าๆ ของเม็ดทราย แสงสีฟ้าสาดส่องเรืองรอง ต้นอ่อนทั้งหมดล้วนงอกสูงอย่างรวดเร็ว พริบตากลายเป็ต้นใหญ่
ณ ขอบฟ้า ตะวันสีครามร่วงลงแทบจะลับหายไป ไอหมอกละล่องลอยในชั้นบรรยากาศ ทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาลเหมือนกับถูกห่อไว้ชั้นหนึ่ง ด้วยผ้าสีฟ้าบางเบาที่แสนจะแปลกประหลาด
“ผลัวะ!”
เสียงดอกไม้ที่เบ่งบานลอยมา ท่ามกลางผืนทะเลทรายสีฟ้า ชั่ววินาทีที่ตะวันลับฟ้า ต้นไม้พวกนี้ก็เริ่มผลิดอกเบ่งบานละลานตา
ดอกไม้สีฟ้าครามจำนวนมหาศาลส่องสว่างระยิบระยับ เป็เพียงภาพฝันชวนให้คนลุ่มหลง เบ่งบานอยู่กลางทะเลทรายขัดกับความเป็จริงอย่างที่สุด
ต้นไม้ชนิดนี้สูงหนึ่งฟุตกว่าๆ ตลอดต้นส่องประกายคล้ายปะการังสีฟ้าคราม กลีบดอกแต่ละกลีบงดงามยั่วยวน ทั้งยังชวนให้ผู้คนลุ่มหลง ประหนึ่งงอกงามอยู่อีกฟากฝั่งแดนดินแฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย ดึงดูดจิติญญาผู้คน
ฉู่เฟิงถอยไปหนึ่งก้าว ทันใดนั้นเื้ัก็เต็มไปด้วยพรรณไม้นี้แล้ว แสงฟ้าครามไหลระริกมองไปไร้ที่สิ้นสุด
เขาตระหนกอย่างหนักพิจารณาโดยละเอียด พยายามที่จะแยกแยะ นี่มันเหมือนดอกปี่อ้าน2 สุดๆ แต่ละกลีบดอกที่เบ่งบาน โค้งงอไปด้านหลัง งดงามเป็อย่างยิ่ง
ดอกปี่อ้านมีสีแดงสดใส แต่ว่าพวกมันกลับมีสีฟ้าคราม แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้ยินว่ามีดอกปี่อ้านสีฟ้า
ดอกปี่อ้านที่มีอยู่ในความเป็จริง แฝงแิทางศาสนาอย่างเข้มข้น ส่วนที่มันมีเื่เล่ากล่าวขานมากมายนั้น ฉู่เฟิงหาได้เชื่อนิทานพวกนั้นไม่ ได้แต่ตะลึงงันต่อภาพตรงหน้า
ทะเลทรายแห้งแล้งกันดารขาดแคลนน้ำ จะมีก็เพียงพืชทนแล้งที่หาได้ยากยิ่งกว่า พอพบเห็นได้ประปราย ส่วนดอกปี่อ้านชอบสภาพแวดล้อมมืดทึมชื้นแฉะ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรมาปรากฏอยู่ที่นี่ แล้วยังงดงามยั่วยวนปานฉะนี้
ที่แห่งนี้ กวาดตามองไปก็ไม่พบขอบเขต
ทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล หมอกสีฟ้าบางกลบย้ะวันรอนจนเป็สีฟ้าไปทั้งขอบฟ้า อีกทั้งทะเลทรายไร้ขอบเขตก็เต็มไปด้วยดอกปี่อ้านสีฟ้า เป็ความแปลกประหลาดอย่างไม่อาจจะพรรณนาได้ ช่างน่าพิศวง!
กลิ่นหอมโชยระเรื่อยบางเบา ชวนให้คนหลงใหล
ฉู่เฟิงสะบัดศีรษะอย่างแรง ย่างเท้าอย่างระมัดระวังหลีกเลี่ยงดอกไม้พวกนั้น ตอนนี้พื้นที่ที่ไร้ซึ่งพรรณไม้ชนิดนี้ ก็มีเพียง...เส้นทางโบราณของแม่น้ำเหลือง
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง การเปลี่ยนเส้นทางหลายครา สายน้ำที่วิ่งผ่านทะเลทรายกว้างใหญ่บัดนี้กลับแห้งผาก ดอกปี่อ้านสีฟ้าเบ่งบานเต็มสองฟากฝั่ง บีบเบียดมันไว้
ดอกไม้บานสองฟากฝั่ง ทักทายกันและกันอยู่ไกลๆ
ในที่สุด ตะวันก็ลับขอบฟ้าจนสิ้น แล้วก็เป็เวลานี้นั่นเองที่พรรณไม้เหล่านี้งอกเงย ผลิดอกเบ่งบานเต็มที่จนกลายเป็ทะเลสีฟ้าคราม แสงสีสุดละลานตา
ทั้งๆ ที่อาทิตย์อัสดงลับฟ้าไปแล้ว แต่แสงฟ้าครามแวววามยังโอบรอบ สุดแสนจะละลานตางดงามน่าพิศวง
ฉู่เฟิงยืนอยู่ข้างเส้นทางโบราณของแม่น้ำเหลือง ในใจยากจะสงบ แต่เขาก็ไม่อาจหยุดยั้งรีบเดินไปตามทางน้ำ
ท้องฟ้าเริ่มมืด แสงสุดท้ายแห่งวันหายไปแล้ว
ทะเลทรายกว้างใหญ่สีฟ้าเปล่งประกายระยิบระยับ หากทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น บรรดาดอกปี่อ้านสีฟ้าครามที่เบ่งบานเต็มที่ กลับร่วงโรยไปในชั่วพริบตา
กลีบดอกที่งดงามยวนใจแห้งเหี่ยว ต่อมาลำต้นของพรรณไม้ก็เริ่มแห้ง สีสันของพวกมันเลือนหาย ชีวิตสูญสิ้นเปลี่ยนเป็สีเหลืองทันควัน จากนั้นก็แตกเปราะ ประหนึ่งว่าเพียงพริบตาก็ผ่านไปหลายสิบปี
“ปัง!”
เสี้ยววินาทีสุดท้าย ผืนดอกปี่อ้านสีฟ้าครามทั้งหมดก็ทลาย กลายเป็ผุยผง
ภาพอันแปลกประหลาดนี้ ยากนักที่จะบรรยาย
พวกมันเป็เหมือนดอกไม้แห่งหมอกควัน เปล่งประกายเพียงชั่วเวลาสั้นๆ งดงามจนที่สุด จากนั้นก็ร่วงโรยสลายกลายเป็เถ้าธุลี
ฝุ่นเถ้าสีเหลืองแห้งผากร่วงหล่นบนผืนทราย ยามโพล้เพล้ยากยิ่งจะแยกแยะ อีกทั้งเวลานี้หมอกสีฟ้าก็หายไปจนสิ้น ทะเลทรายกว้างใหญ่กลับเป็เฉกเช่นที่เคยเป็ อย่างกับว่าไม่เคยเกิดสิ่งใด ทุกสิ่งกลับมาเงียบงันอีกครั้ง
ฉู่เฟิงไม่หยุดฝีเท้า ก้าวยาวๆ ต่อไป ในยามสนธยาเขาข้ามผ่านเนินทรายหลายต่อหลายลูก จนในที่สุดก็มองเห็นแนวเขาที่เส้นขอบฟ้า ใกล้จะออกจากทะเลทรายได้แล้ว
ท้องฟ้าเริ่มมืดมิดเขาออกมาได้ในที่สุด มองเห็นเขตูเาอย่างชัดเจน ทั้งยังมองเห็นกระโจมคนเลี้ยงสัตว์ที่ตีนเขาอยู่รำไร
เมื่อหันกลับไปมองทะเลทรายกว้างใหญ่เื้ั โดดเดี่ยวยิ่งนักไม่ต่างจากยามปรกติแม้แต่น้อย
เขตูเาอยู่ตรงหน้า ไฟในตะเกียงไหวระริก ที่เชิงเขาสูงยังคงได้ยินเสียงเอะอะจากที่ไกลๆ ดังชัดเจน ที่นั่นไม่ได้เงียบสงบเหมือนเพิ่งจะมีเื่สักอย่างเกิดขึ้น
ที่นี่ยังมีเสียงร้องอย่างน่ากลัวของพวกปศุสัตว์อย่างวัวหรือแพะ อีกทั้งเสียงคำรามต่ำข่มขู่ของสุนัขพันธุ์ทิเบตัน มาสทิฟฟ์
มีเื่ผิดปรกติงั้นหรือ? ฉู่เฟิงเร่งฝีเท้า รีบเดินทางสู่เชิงเขา เข้าใกล้เขตที่พักของพวกคนเลี้ยงสัตว์
*********************************************
1 กลอนสมัยราชวงศ์ถัง แต่งโดยหวังเหวย ที่ได้รับราชโองการจากพระเ้าถังเสวียนจงให้ไปตรวจสอบที่ชายแดน
2 ดอกปี่อ้าน แปลเป็ไทยคือ ดอกพลับพลึงแดง เป็ดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ตามหลุมศพ ในจีนเชื่อกันว่าเป็ดอกไม้ที่อยู่ข้างทางในปรโลกคอยชี้นำิญญาไปข้ามแม่น้ำวั้งชวนเพื่อเกิดใหม่ ซึ่งเส้นทางนี้เรียกว่าถนนน้ำพุเหลือง (黄泉路) ผู้แต่งนิยายจับจุดนี้มาผสานเข้ากับเนื้อเื่ให้ฉู่เฟิงเดินไปตามเส้นทางโบราณของแม่น้ำเหลือง ที่มีดอกปี่อ้านบานขนาบ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้