“บ้านเธออยู่ที่ไหน?”
เมื่อเดินมาถึงปากทาง เจียงไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปถามอย่างนี้
จนทำให้จู้ซินซินที่ตามอยู่ด้านหลัง และมีอาการเหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ใ เธอซวนเซจนแทบจะชนเข้าที่หน้าอกของเจียงไป๋
“เอ่อ? นั่น นั่น … ” จู้ซินซินก้มหน้าพูด
ตลอดทางเมื่อครู่ เธอล้วนกำลังคิดถึงเื่ที่ตนเองทำไมถึงได้โชคร้ายที่พบเจียงไป๋
เธอไม่เข้าใจว่าตนเองเป็อะไร หรือว่าโชคชะตากำหนดให้เป็แบบนี้หรือ?
พอออกจากบ้านมาทำงานก็พบกับเจียงไป๋ทันที ก่อนหน้านี้ที่ผับ วันแรกก็ถูกจับได้ ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็งานขายเบียร์แล้ว นี่ก็ยังขายไม่ได้สักขวดกลับถูกจับได้อีกแล้ว
นี่ก็ทำให้จู้ซินซินเสียใจมาก แน่นอนว่าที่สำคัญคือ เธอเป็กังวลว่าเจียงไป๋จะโกรธเพราะเหตุนี้
อย่างไรเจียงไป๋ก็เป็คนใหญ่คนโต จุดนี้เธอก็รู้ ในฐานะ “กิ๊ก” ของเขา เธอมักจะปรากฏตัวอยู่บ่อยๆ และทุกครั้งล้วนถูกจับได้ เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้เขาเสียหน้า
ถ้าจะโกรธก็แน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะลงโทษเธออย่างไร
พอนึกถึงตรงนี้แล้วจู้ซินซินก็เย็นวูบไปทั้งตัว หากรู้ว่า … การลงโทษอย่างนี้ในข่าวโทรทัศน์ก็มักจะทำให้ผู้คนกลัวจนตัวสั่นเป็ลูกนก
“นำทาง”
พูดจริงๆ เจียงไป๋ก็ไม่ได้โกรธ แต่จนปัญญา
โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางอกสั่นขวัญหายของจู้ซินซินแล้ว เขาอยากจะให้เธอได้เห็นดีแต่ก็ทำไม่ลง ทำได้แค่พูดหน้านิ่ง
“ค่ะ” จู้ซินซินก้มหน้านำทางต่อ ตลอดทางล้วนเงียบสงบเหลือเกิน
บ้านของเธออยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ก็แค่ถนนสองสามเส้น สักพัก พวกเจียงไป๋ทั้งสองคนก็เข้าสู่ด้านหลังของถนนใหญ่ที่เจริญรุ่งเรือง เป็หมู่บ้านที่ซ่อนอยู่ในเมืองที่อยู่ด้านหลังตึกสูงนั้น
พูดจริงๆ สองสามปีนี้เทียนตูพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก แต่หมู่บ้านที่อยู่ในเมืองอย่างนี้ก็มีให้เห็นไม่น้อย ไม่เหมือนกับโลกก่อนหน้านั้นของเจียงไป๋ หมู่บ้านในเมืองที่อยู่ในเมืองใหญ่อย่างนี้ก็ค่อยๆ หายไปอย่างไม่หยุด จนในที่สุดก็ยากจะพบเห็น
เดินผ่านถนนสายเล็กๆ ที่คดเคี้ยว ผ่านตรอกซอยไปสองสามซอย ตลอดทางยังมีคุณตาคุณยายที่อยู่ว่างๆ ทักทายจู้ซินซินอย่างคึกคัก จู้ซินซินก็ตอบรับไปทีละคน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยมีอารมณ์ จนทำให้คนอื่นๆ ต่างก็แปลกใจกัน
หากรู้ว่าเมื่อก่อนสาวน้อยคนนี้ไม่ได้เป็อย่างนี้
โดยเฉพาะมีคุณยายปริปากพูดว่า “ทำไม? ซินซิน มีคนรังแกหนูหรือ?”
“ไม่ ไม่มีค่ะ”
จู้ซินซินใจนตัวสั่น เธอหันไปมองเจียงไป๋ที่อยู่ไกลออกไปสองสามเมตรแวบหนึ่ง และตอบกลับ จนทำให้สายตาของคนอื่นๆ ที่มองเจียงไป๋ยิ่งแปลกประหลาดและระวังตัว
“ไอ้หนูเธอเป็ใคร? ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็น แต่ก็คุ้นๆ อยู่บ้าง”
เวลานี้คุณตาที่ดูคึกคักคนหนึ่งยืนขึ้นมาแล้ว เขามองเจียงไป๋พลางถาม
คนที่ยืนขึ้นพร้อมกับเขา ยังมีคุณตาที่กำลังพัดไปมาอยู่ตรงนั้นสองสามคน ปฏิกิริยาของจู้ซินซินทำให้คุณลุงคุณป้าพวกนี้ระวังตัวกันเป็พิเศษ
“หนู … ครูของหนู เพิ่ง เพิ่งจะพบกัน จะไปดูบ้านหนูสักหน่อย … ” จู้ซินซินรีบตอบ
่นี้ในแถบนี้ค่อนข้างเงียบสงบ เดิมทีพวกคุณลุงคุณป้าก็ตื่นเต้นอยู่บ้าง เธอก็รู้สึกได้ว่าปฏิกิริยาเมื่อครู่ของตนเองทำให้คนอื่นเข้าใจผิดแล้ว ดังนั้นจึงรีบอธิบาย และทำให้เจียงไป๋ไม่ถูกกลุ่มคนจู่โจม แต่เขาก็ไม่สนใจว่าคำโกหกของเธอจะดูเกินจริงไปหน่อย
ครูอะไรจะมาเยี่ยมบ้านนักเรียนตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ?
โดยเฉพาะนักเรียนคนนี้เป็เด็กสาวที่อายุสิบหกสิบเจ็ดปี และยังอาศัยอยู่กับคุณแม่ที่เป็หม้าย?
แต่เธอก็พูดอย่างนี้แล้ว คุณลุงคุณป้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดไม่ถึงว่าจะเชื่อ แค่ฉับพลันก็คลายอาการระวังตัวแล้ว
หนึ่งในนี้ยังพูดและหัวเราะคิกคักว่า “เป็คุณครูนี่เอง ซินซินของพวกเราอยู่ที่โรงเรียน คุณครูก็ช่วยดูแลหน่อยนะ พ่อของเธอเสียไปั้แ่เด็กๆ แล้ว เธอใช้ชีวิตอยู่กับแม่ ร่างกายของแม่ก็ไม่แข็งแรง เด็กคนนี้ลำบากมาก … ”
“ใช่ ใช่ คุณครูต้องดูแลซินซินให้ดีล่ะ เธอก็เป็เด็กดี … ”
คุณลุงคุณป้ากลุ่มหนึ่งล้อมเข้ามา และพูดกันอย่างกระตือรือร้น ทำให้เจียงไป๋พยักหน้าติดๆ กัน
ด้านนอกถึงเขาจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้ายั่วยุคุณลุงคุณป้ากลุ่มนี้ หากพวกเขาจะสู้ตายกันจริงๆ แล้วล่ะก็ ถึงเขาจะเป็ปรมาจารย์วูซูจีน เรียกลมเรียกฝนได้ก็ไม่มีประโยชน์ รับรองว่าจะตีจนคุณจนหนีกระเซอะกระเซิง และยังหวังจะให้คุณไม่กล้าโต้กลับ แค่ลงมือสักหน่อย ก็รับรองได้ว่าจะล้มลงกับพื้นทันที และลุกขึ้นมาไม่ได้อีก ทั้งยังให้คุณแบกรับคดีฆาตกรรมได้อีก
แน่นอนว่าถึงจะเป็เช่นนี้ เจียงไป๋ก็ไม่กลัว แต่เขาก็ไม่จำเป็ต้องทำ …
เพื่อสองสามประโยค จะทิ้งคุณธรรมที่เคารพผู้ใหญ่และเอ็นดูเด็กไม่ว่า แต่ยังจะให้มีคนตายหรือ?
เจียงไป๋ก็ไม่ได้เสียสติ เื่อย่างนี้ตีให้ตายก็ไม่ทำ
“ดึกมากแล้ว คุณครู อีกสักครู่คุณครูยังมีธุระ พวกเราขอตัวก่อนค่ะ … ”
จู้ซินซินก็ถูกเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ใ และรีบพูด เธอลากเจียงไป๋เพื่อจะออกไปทันที
สองนาทีต่อมา เจียงไป๋กับจู้ซินซินมาอยู่ที่ด้านหน้าตึกเก่าๆ ในซอยหลังหนึ่ง
ซอยเก่าๆ อย่างนี้เจียงไป๋เข้าใจ นี่คือลักษณะเด่นของเทียนตู
อย่ามองว่าตึกเล็กอย่างนี้ ด้านในมีคนพักอาศัยอยู่อย่างน้อยหลายสิบคน และมีถึงยี่สิบกว่าครัวเรือน ทุกๆ บ้านมีเนื้อที่ไม่มาก และเบียดเสียดกัน
“ที่นี่หรือ? ฉันมีบ้านอยู่อีกที่หนึ่ง ไม่อย่างนั้นฉันยกให้เธอไปอยู่กับแม่ของเธอ?”
เจียงไป๋ขมวดคิ้วอยู่ชั้นล่างพลางพูดกับจู้ซินซิน
ถึงแม้เขาจะไม่มีอะไรกับสาวน้อยคนนี้ั้แ่แรก แต่อย่างไรก็ขึ้นชื่อว่า “รับเลี้ยง” จริงๆ แล้วเขาก็ชอบสาวน้อยคนนี้มาก จะให้บ้านสักหลัง ก็สมควร จะให้พวกจู้ซินซินพักอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่สบายใจ
“ไม่ ไม่ต้อง”
จู้ซินซินรีบปฏิเสธ
ตอนนี้เจียงไป๋ให้บ้านเธอ เธอจะทำอย่างไร?
ไม่ใช่ว่าไม่กล้าอยู่ แต่จะบอกกล่าวกับแม่ของเธออย่างไรกัน
“เอาอย่างนี้! สหาย ทั้งหมดทำงานได้แล้ว วาดตรงนี้ซะ เริ่มพรุ่งนี้ หากใครไม่ย้ายออกไปก็จะได้เห็นดี!”
ตอนที่เจียงไป๋กับจู้ซินซินกำลังพูดคุยกัน จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น และคนกลุ่มหนึ่งก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของเจียงไป๋แล้ว
มีสี่ห้าคนทั้งแก่และหนุ่ม แก่สุดก็เกินสามสิบกว่าปี น้อยสุดก็แค่สิบกว่าปี แต่ละคนอย่างกับผีห่าซาตาน แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี
เวลานี้คนกลุ่มนี้กำลังถือถังสีน้ำมันและแปรงอยู่ หนึ่งในนี้ก็ได้เขียนอักษร “รื้อถอน” ตัวใหญ่ลงบนตึกเก่าๆ ที่เป็บ้านของพวกจู้ซินซินแล้ว
“อืม? บ้านของพวกเธอจะรื้อถอน?”
เจียงไป๋ตะลึงงันสักหน่อย หลังจากนั้นมองจู้ซินซินอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง
“ฉัน ฉันก็ไม่รู้ … ” จู้ซินซินมีอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรตอนนี้ก็เป็ยามวิกาลเวลาห้าทุ่มเที่ยงคืนแล้ว จู่ๆ ก็มีคนที่เหมือนกับผีห่าซาตานสี่ห้าคนมาอยู่ตรงหน้า เด็กผู้หญิงจะไม่กลัวก็แปลกแล้ว
หากเสี่ยวเทียนอยู่ จู้ซินซินก็จะไม่เป็กังวล อย่างไรการแสดงออกของเสี่ยวเทียนในก่อนหน้านี้ จู้ซินซินก็เห็นแล้ว นั่นคือคนแกร่งที่สู้กับคนหลายสิบคนได้ แต่ตอนนี้มีแค่เธอกับเจียงไป๋ หากบอกว่าไม่เครียดก็ไม่ใช่ความจริง อย่างไรเธอก็ไม่เคยเห็นเจียงไป๋ลงมือมาก่อน
จากมุมมองของเธอ ถึงเจียงไป๋จะเป็คนใหญ่คนโต และสามารถเรียกลมเรียกฝนได้อย่างนั้นก็ตาม แต่คนใหญ่คนโตก็ไม่ใช่ว่าจะต่อยตีได้แน่นอน!
ตอนนี้ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ และในยามวิกาลที่มีพวกเขาแค่สองคน ทั้งยังมีกำลังอ่อนแอ หากอีกฝ่ายมีเจตนาร้ายอะไร พวกเขาก็จะเป็อันตรายจริงๆ แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้