หายากนักที่จีอู๋ซวงจะไม่นอนตื่นสายเช่นวันนี้ สติของเขามิได้อยู่ที่โต๊ะคำนวณเงินเลยสักนิด เขาอยากพบคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่โดยเร็ว ทว่าก็กลัวการมาถึงของนาง
บอกเขาทีเถิด อีกครู่หนึ่งเมื่อนางมาถึง และเขาใช้ข้ออ้างบอกนางว่ามิอาจถอนเงินสามล้านตำลึงได้ หากอิงตามสภาวะอารมณ์ของนางแล้ว นางจะไม่รื้อหออู๋ิของเขาใช่หรือไม่?
แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
เขา้าเกลี้ยกล่อมสตรีผู้นี้จริงๆ ปรารถนาจะเอาสมบัติล้ำค่าเ่าั้จากนางมา ทั้งยังมีนักปรุงยาเื้ันาง แม่นางมู่ผู้นี้อย่างไรก็มิอาจทำให้โกรธเคืองได้
เฮ้อ
จิตใจของจีอู๋ซวงยุ่งเหยิง ทั้งหดหู่ ทั้งมิอาจสงบใจได้
ทันใดนั้นอั้นจิ่วก็ปรากฏตัว
เมื่อจีอู๋ซวงเห็นอั้นจิ่ว เขาก็ยกเปลือกตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน “มีอันใดหรือ? นายท่านของเ้าส่งเ้ามาจับตาดูข้าเป็พิเศษ เพื่อดูว่าข้าให้เงินคุณหนูมู่หรือไม่ เช่นนั้นหรือ?”
อั้นจิ่วเดินไปตรงหน้าจีอู๋ซวงด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์ความรู้สึก เขาส่ายหัว “มิใช่ขอรับ นายท่านสั่งการให้ข้ามาบอกท่าน เงินให้จ่ายไปตามสมควร”
“หา?”
จีอู๋ซวงเงยหน้าขึ้น ั์ตาดอกท้อสว่างวาบโดยพลัน “จริงหรือ? เหตุใดนายท่านของเ้าจึงคิดได้แล้วเล่า? กล้ำกลืนอารมณ์ได้อย่างไร?”
ใบหน้าของอั้นจิ่วบูดบึ้ง เมื่อหวนนึกถึงภาพที่นายท่านวาด เขาก็กระแอมไอเสียงเบา “นายท่านกล่าวว่า เขาหาใช่คนที่แพ้มิได้”
“ฮ่าๆ ข้าก็รู้อยู่แล้ว...”
เมื่อได้ยินถ้อยคำที่อั้นจิ่วถ่ายทอดออกมา ชั่วขณะนั้นจีอู๋ซวงก็ไม่กระวนกระวายและไม่มีท่าทีราวกับคนป่วยอีกแล้ว กลับกลายเป็คนที่เปี่ยมล้นด้วยพลังงาน สติสดชื่นแจ่มชัด
“จิตใจของอาหานผู้นั้นสูงส่ง ข้าจะบอกให้ว่าหากอิงตามนิสัยที่เยือกเย็นและเย่อหยิ่งของเขา เขาจะไม่ทำสิ่งที่ไม่น่าไว้วางใจเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหออู๋ิเมื่อวาน เขาคงถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ทำให้โกรธแล้วจริงๆ
ฮ่าๆๆ น่าสนใจ น่าสนใจนัก...! ข้ารู้จักเขามานานปี กลับเป็คราแรกที่เห็นเขาถูกกำราบ ทั้งยังถูกกำราบอยู่ในมือของอดีตคู่หมั้นผู้นั้นอีกด้วย อั้นจิ่ว เหตุใดข้าจึงคิดว่าเื่นี้เริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ แล้วเล่า”
จีอู๋ซวงยิ้มอย่างสบายใจเป็อย่างยิ่ง
อั้นจิ่วพูดอันใดไม่ออกสักคำ หลงจู้ผู้นี้เห็นนายท่านของเขาถูกกำราบในมือของสตรีคนหนึ่ง ต้องยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นขนาดนี้เชียวหรือ?
“หลงจู้ แม่นางท่านนั้นมาแล้วขอรับ!”
ทันใดนั้นคนเฝ้าประตูก็ะโขึ้นมา
จีอู๋ซวงส่งคนมายืนเฝ้าที่ประตูโดยเฉพาะ ขอเพียงเห็นร่างของฮวาเหยียนก็ให้รีบมารายงานทันที
“คุณชายอู๋ซวง เช่นนั้นอั้นจิ่วขอตัวลาขอรับ”
“อืม”
อั้นจิ่วออกไปทางประตูด้านข้าง แน่นอนว่าเขามิอาจเผชิญหน้ากับฮวาเหยียนและมิอาจเปิดเผยฐานะของตนเองได้
ฮวาเหยียนเดินเข้าไปในหออู๋ิพร้อมกับหยวนเป่าน้อย เป็เพราะนางปิดซ่อนตัวตนของนางไว้ และกลัวว่าหยวนเป่าจะถูกเปิดเผยตัวตน ดังนั้นนางจึงสวมหมวกงอบใบเล็กให้เขา ดวงหน้างดงามหาใดเปรียบทั้งสองนี้จึงถูกปกปิดในคราวเดียว
ทว่าถึงจะเป็เช่นนั้น บรรยากาศสูงส่งที่แผ่ออกมาจากร่างและการแต่งกายที่หรูหราโดดเด่น ก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนให้ต้องเหลียวหลังกลับมามอง แม้ในมือของพวกนางจะถือตะกร้าผักเอาไว้ก็ตาม
หลังจีอู๋ซวงได้ยินคำประกาศของคนรับใช้ตัวน้อย เขาก็รีบลุกขึ้นและเดินออกจากโต๊ะคิดเงิน ตบๆ เสื้อผ้าอาภรณ์ของตน จัดแต่งทรงผม รู้สึกว่าวันนี้ตนเองช่างแต่งกายได้เหมาะสมยิ่ง เมื่อนั้นเขาจึงเดินออกจากประตูด้วยท่าทีเป็มิตรเพื่อเข้าไปต้อนรับพวกนาง…
“แม่นางเหยียน เ้ามาแล้วหรือ ข้ารอเ้าอยู่นานแล้ว...”
ท่าทีกระตือรือร้น รวมเข้ากับดวงตาดอกท้อที่ยิ้มแย้ม ทำให้ท่าทางอวดเบ่งของฮวาเหยียนชะงัก
จีอู๋ซวงเป็ไข้หรือ?
“อันใดของเ้ากัน? ปัญญาอ่อนหรือ”
ฮวาเหยียนเหลือบมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม พูดออกมาอย่างเ็า
“แค่ก...”
จีอู๋ซวงเกือบสำลักเพราะคำกล่าวของฮวาเหยียน แม่นางผู้นี้...ไม่ว่าเื่ใดล้วนกล้าพูดทั้งสิ้น! ที่แท้แล้วในข่าวลือมีสิ่งที่มิอาจเชื่อถือได้ที่สุด...สตรีสูงศักดิ์อันดับหนึ่งแห่งต้าโจวอันใด ล้อข้าเล่นแล้วหรือ ลิ้นอาบยาพิษของแม่นางผู้นี้ มิแปลกใจเลยที่ทำให้อาหานโกรธจนเป็เช่นนั้นได้
เพื่อบรรเทาบรรยากาศกระอักกระอ่วน จีอู๋ซวงจึงกระแอมไอ จากนั้นดวงตาของเขาก็หล่นลงบนร่างของหยวนเป่า เขาทราบแล้วว่าแม่นางเหยียนผู้นี้คือใคร แต่ก็ยังคงแสร้งทำเป็ไม่รู้และกล่าวว่า “แม่นางเหยียน เด็กน้อยผู้นี้เป็น้องชายของเ้าหรือ?”
“อืม”
หลังจบคำ ฮวาเหยียนก็พยักหน้าอย่างไม่เกรงใจ ดูเป็ธรรมชาติยิ่งนัก
“คารวะท่านลุงขอรับ”
หยวนเป่าเรียกขานเขาอย่างสุภาพ ท่าทีเชื่อฟังเป็อย่างยิ่ง...
จีอู๋ซวงพยักหน้าราวกับเครื่องจักร ในใจนึกชื่นชมแม่นางเหยียนเพิ่มขึ้นอีกระดับ ยามนางพูดปด ท่าทางนิ่งสงบมิตื่นตระหนก สีหน้าไม่เปลี่ยน โชคดีที่เขารู้ความจริง มิฉะนั้นท่าทีจริงจังในการตอบของนางเช่นนี้คงหลอกลวงเขาได้สำเร็จ
“ยินดี ยินดี เด็กน้อยเชื่อฟังยิ่ง ทั้งน่าเอ็นดูและมีมารยาท”
จีอู๋ซวงชื่นชมเขาอย่างอบอุ่นด้วยใจจริง
หยวนเป่าแย้มยิ้มเขินอาย เด็กน้อยเหลือบตามองมารดาของตน คิดว่าท่านลุงเ้าของร้านผู้นี้กระตือรือร้นจริงๆ
ฮวาเหยียนเม้มริมฝีปาก นางสังเกตเห็นแล้วเช่นกันว่าวันนี้ดูเหมือนจีอู๋ซวงจะกระตือรือร้นเป็พิเศษ แม้จะกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาใกล้ชิดกันมากขึ้น ทว่านางรู้สึกว่าอารมณ์กระตือรือร้นของเขาในวันนี้ออกจะเกินขอบเขตไปสักหน่อย
“แม่นางเหยียน เ้าบอกว่าจะมาก็มาเถิด เหตุใดต้องนำของกำนัลติดมือมาด้วยเล่า? ฮ่าๆ...ช่างทำให้ข้ารู้สึกได้รับความโปรดปรานอย่างมินึกฝันจริงๆ”
จีอู๋ซวงเป็ผู้มีฝีมือในการเปลี่ยนบรรยากาศ ทันทีที่เขาเอ่ยทักทายจบแล้วฮวาเหยียนกับหยวนเป่ามิพูดอันใดต่อ ดวงตาของเขาจึงเหลือบมองตะกร้าผักที่อีกฝ่ายถืออยู่ในมือก่อนกล่าวเช่นนี้ออกมา
ผักในตะกร้าสดนัก มีแตงกวาอ่อนมากกว่าหนึ่งโหล จีอู๋ซวงพูดจบก็เอื้อมมือหมายจะคว้าแตงกวามากิน แต่ฮวาเหยียนกลับขยับหลบ “หลงจู้ ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว นี่เป็ของข้า...”
จีอู๋ซวงเม้มริมฝีปาก “แม่นางเหยียน เหตุใดต้องตระหนี่ด้วยเล่า อย่างไรพวกเราก็นับว่าเป็สหายกันแล้วมิใช่หรือ?”
จีอู๋ซวงเอ่ยปากอย่างแสร้งทำเป็ไม่พอใจ
ฮวาเหยียนกลอกตา นางรู้สึกว่าวันนี้จีอู๋ซวงสวมบทเป็นักแสดงงิ้ว
“ถ้าอยากกินก็เอาเงินมา”
จีอู๋ซวง “...” ทาสเงิน
ฮวาเหยียนไม่สนใจเขา “เตรียมเงินเสร็จหรือยัง?”
ฮวาเหยียนพาพวกเขากลับมาที่หัวข้อหลัก
จีอู๋ซวงพยักหน้าและยิ้มอย่างเบิกบานใจ “แน่นอน หออู๋ิของเรายึดมั่นในคำสัญญาเป็ที่หนึ่งเสมอมา”
ฮวาเหยียนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
หออู๋ิยอดเยี่ยมยิ่ง เงินมารวดเร็ว สัมพันธ์กว้างขวาง ภูมิหลังลึกลับ หากมิได้หออู๋ิ นางคงไม่อาจเก็บเงินสามล้านตำลึงได้ครบถ้วนในระยะเวลาอันสั้น
“ข้าจะเอาไปทั้งหมด...”
ฮวาเหยียนกล่าว
แม้ในใจของจีอู๋ซวงจะคำนวณเอาไว้แล้ว เขาทราบดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างฮวาเหยียนกับตี้หลิงหาน ทว่าเขาเป็พวกปากพล่อย พริบตาต่อมาจึงได้ยินเขาถามว่า “เอาไปทั้งหมด? เ้าเอาไปทำอันใดทั้งหมด? เกิดเื่ใดขึ้นหรือ?”
ดูเถิดว่าเขาปากพล่อยเพียงใด ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจทว่าก็ยังถาม สุดท้ายจึงยั่วโทสะนางจนได้ แม้จะถูกปิดด้วยผ้าโปร่งแต่กลับรับรู้ได้ถึงแววตาที่จ้องมองมา
“เฮอะ เอาไปซื้อโลงศพ”
ฮวาเหยียนเยาะยิ้มเย็นพลางกล่าวอย่างเ็า
แค่ก
ถ้อยคำเหล่านี้ทำจีอู๋ซวงสำลักอากาศ
ช่างเยี่ยมนัก คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่
หากคำพูดนี้ถูกอาหานได้ยินเข้า เกรงว่าใจที่คิดอยากฆ่าคนคงะเิขึ้นมา
เขากระแอมไอขณะมองไปในความว่างเปล่า และคิดว่าคนที่อาหานส่งมายังคงแอบอยู่ในเงามืดหรือไม่? หากคำพูดนี้ถูกถ่ายทอดเข้าหูอาหาน ผู้เป็องค์รัชทายาทที่ทั้งหยิ่งผยองและทระนงตน เกรงว่าฝ่ายนั้นคงสั่งให้ระงับการจ่ายเงินให้แม่นางมู่อันเหยียนอย่างแน่นอน
จีอู๋ซวงตัวสั่น อย่าให้เป็เช่นนั้นเลย นิสัยของคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ผู้นี้มิอาจยั่วได้ง่ายๆ เขาไม่ปรารถนาจะต่อสู้กับนาง
“แม่นางเหยียน เ้ามาดูสิ่งนี้กับข้าเถิด...!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้