ไม่ได้รับเชิญแล้วยังทำตัวใหญ่โตคับฟ้า แค่เห็นครั้งแรกหลินฟู่อินก็ไม่ชอบใจแล้ว
“ข้าเป็ใคร? เ้าไม่รู้หรือ?” สตรีวัยกลางคนมองหลินฟู่อินด้วยสายตาเชือดเฉือน เห็นว่าเด็กสาวใส่เสื้อฤดูร้อนเก่าๆ ที่ปักลายเหมยกุ้ยฮวา [1] สีแดงกับสายน้ำเริงระบำ ทั้งยังมีเหลียนฮวา [2] เบ่งบานงดงามอย่างประณีต ก็พานให้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
“ไม่ทราบเ้าค่ะ ท่านมาบ้านข้าทำไมหรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินยืนจังก้าอยู่หน้าประตู ขวางคนสองคนที่นางพอจะเดาออกว่าเป็ใครเอาไว้
“ไม่รู้จักข้า? ไม่รู้จักเขาด้วย?” สตรีผู้นั้นหวีดเสียงแหลมชี้หน้าตัวเองกับบุรุษที่มาด้วยกัน “เขาเป็พี่ใหญ่ของเ้า! ข้าเป็แม่เขา เ้าก็ควรจะเรียกข้าว่าท่านป้าใหญ่!”
หลินฟู่อินเดาได้นานแล้วว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็หยวนซื่อ ที่อยู่หมู่บ้านอื่นห่างออกไปหลายสิบลี้ซึ่งไม่เคยได้พบหน้า และวันนี้ก็ได้เห็นนิสัยอีกฝ่ายแล้ว
แต่อย่างไรก็ไม่อยากไว้หน้าคนผู้นี้สักนิด
“พี่ใหญ่หรือ? ข้าเป็ลูกคนโตนะเ้าคะ” หลินฟู่อินตอบหน้านิ่ง
“เหอะ!” บุรุษผู้นั้นเห็นหลินฟู่อินกล่าวเช่นนี้ก็แค่นเสียงใส่ สายตาคมกริบดุจมีดกวาดมองหลินฟู่อินขึ้นๆ ลงๆ แน่นอนว่าเขาคือหลินต้าหลาง ลูกคนโตของหลินต้าซานที่ได้ซิ่วไฉ [3] ชรารับไปเป็บุตรบุญธรรม
ปกติเขาค่อนข้างอ่อนไหวกับเื่รับเลี้ยงนี้มาก แต่อย่างไรก็ยังภาคภูมิใจที่ได้ซิ่วไฉชราในหมู่บ้านสือหลี่รับไปเป็บุตรบุญธรรมอยู่ดี
ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งดื้อรั้น
หลินฟู่อินลอบมองเขา ชายหนุ่มถอนสายตากลับไปแล้ว ในใจนางทราบได้ทันทีว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร
“เอ้า เข้าไปนั่งข้างในกันเถอะ พี่ใหญ่เ้าเดินมาไกล ตอนนี้เหนื่อยจะแย่แล้ว” หยวนซื่อทำเสียงเข้ม ใช้มือหนึ่งผลักหลินฟู่อินแล้วก้าวเข้าไปโดยไม่รอคำตอบ
หลินฟู่อินไม่นึกว่าคนสกุลหยวนผู้นี้เห็นตัวผอมบาง แต่กลับมีเรี่ยวแรงไม่ธรรมดา จึงโดนผลักออกโดยไม่ทันตั้งตัว
บุรุษร่างผอมสูงจ้องมองหลินฟู่อินด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ก่อนจะเดินตามแม่บุญธรรมเข้าไป
“ไอหยา ที่นี่โอ่โถงนัก บ้านสามตอนนี้ดีจริงๆ!” หยวนซื่อเห็นสวนของบ้านหลังนี้แล้วก็พูดออกมา ในใจเกิดความละโมบไม่อาจควบคุม
หลินต้าหลางโตมาจนป่านนี้กลับเพิ่งเคยเห็นสวนที่เป็ระเบียบเรียบร้อยกับบ้านหลังใหญ่งดงามเช่นนี้ ไม่รู้ดีกว่าบ้านอิฐสองห้องของซิ่วไฉชรานั่นตั้งกี่เท่า…
หลินต้าหลางเองก็คิดเช่นเดียวกับหยวนซื่อ ว่าหากได้อยู่บ้านเช่นนี้จะดีสักเพียงใดกัน
หลินฟู่อินเบ้ปากด้วยความรังเกียจ
“ฟู่อินใช่หรือไม่? ต้าหลางบ้านข้าตากแดดร้อนช่วยตามหาพ่อเ้ามาหลายวันแล้ว ยามนี้โดนความร้อนจนป่วยแต่กลับไม่มีเงินค่าหยูกค่ายารักษาตัว” หยวนซื่อมองหน้าหลินฟู่อินด้วยดวงตายาวรี จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก “ได้ยินว่าผู้อื่นทำงานให้เ้าล้วนแต่ได้ค่าแรงกันทั้งนั้น พี่ใหญ่เ้าช่วยตามหาบิดาให้เ้าล้วนเป็เื่เหมาะสม ค่าแรงอะไรนั่นไม่จำเป็ แต่ยังไงค่าหยูกยานี่เ้าคงไม่โหดร้ายถึงกับไม่ยอมช่วยกระมัง?”
หลินฟู่อินนึกรำคาญใจ สุดท้ายคนก็มาเพื่อเงินนี่เอง
“โอ ตามที่ท่านว่าก็คือ ท่านเป็ลูกคนโตของท่านลุงใหญ่ที่ถูกรับไปเลี้ยงใช่หรือไม่เ้าคะ?” หลินฟู่อินถามด้วยน้ำเสียงเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ จากนั้นจึงยิ้มออกมา “พี่ต้าหลางช่วยตามหาท่านพ่อจนล้มป่วยเช่นนี้ ฟู่อินต้องขอขอบคุณมากเ้าค่ะ”
หลินต้าหลางมองด้วยหางตา หากไม่ใช่ท่านปู่ตั้งใจสั่งให้เขาออกเดินทางตามหาอาสามที่ไม่รู้เป็หรือตายอยู่หลายวันเพื่อเพิ่มชื่อเสียงก่อนสอบบัณฑิต มีหรือเขาจะต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้!
หยวนซื่อขยับตัวเล็กน้อย ยกยิ้มกล่าว “หรือไม่ใช่เล่า? พี่เ้าเป็บัณฑิต อยู่บ้านเราในวันธรรมดาก็อ่านตำราหาความรู้ เพื่อธุระเื่พ่อเ้า เขาต้องเหน็ดเหนื่อยอยู่หลายวัน ตากแดดจนล้มป่วยเป็ลมแดดทั้งยังตัวดำไปหมด ข้าเป็แม่เห็นแล้วปวดใจนัก!”
หลินฟู่อินพูดไม่ออกสักนิด ในยุคโบราณเช่นนี้มีแต่สตรีที่บอกว่าเป็แม่นางน้อยต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไม่ก้าวเท้าออกนอกบ้าน หรือหยวนซื่อจะบอกว่าลูกบุญธรรมของนางเป็ผู้หญิงกันแน่?
เมื่อหลินต้าหลางได้ยินคำพูดของแม่บุญธรรม ริมฝีปากก็กระตุกอย่างห้ามไม่อยู่
วันนี้เขาโดนท่านแม่คนนี้ลากมาหาหลินฟู่อินโดยไม่เต็มใจ แต่เมื่อได้ยินว่าญาติผู้น้องใจกว้างราวมหาสมุทรก็นึกอิจฉาขึ้นมาว่านางคลอดในบ้านที่ดีนัก ไม่ต้องพูดว่าครอบครัวนี้มีเงินทองร่ำรวยเพียงใด นางยังได้ขึ้นเป็เ้าบ้านั้แ่อายุเพียงเท่านี้ก็ทำให้เขานึกอยากพบอีกฝ่ายขึ้นมา
แต่เมื่อเข้ามาในบ้านกว้างขวางสะอาดสะอ้าน ในใจก็นึกอิจฉาจนแทบทนไม่ไหว หากบ้านหลังใหญ่เช่นนี้เป็ของเขาจะดีเพียงใด?
เขาย่อมไม่อยู่ในบ้านเก่าๆ ของซิ่วไฉชรา คอยดูแลคู่ผัวเมียเฒ่าราวกับบิดามารดาอีก
หยวนซื่อเล่นละครห่วยแตกแบบนี้ หลินฟู่อินมีหรือจะดูไม่ออก?
แต่หากวันนี้นางยอมให้เงินอีกฝ่ายไป ในอนาคตก็คงต้องให้อีกไม่จบสิ้น นางไม่อยากโดนคนประเภทนี้เกาะเป็ปลิง
ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ยิ้ม “หากพี่ต้าหลางโดนความร้อนจนป่วยจริงๆ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาเ้าค่ะ ยังไงข้าก็เป็หมอยา ข้าจะออกเทียบยาให้ ไม่กี่เทียบก็คลายอาการลมแดดได้แล้ว”
“เทียบยาหรือ?” หยวนซื่อตากระตุกะโเหยงร้องเสียงแหลมปรี๊ดเสียจนฝุ่นแทบร่วงจากหลังคา “เ้ายังมีหัวใจอยู่หรือไม่? ดูสิว่าพี่เ้าร่างกายบอบบางแค่นี้ยังสู้อุตส่าห์ช่วยเ้าตามหาพ่อ ต่อให้เ้ารู้เทียบยาหายามาให้ แต่หากรู้สึกผิดจริงๆ ก็ควรให้ค่ายาบำรุงด้วยไม่ใช่หรือ?”
ได้ยินถ้อยคำแสนไร้ยางอายขนาดนี้เป็ครั้งแรก แม้แต่หลินฟู่อินที่ใจเย็นก็ยังอดตะลึงไปไม่ได้
หยวนซื่อคนนี้… พอฟัดพอเหวี่ยงกับจ้าวซื่อบ้านหลินเลยนี่!
หลินต้าหลางมีแม่แบบนี้สองคน ก็พอจะรู้แล้วว่าเขาเป็คนอย่างไร…
เห็นแบบนี้นางก็ี้เีจะเสแสร้งแล้ว หลินฟู่อินเลิกคิ้วพูดตรงๆ “ท่านป้า ท่านย่อมต้องทราบว่าพี่ต้าหลางเป็บัณฑิต ช่วยตามหาท่านพ่อข้าเช่นนี้มีแต่จะดีต่อตัวเอง ไม่ว่าจะเจอหรือไม่เจอแต่ชื่อเสียงดีๆ ก็แพร่ออกไปแล้วไม่ใช่หรือ? ตอนนี้อยู่ๆ ท่านก็ลากเขามาเร่ขอเงิน คนนอกจะมองพี่ต้าหลางยังไง?”
ถึงอย่างไรเื่นี้หยวนซื่อก็พอมีความรู้อยู่บ้าง ได้ยินคำของหลินฟู่อินนางก็ชะงักไป ทว่ายังแสร้งทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลินต้าหลางกลับเอ่ยขึ้นมา
“น้องฟู่อินช่างเกิดมามีปากช่างเจรจานัก!” เขาตวัดตามืดครึ้มมองหลินฟู่อิน “ข้าไม่ได้้าเงินทองแต่อย่างใด ในเมื่อน้องฟู่อินรู้วิธีรักษา รู้เทียบยาและจัดหาให้ได้เช่นนั้นก็ต้องรบกวนเ้าแล้ว”
หลินฟู่อินพยักหน้า เตรียมไปจัดหากันเฉ่ามาให้อีกฝ่าย
แต่ทันทีที่ขยับเท้า หลินต้าหลางพลันร้องเรียกนาง “ช้าก่อน!”
หลินฟู่อินเงยหน้ามองอีกฝ่าย ดวงตาหงส์เย็นะเื
หลินต้าหลางชะงักไปชั่วครู่ พยายามปิดบังความแตกตื่นในดวงตาแล้วกระแอม “เื่ที่ข้าร่างกายอ่อนแอนั้นเป็ความจริง ข้าเห็นว่าในเมื่อน้องสาวรู้เื่ยา เช่นนั้นคงต้องรบกวนเ้าสักหลายวันแล้ว เมื่อหายดีแล้วค่อยกลับ”
หลินฟู่อินอึ้งไปอีกครั้ง…
ประโยคไร้ยางอายแบบนี้เป็บัณฑิตที่พูดออกมาอย่างนั้นหรือ?
“ใช่ ใช่แล้ว! บ้านนี้กว้างขวางพอ ข้าเองก็จะอยู่ดูแลเ้าด้วย!” หยวนซื่อตบหน้าตักตัวเองด้วยความยินดี
----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เหมยกุ้ยฮวา หมายถึง ดอกกุหลาบ
[2] เหลียนฮวา หมายถึง ดอกบัว
[3] ซิ่วไฉ หมายถึง นักศึกษาสอบผ่านระดับวิทยาลัย ได้แก่ บัณฑิตที่สอบผ่านในระดับอำเภอ (ระดับย่อยของการสอบท้องถิ่น) มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า เซิงหยวน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้