เมื่อท่านย่าได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน หยาดน้ำตาพลันไหลรินออกมาอย่างห้ามมิอยู่ เหตุใดนางจึงมิเคยสังเกตเห็นว่าสตรีตรงหน้ามีจิตใจดีงามเช่นนี้ ถึงกับหาทางลงให้นางเชียวหรือ?
นางกับญาญ่าโชคดีเพียงใดที่ได้พบคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่
“คุณหนูมู่ ความเมตตาของท่าน หญิงชราเยี่ยงข้าไม่รู้จะตอบแทนเช่นไรจริงๆ...”
นางร่ำไห้ ทั้งไม่มีคำพูดใดสามารถอธิบายความรู้สึกขอบคุณของนางออกมาได้
ฮวาเหยียนพยุงนาง “ท่านย่า ท่านอย่าได้ทำเช่นนี้ ข้ากับหยวนเป่าได้รู้จักท่านกับญาญ่าย่อมนับเป็วาสนาอย่างหนึ่ง ยิ่งมิต้องเอ่ยถึงว่าเป็การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ข้าเห็นเหล่าผักสดที่ปลูกอยู่ในสวนแล้ว มีมากมายหลายหลากนัก ทั้งยังสดใหม่เป็อย่างยิ่ง และข้าเชื่อว่าผักที่ท่านย่าเก็บให้ตระกูลมู่ย่อมดีที่สุด...”
ฮวาเหยียนเอ่ยปากอย่างเอาใจใส่
ท่านย่าพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เมตตาของคุณหนูมู่ ข้าย่อมจดจำเอาไว้ในใจ ท่านโปรดวางใจ หญิงชราผู้นี้ย่อมเลือกผักที่ดีและสดที่สุดให้ตระกูลมู่อย่างแน่นอน...”
แสงในดวงตาของท่านย่าเปล่งประกายสว่างไสว เมื่อคำพูดนี้จบลง นางก็ยอมรับน้ำใจและความเมตตาของฮวาเหยียนแล้ว
ฮวาเหยียนพยักหน้า นางทราบแล้วว่าตนเกลี้ยกล่อมท่านย่าได้สำเร็จ
ความรู้สึกนี้ ช่างดีเป็อย่างยิ่ง
ความรู้สึกที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น...
“ท่านย่า ท่านช่วยเล่าเื่บิดาของญาญ่าให้ข้าฟังหน่อยได้หรือไม่ เมื่อครู่ข้าได้ยินจากท่านว่าครั้งเขาจากไป ฮ่องเต้ทรงส่งเงินบำรุงขวัญมาก้อนหนึ่ง หรือว่าบิดาของญาญ่าเป็หนึ่งในเหล่าขุนนางหรือ?”
ฮวาเหยียนสงสัยจนต้องเปิดปากถาม ทว่าก็จงใจใช้น้ำเสียงอันดีกล่าวออกมา อย่างไรก็เป็การถามถึงผู้ที่จากไปแล้ว เกรงว่าการเอ่ยขึ้นมาอาจทำให้ท่านย่าโศกเศร้าอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
เมื่อคำพูดเหล่านี้จบลง ท่านย่าก็มีอาการมึนเบลอ สายตาของนางมิอาจซ่อนความเศร้าโศกเอาไว้ได้ จากนั้นฮวาเหยียนก็ได้ยินนางเอ่ยช้าๆ ว่า “แม้ชีวิตนี้ของหญิงชราจะไม่มีอนาคต แต่บุตรชายกลับมีความสามารถ เขาเป็เพียงคนเดียวในหมู่บ้านแห่งนี้ที่ได้ตำแหน่งแม่ทัพ ทั้งยังเป็ลูกศิษย์ของผู้เฒ่าฟู่อีกด้วย...”
เมื่อได้ยินคำตอบของท่านย่า ในใจของฮวาเหยียนพลันใ แม่ทัพหรือ? ที่แท้บิดาของญาญ่าเป็ถึงแม่ทัพเชียวหรือ?
ตระกูลมู่เป็ตระกูลทหาร โดยพื้นฐานแล้วฮวาเหยียนย่อมมีความประทับใจอันดีต่อบรรดาผู้ที่เข้าร่วมกองทัพ เวลานี้เมื่อท่านย่าบอกว่าบิดาของญาญ่าเป็ถึงแม่ทัพ ฮวาเหยียนจึงให้ความสนใจเพิ่มขึ้นหลายส่วน
โดยเฉพาะการที่ท่านย่ากล่าวถึงผู้เฒ่าฟู่...
แม้ฮวาเหยียนจะมิทราบว่าผู้เฒ่าฟู่คือใคร ทว่าก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินญาญ่ากล่าวถึง คล้ายว่าจะเป็ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็คนดียิ่ง
“ทว่าน่าเสียดายที่บุตรชายของข้าสิ้นชีพในสนามรบ นับว่าเขาตายอย่างสมเกียรติ กตัญญูต่อแว่นแคว้นแล้ว”
ท่านย่ายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาพลางสะอื้นไห้ก่อนกล่าว
หัวใจของฮวาเหยียนรู้สึกขุ่นมัว เมื่อผู้ที่เข้าร่วมกองทัพเข้าไปในสนามรบ แม้แต่ชีวิตก็มิใช่ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามรบที่มีถึงสี่ก๊ก สถานการณ์ชายแดนย่อมวุ่นวายสับสนอยู่ตลอด ตราบใดที่มีา ย่อมต้องมีการสังเวยชีพ
ฮวาเหยียนนึกถึงพี่ชายรองที่นางยังมิเคยพบหน้า เขาเองก็เป็แม่ทัพใหญ่ปกป้องชายแดนเช่นกัน
“ท่านย่า ขอแสดงความเสียใจด้วย ทว่าคนเราไม่อาจฟื้นคืนจากความตายได้”
ฮวาเหยียนมิใช่คนที่ปลอบโยนผู้อื่นเป็ และเพราะนางเปิดประเด็นนี้ ดังนั้นตอนนี้จึงรู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
“เวลาล่วงเลยมาสองปีแล้ว ความเ็ปแสนสาหัสนี้จึงนับว่าเคยชิน สงสารก็เพียงญาญ่า นางยังคงเฝ้ารอบิดาของนาง...”
เอ่ยถึงตรงนี้ท่านย่าก็เริ่มปาดน้ำตาอีกครั้ง
ฮวาเหยียนแตะถูกเื่เศร้าของท่านย่า ในใจของนางจึงโศกเศร้าเช่นกัน สมองของนางขยับอย่างใช้ความคิด ฉับพลันก็เกิดคำถามหนึ่งขึ้น ท่านย่ากล่าวว่าท่านพ่อของญาญ่าเสียชีวิตในสนามรบ แคว้นควรชดใช้ให้ ทว่าเหตุใด...
“ท่านย่า คำถามนี้อาจล่วงเกินไปบ้าง หากทำสิ่งใดผิดไปขอท่านโปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าเพียงอยากถามว่าบิดาของญาญ่าพลีชีพเพื่อแว่นแคว้น ว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว ฮ่องเต้ก็ควรรับผิดชอบสมาชิกในครอบครัวที่เหลือและมอบสิ่งของล้ำค่าให้ แต่เหตุใดท่านกับญาญ่าจึงได้มีชีวิตยากลำบากเช่นนี้เล่า? แม้จะป่วยก็ไม่นับว่าต้องใช้เงินมากมายอันใดมิใช่หรือ?”
ฮวาเหยียนถามด้วยความสงสัย
เพราะเมื่อฟังคำบอกเล่าของท่านย่า ก็นับว่าโชคดีที่บิดาของญาญ่าเป็แม่ทัพ ทว่าหลังจากที่เขาเสียชีวิต เหตุใดครอบครัวนี้จึงร่วงมาอยู่จุดนี้ได้เล่า?
เมื่อได้ยินคำถามของฮวาเหยียน ท่านย่าก็รีบโบกมือ “คุณหนูมู่ ฮ่องเต้มิได้เพิกเฉยต่อพวกเรา ตรงกันข้าม พระองค์ทรงมอบเงินบำรุงขวัญให้แก่พวกเราจำนวนมาก รวมเป็เงินหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึงทีเดียว”
ว่าอย่างไรนะ? หนึ่งร้อยแปดสิบตำลึง?
ฮวาเหยียนขมวดคิ้ว รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ
การตายของแม่ทัพผู้หนึ่ง กลับได้รับเงินบำรุงขวัญเล็กน้อยเพียงเท่านี้?
จากนั้นนางก็ได้ยินท่านย่าพูดอีกว่า “หากข้ากับญาญ่าเก็บเงินก้อนนี้ไว้แล้วใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านบนูเา พวกเราย่อมมีชีวิตที่ดี
ทว่าญาญ่า เด็กน้อยคนนั้นมีความฝันอยู่ในใจ... เพราะอิทธิพลของบิดา นางจึงคิดมาที่เมืองหลวงแห่งนี้ เพื่อที่นางจะได้เรียนรู้ทักษะจากผู้เฒ่าฟู่ผู้นั้น เด็กคนนั้นอายุยังน้อยนัก ทว่านิสัยกลับดื้อรั้น ข้ามิอาจเอาชนะนางได้ จึงพากันออกจากหมู่บ้านมาที่เมืองหลวง
ที่ดินในเมืองหลวงราคาแพงนัก แม้ข้าจะซื้อที่ดินแถบชานเมืองรวมถึงกระท่อมมุงใบจากหลังนี้ ก็ยังต้องใช้เงินถึงเก้าสิบตำลึง นอกจากนี้สองปีที่ผ่านมาสุขภาพของข้าไม่ค่อยดี ต้องตรวจโรคและต้มยา เงินบำรุงขวัญก้อนนี้จึงถูกใช้ไปจนหมด... เฮ้อ...”
ท่านย่าถอนหายใจ
อีกด้านหนึ่งเมื่อฮวาเหยียนได้ฟังจนจบ ทั้งร่างก็ตกอยู่ในห้วงความคิดซับซ้อน เงินบำรุงขวัญสำหรับแม่ทัพผู้หนึ่ง มีค่าแค่หนึ่งร้อยแปดสิบตำลึงเองหรือ?
เงินหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึง...
บางทีสำหรับหญิงชราที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนูเา นี่ย่อมเป็รายได้ตลอดชีวิตของนาง แต่การตายของแม่ทัพในสนามรบ ไม่มีทางได้รับเงินบำรุงขวัญเล็กน้อยแค่เท่านี้แน่ ฮวาเหยียนตระหนักได้ว่าต้องมีคนกลางหักเงินก้อนนี้ไป จนสุดท้ายเมื่อมาถึงมือของหญิงชราก็เหลือเพียงเท่านี้...
ดวงตาของฮวาเหยียนเย็นเยียบลง ดูเหมือนนางต้องกลับไปถามท่านพ่อสักหน่อยแล้ว หากมีคนแอบฉกฉวยผลประโยชน์จากเื่นี้ เช่นนั้นก็มิอาจปล่อยผ่านได้โดยง่าย!
...
หยวนเป่ากับญาญ่าพากันออกจากเรือนและมาที่ลานเล็กด้านนอก
ลานนี้ช่างกว้างนัก สามารถมองเห็นที่ดินแปลงใหญ่สำหรับปลูกผักซึ่งได้รับการดูแลอย่างดีของท่านย่า
เด็กน้อยสองคนนั่งอยู่หน้าประตู
ใบหน้าเล็กๆ ของหยวนเป่าตึงเครียด เขาไม่กล่าวคำใดสักคำ
ญาญ่า้าสนทนากับหยวนเป่า แต่เมื่อเห็นใบหน้าเล็กแสนตึงเครียดของเขา นางก็หยุดคิดสักพักและไม่พูดจาไร้สาระอันใดออกไป
ทั้งสองนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
อากาศร้อนเล็กน้อย จักจั่นส่งเสียงดังยิ่ง ใบหน้าของหยวนเป่าต้องแสงอาทิตย์จนกลายเป็สีแดง ทว่าก็มิได้ทำลายความงดงามอันละเอียดอ่อนของเขา
“พี่ชายน้อย ท่านช่างเป็คนดีนัก”
สุดท้ายก็มิอาจอดกลั้นเอาไว้ เขาได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงชื่นชมออกมา
หยวนเป่าเหลือบมองญาญ่าอย่างไม่รู้สึกรู้สา และไม่สนใจนาง
คงเพราะพูดประโยคแรกออกไปแล้ว ที่สุดวาจามากมายจึงถูกกล่าวตามออกมา ญาญ่าเอ่ยต่อว่า “พี่ชายน้อย ขอบคุณท่านกับพี่หญิงคนงามที่มาเรือนของข้า ญาญ่าตื้นตันใจเป็อย่างยิ่ง”
หยวนเป่า “...!”
“นางคือท่านแม่ของข้า เ้าต้องเรียกนางว่าท่านป้า”
ในที่สุดหยวนเป่าก็ทนไม่ไหว จึงเปิดปากพูดออกมา
ทว่ากลับเห็นดวงตาของเด็กหญิงเป็ประกาย นางส่ายหัว “พี่หญิงงดงามนัก ความงามระดับนั้นราวกับนางเซียนบน์ ไม่ควรเรียกว่าท่านป้า ควรเรียกว่าพี่หญิง...”
หยวนเป่า “...!” เด็กโง่ผู้นี้เหตุใดถึงได้โง่งมนัก
“พี่ชายน้อย ข้ารู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของท่านเก่งกาจยิ่ง เก่งกว่าท่านหมอหลายคนที่ข้าเคยพบเสียอีก ดังนั้นขอร้องท่าน โปรดช่วยรักษาท่านย่าของข้าด้วยนะเ้าคะ บุญคุณครานี้ข้าจะจดจำให้ขึ้นใจ ท่านเชื่อข้าเถิด หากข้าเติบใหญ่ จะต้องตอบแทนพวกท่านอย่างดีเป็แน่...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้