พวกเจียงไป๋ออกไปจากสถานีตำรวจแล้ว แต่ ผอ.หวงคนนี้ก็จะต้องเผชิญกับโชคชะตาที่น่าอนาถแน่นอน เื่ที่จะถูกปลดและตรวจสอบก็เลี่ยงไม่ได้
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนั้นของเขาก่อเื่ไว้ใหญ่โตอย่างนี้ เื่เสี่ยงติดคุกก็หลบไม่ได้
จุดนี้เจียงไป๋ไม่ต้องคิดก็รู้ จริงๆ แล้วสองสามวันต่อมา ผอ.หวงคนนี้ก็ถูกดำเนินคดีเพราะใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ของตนเอง ทุจริตละเมิดกฎหมายและอื่นๆ ส่วนลูกชายเขาก็ได้เข้าไปอยู่เป็เพื่อนเขาเพราะข่มขืน ต่อยตีผู้อื่น และยังมีความผิดอื่นๆ อีกเป็ขบวน
แต่สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนเป็เื่หลังจากนี้
เพิ่งจะออกมาจากสถานีตำรวจสาขาย่อย ทางเมิงหวงเฉาก็หยุดไม่ให้ทุกคนไป และก็ลากทุกคนไปที่โรงแรมระดับไฮเอนด์ที่จองไว้นานแล้วแห่งหนึ่ง รายการสันทนาการก็ยังคงไม่ยกเลิก
ผ่านอันตรายมายิ่งใหญ่ขนาดนี้ ผู้หญิงสองสามคนไม่มีความคิดที่จะไป ทุกคนก็ดื่มกันอีกแล้ว และก็เมากันหัวราน้ำ หลังจากนั้นต่างก็กลับไปที่ห้องใครห้องมัน
“เสี่ยวไป๋ เป็อย่างไรบ้าง เมื่อวานสนุกไหม?”
เช้าวันที่สอง โทรศัพท์ของเจียงไป๋ก็มีสายเข้า
คนที่โทรศัพท์มาหาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็จ้าวอู๋จี๋ เสียงของอีกฝ่ายมีความหยอกเย้าและคลุมเครือ ซึ่งเดาได้ไม่ยาก เื่เมื่อวาน จ้าวอู๋จี๋ได้รับข่าวแล้ว
“ผมว่าพี่จ้าว เมื่อวานเป็อย่างไร พี่จะไม่รู้เลยหรือ? จะพูดอย่างนี้กับผมทำไมอีก” เจียงไป๋ตอบกลับอย่างอารมณ์เสีย
“ไม่ควรพูดอย่างนี้ ได้ยินว่าสาวน้อยที่นายพาไปคนนั้นก็สวยไม่เลวเลย แต่ก็ทำให้คนแก่ๆ อย่างฉันอิจฉาไป่หนึ่ง คนหนุ่มสาวนี่ดีจริงๆ และก็ดีกว่าพี่เป้าของนายมาก เมื่อวานพี่เป้าของนายก็นั่งเฝ้าอยู่ในห้องว่างคนเดียวน่ะ”
จ้าวอู๋จี๋หัวเราะเสียงดัง และก็เป็อย่างที่เจียงไป๋คิด เื่ทุกอย่างในเมื่อวานเขารู้หมดแล้ว
“มีธุระอะไร?”
มองดูด้านนอกพระอาทิตย์ก็ยังไม่ขึ้นตรงหัว เจียงไป๋ก็รู้ว่ายังเช้าอยู่ จึงอดถามไม่ได้
เขารู้ว่าหากจ้าวอู๋จี๋ไม่มีเื่อะไร ก็คงจะไม่ทำเื่ที่รบกวนคนอื่นแต่เช้าตรู่อย่างนี้
“ตอนเที่ยงมีเพื่อนเก่าเชิญไปทานข้าว นายก็มาด้วยสิ มาเจอสักหน่อย ไม่แน่ว่าต่อไปพวกนายอาจจะได้ติดต่อกันมากขึ้น”
จ้าวอู๋จี๋พูดคำพูดที่ทำให้เจียงไป๋แปลกใจมาอย่างนี้
“เพื่อนเก่าหรือ?” เจียงไป๋แปลกใจ
ไม่เข้าใจว่าคำว่าเพื่อนเก่ามีความหมายแฝงอะไร
เพราะเขาฟังออกว่า ในคำพูดของจ้าวอู๋จี๋ไม่มีความสนิทสนมแม้แต่น้อย แต่กลับมีการเยาะเย้ยเล็กน้อย ความสัมพันธ์ของเขากับเพื่อนคนนี้ เกรงว่าจะไม่ดีนัก
“หลี่ชิงตี้”
ไม่นานจ้าวอู๋จี๋ก็ตอบกลับมา และก็พูดมาแค่หนึ่งชื่อ เจียงไป๋ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
หลี่ชิงตี้กับจ้าวอู๋จี๋เป็เพื่อนเก่ากันแน่นอน แต่เสียดายที่เป็เพื่อนเก่าที่มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีเป็อย่างมาก หากทั้งสองคนล้วนเป็คนธรรมดา ก็คงจะเป็เพื่อนเก่าที่ถอดเสื้อตีกันทั้งวัน
ก็แค่สิ่งที่เจียงไป๋แปลกใจนิดหน่อยก็คือ ทำไมหลี่ชิงตี้ถึงมาที่หลิงเฉวียนได้ล่ะ เขาไม่ใช่ว่าควรจะอยู่ที่ตี้ตูอย่างสงบเสงี่ยมหรือ?
หรือว่าเป็เพราะเฉิงเทียนกัง?
หรือว่าเดิมทีพวกเขาก็นัดกันไว้แล้ว?
“เวลา สถานที่ล่ะ”
เจียงไป๋ตื่นตัวขึ้นมาทันที
หลี่ชิงตี้จะเลี้ยงข้าวหรือ เื่นี้ต้องไปแน่นอน โดยเฉพาะเขาก็เข้าใจแล้วว่าที่จ้าวอู๋จี๋เรียกตนเองไป จะต้องมีความหมายแฝงแน่นอน ไม่แน่ว่าจะมีเื่อะไรเกิดขึ้น
จ้าวอู๋จี๋ไม่ได้ตกลง ก็แค่บอกให้เจียงไป๋รอก็พอ ถึงเวลานั้นก็จะมีคนขับรถมารับเจียงไป๋
สำหรับเื่นี้เจียงไป๋แค่ยิ้มและตกลงไป หลังจากนั้นก็วางสาย
“อ้าว? ทำไมล่ะ”
แต่ตอนนี้ยังไม่ตื่นนอน เป็ธรรมดาที่เจียงไป๋จะไม่แล้งน้ำใจ เขาโอบเหออีอีไว้พลางพูดอย่างยิ้มแย้มว่า “แค่มีคนเชิญไปทานข้าวเท่านั้นน่ะ”
“แบบนั้น … ฉันไปด้วยได้ไหม?”
เหออีอีคิดดูแล้ว จู่ๆ ก็พูดมาอย่างนี้
เจียงไป๋คิดๆ ดูจึงยิ้มและตอบตกลงไป อย่างไรก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร ก็แค่ทานข้าวเท่านั้น และไม่ได้มีคนตายอะไร
พอเห็นเจียงไป๋ลงมา ทางเมิงหวงเฉาก็หัวเราะเสียงดัง และส่งสายตาให้เจียงไป๋อย่างที่ผู้ชายก็รู้ๆ กันอยู่ จนทำให้เหออีอีหน้าแดง
“พวกนาย ทำไมถึงตื่นเช้าอย่างนี้ล่ะ? ฉันยังคิดว่าพวกนายจะนอนกันต่ออีกสักหน่อย” สำหรับเื่นี้เจียงไป๋แค่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไร และเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“เดิมทีก็จะนอนต่ออีกสักหน่อย แต่คุณชายเมิงก็ไม่ใช่ว่ากลัวว่าพอพี่ตื่นมาแล้วจะไม่เห็นพวกเรา และจะให้พี่มารอพวกเราก็ไม่ดี ดังนั้นจึงให้ฉันเริ่มเรียกทุกคนตื่นนอนั้แ่เก้าโมงเช้า ล้างหน้าแปรงฟัน นี่ก็ไม่ใช่ว่าเพิ่งลงมากันเองน่ะ ทำไม พี่เจียง พี่เตรียมที่จะพาอีอีไปหรือ? อย่า ... เลย ตอนนี้ก็กี่โมงแล้ว ไปทานข้าวเที่ยงกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ทางมี่เฟ่ยก็ขอบตาดำอย่างเหนื่อยล้า และพูดอย่างมีอารมณ์แต่ไร้เรี่ยวแรง พูดๆ อยู่ในที่สุดก็กลับมามีชีวิตชีวาแล้ว และให้ข้อเสนอมาอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่านี่ก็เป็สิ่งที่เมิงหวงเฉาจัดไว้ั้แ่แรกแล้ว
“เดิมทีก็ไม่มีอะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่มีคนโทรศัพท์มาหรือ บอกว่าตอนเที่ยงจะเลี้ยงข้าว ดังนั้นฉันไม่ไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นก็ไปด้วยเลยสิ?” เจียงไป๋ทำไม้ทำมือพลางพูดอย่างยิ้มแย้ม และปฏิเสธข้อเสนอของมี่เฟ่ยแล้ว
“อ้าว? เดิมทีพี่เจียงก็ยังมีเพื่อนคนอื่นในหลิงเฉวียนอีกหรือ ฮ่าๆ แบบนั้นก็ดี ทุกคนรู้จักกันสักหน่อย ต่อไปเพื่อนของพี่ก็คือเพื่อนของพวกเรา หากมีเื่อะไรในหลิงเฉวียนพี่วางใจได้ ผมจะดูแลเขาเอง จะไม่ให้เขาเป็อะไรแม้แต่น้อย ใช่แล้ว เพื่อนของพี่ทำงานอะไร?”
พอคำพูดของเจียงไป๋พูดออกมา เมิงหวงเฉาก็หัวเราะ ด้วยท่าทางที่ว่าปล่อยให้เป็หน้าที่ฉันเอง
มี่เฟ่ยกับซุนหยวนก็เห็นด้วย และทำท่าทางราวกับในหลิงเฉวียนไม่มีเื่อะไรที่พวกเขาทำไม่ได้ จนทำให้เด็กสาวสองสามคนเลื่อมใสขึ้นมาทันที ในขณะเดียวกันก็ยิ่งแปลกใจในตัวเจียงไป๋
คนที่ทำให้ลูกข้าราชการใหญ่ทั้งสามคนเรียกว่าพี่ได้ เป็ใครกันแน่ เมื่อวานก็มีเจียงไป๋แค่คนเดียวที่ไม่พูด หรือว่าเป็คนที่มีฐานะสูงกว่าหรือ?
“ไม่ใช่ใครที่ไหน จ้าวอู๋จี๋บอกว่าหลี่ชิงตี้มาจากตี้ตูแล้ว อยากจะเลี้ยงข้าว ไปกันไหม?”
แค่ประโยคเดียวกลับทำให้คนสามคนที่เมื่อครู่ยังภาคภูมิใจอยู่หุบยิ้มทันที และก็ตัวสั่นเทากัน พวกเขามีอาการนายมองฉัน ฉันมองนาย มองหน้ากัน อย่าให้พูดเลยว่าอึดอัดกันแค่ไหน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้